ว่าจะไม่โพสต์เรื่องนี้ไปสักพักแล้ว แต่เห็นคุณ kriengchai ตั้งกระทู้สอบถามในสิ่งที่คิดว่าจะพอตอบได้ และได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 ฉบับที่ 12035 เรื่อง “ศอ.รส.ไม่วางใจม็อบ ยืดกม.มั่นคง” ในหน้าแรก ที่มีความต่อเนื่องไปที่หน้า 14 และที่หน้า 14 จะมีความไปถึงเรื่องใบเกิดที่จตุพรเอามาอ้างและเรื่องสัญชาติ ซึ่งข่าวมติชนได้นำความเห็นทางกฎหมายของ ดร.พันธุ์ทิพย์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศและเรื่องกฎหมายสัญชาติมาลงไว้ว่า ใบเกิดที่จตุพรนำมาแสดงนั้น ไม่สามารถใช้ระบุได้ว่ามาร์คมีสัญชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นความเห็นทางวิชาการตามข้อกฎหมายระหว่างประเทศ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อสมาชิกที่สนใจเรื่องนี้ จึงขอนำมาลงไว้ คือ
1. เรื่องใบเกิดใช้ระบุสัญชาติไม่ไ่ด้
โดยดร.พันธุ์ทิพย์ ให้ความเห็นในทางหลักกฎหมายว่า ..….ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสัญชาติ นายอภิสิทธิ์จะมีสถานะเป็นคนสัญชาติอังกฤษก็ต่อเมื่อมีองค์ประกอบ 3 อย่างครบ คือ
1. มีกฎหมายอังกฤษยอมรับความสามารถที่จะมีสิทธิ์ในสัญชาติอังกฤษ
2. บุพพการี หรือนายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิตามกฎหมายอังกฤษดังกล่าว ได้แสดงเจตนาใช้สิทธิ์ในสัญชาติดังกล่าว
3. มีการรับรองของรัฐ(state recognition) ในสถานะคนสัญชาติอังกฤษ.....…
ในเรื่องกรณีใบเกิดที่เอามาแสดงนั้น ดร.พันธุ์ทิพย์ ได้ให้ความเห็นในทำนองที่ว่าไม่สามารถนำมาอ้างได้ว่าอภิสิทธิ์มีสัญชาติอังกฤษ เพราะในเอกสารนั้น ไม่มีการระบุสัญชาติเด็ก หรือข้อความที่รัฐอังกฤษรับรองว่าเด็กมีสัญชาติอังกฤษแล้ว ดร.พันธุ์ทิพย์เห็นว่าจะต้องใช้ทะเบียนบ้าน หรือ พาสปอร์ตที่มีการระบุถึงสัญชาติ ไว้
อนึ่งสำหรับท่่นที่สนใจและยังไม่เคยเห็นตัวอย่างสูติบัตรของอังกฤษ สามารถดูได้ในกระทู้ที่ห้องไร้สังกัด ที่กระทู้นี้ครับคลิก จะเห็นว่าในสูติบัตร ไม่มีข้อความใดให้บิดาหรือมารดา แจ้งใช้สิทธิสัญชาติหรือแสดงเจตนาจะใช้สิทธิสัญชาติ มีเพียงหลักฐานรองรับการเกิดในราชอาณาจักรอังกฤษเท่านั้น ซึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการใช้สัญชาติอังกฤษจริงๆ ก็คงต้องนำเอกสารนี้ไปใช้เพื่อแสดงเจตนในการใช้สญชาติอังกฤษต่อไป อีกขั้น อาทิเช่น แจ้งนายทะเบียนในเขตที่อาศัย ว่าขอให้ระบุในทะเบียนบ้านว่าเด็กมีสัญชาติอังกฤษ เพราะเกิดในอังกฤษตามสูติบัตรนั้นเอง การจะได้สัญชาติ จึงเป็นคนละขั้นที่ถัดไปจากการเกิดและต้องมีการแสดงเจตนาจะใช้สิทธิ
อนึ่ง ดร.พันธุ์ทิพย์ เป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศและเรื่องกฎหมายสัญชาติ มีหนังสือตำราและบทความเกี่ยวกับกฎหมายสัญชาติ ที่อาจารย์ได้ตีเขียนไว้ก่อนหน้านี้มากมาย เกี่ยวกับเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศและสัญชาติ ปัจจุบัน สามารถใช้ค้นคว้ากฎหมายหรือหาอ่านได้อยู่ในหอสมุดต่างๆ ( อาทิเช่นคลิก ) ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ใน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยดร.พันธุ์ทิพย์ เคยได้ทุนจากสถานทูตฝรั่งเศสไปศึกษาต่อทางด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายสัญชาติเป็นอย่างดี และ และได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาเรื่องสัญชาติ จากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ( คลิกรายละเอียดเพิ่ม 1 และ 2)
2. ไขคำตอบให้คุณ kriengchai P10262585
คุณ kriengchai อ้างกระทู้คุณ Springfield P10261769 ที่โพสต์ไว้ว่า....
คัดมาจาก http://www.ukba.homeoffice.gov.uk/britishcitizenship/othernationality/Britishcitizenship/borninukorqualifyingterritory/
"If you were born in the United Kingdom before 1 January 1983, you are almost certainly a British citizen."
ความเห็น- ต้องเข้าใจไว้สักนิดครับว่าตามกฎหมายอังกฤษ ความเป็นพลเมือง (citizenship)” กับ “สัญชาติ (Nationality)” ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ที่คุณ Springfieldยกมานั้น เขากำหนดให้มาร์คมีความเป็นพลเมืองอังกฤษเมื่อแรกเกิดบนแผ่นดินอังกฤษ แต่ไม่ได้กำหนดว่ามาร์คต้องถือหรือมีสัญชาติอังกฤษ โดยกฎหมายอังกฤษแยกสถานะกันระหว่าง “ความเป็นพลเมือง (citizenship)” กับ “สัญชาติ (Nationality)” และมีการนิยามความสัมพันธ์ระหว่าง พลเมือง citizen กับ สัญชาติ National ไว้แยกกันในกฎหมายสัญชาติอังกฤษ British National Act 1948 ซึ่งเป็นกฎหมายขณะที่มาร์คเกิดที่นิวคาสเซิล ดังนี้
1.(1) Every person who under this Act is a citizen of the United Kingdom and Colonies or who under any enactment for the time being in force in any country mentioned in subsection (3) of this section is a citizen of that country shall by virtue of that citizenship have the status of a British subject.(=national ตามกฏหมายสมัยนั้น)
นั้นคือ บัญญัติว่าเมื่อมีความเป็นพลเมืองอังกฤษแล้ว ก็จะมีสัญชาติอังกฤษ ซึ่งตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ "สัญชาติเป็นสิทธิของบุคคล เขาจะใช้หรือไม่ก็ได้" ไม่มีใครสามารถมาละเมิดเขาได้ คำว่า"จะมี" สัญชาติ ในกฎหมายบทนี้จึงบ่งถึงเหตุที่จะเกิดในขั้นตอนต่อไป เมื่อบุคคลตามกฎหมายนั้นมีสถานะพลเมืองเสียก่อน แล้วอาศัยสถานะพลเมืองนั้น ไปขอใช้สิทธิสัญชาติ เมื่อใดก็เมื่อนั้น แต่เป็นคนละขั้นคนละเวลาที่ถัดไปจากการมีสภาพพลเมืองอังกฤษ
อนึ่ง ตามบัญญัตินี้ สัญชาติอังกฤษตามบทบัญญัติ1.(1) นี้ อาจจะไม่เกิดมีก็ได้หากบุคคลคนนั้น ขอพ้นสภาพพลเมืองอังกฤษไปเสียก่อนจะได้สัญชาติ
ดังกรณีของมาร์ค ปัจจุบันหากถือตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศดังที่นักกฎหมายได้อธิบายไว้ข้างบนนั้นแล้ว มาร์คจึงมีเพียงสถานะพลเมืองอังกฤษ British citizen แต่เนื่องจากมาร์คยังไม่ได้ใช้สิทธิตามกฎหมาย ข้อ 1.(1) เพื่อจะให้มีสัญชาติอังกฤษ มาร์คจึงยังไม่ใช่คนสัญชาติอังกฤษ หรือมีสัญชาติอังกฤษ เพราะ "สัญชาติเป็นสิทธิของบุคคล" ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้นหากมาร์คไม่ประสงค์จะใช้สิทธิสัญชาติอังกฤษ จะไปบังคับว่าเขาใช้สิทธิแล้วไม่ได้
ดังนั้น คงเหมือนกับที่มีสมาชิกบางท่านได้ให้ความเห็นไว้แล้วว่าในกระทู้ก่อนหน้านี้ว่า มาร์คไม่มีสัญชาติอังกฤษ จึงไม่มีสัญชาติอังกฤษที่จะต้องไปสละ น่าจะตอบคำถามที่คุณสงสัยได้
3. ตอบเรื่องอื่นๆ
ตอบคุณลุงถุง เรื่องที่สอบถามเอาไว้หากมีเวลาจะหามาเพิ่มเติมให้ครับ และตอบคุณสิงห็สนามหลวงครับว่า เรื่องที่คุณโพสต์นั้น จะเห็นได้ว่า ผู้พากษา Hans-Peter Kaul เขาให้ความเห็นโดยสุจริตไปตามที่เขาเห็นสมควร เขาไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือผูกพันกับใคร ส่วนที่คุณยกมานั้น เป็นการดิ้นรนของ โรเบิร์ตอัมเสตอร์ดัม ที่ต้องทำไปในการที่ได้รับจ้างมาครับ จึงมีความแตกต่างกันในความบริสุทธิ์ของทั้งสองคนนี้ครับ
แก้คำผิด แก้ลิงค์ที่ผิดพลาด และแก้ไขข้อความให้เมาะสม
.
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 14:38:06
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 13:59:20
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 13:47:41
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 54 13:17:55
ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายสัญชาติสรุป ใบเกิดมาร์คใช้ระบุว่าสัญชาติอังกฤษไม่ได้ และไขคำตอบให้คุณ kriengchai ฯลฯ
