ผมได้อ่านข่าวเรื่องการกล่าวหาเรื่องการเลี่ยงภาษีบุหรี่นี้ด้วยความสนใจเพราะได้เห็นตัวเลขประมาณการการเลี่ยงภาษีที่มีมูลค่ามโหฬารแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยคือสูงถึง 6.8 หมื่นล้านบาท และมีประเด็นสำคัญคือมีการอ้างว่ารัฐบาลแทรกแซงไม่ให้อัยการฟ้องบริษัท เลยพยายามใช้เวลาว่างที่มีที่ออฟฟิศ และที่บ้านตามอ่านเรื่องนี้เท่าที่พอหาอ่านได้ แต่ก็ค่อนข้างจะยากและลำบากเพราะบทความมีน้อยต้องไปดูเอกสารที่ WTO แต่เรื่องนี้เข้าใจว่าจะมีการถกมากขึ้นโดยเฉพาะช่วงที่มีการอภิปรายในสภา วันนี้จึงขอตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนี้สักนิด
อนึ่ง ขอแจ้งสักนิดว่าสมาชิกที่พาดพิงผม ซึ่งเป็นท่านที่เคยได้ถกเรื่องกฎหมายสัญชาติด้วย ผมขออนุญาตไม่ถกกับท่านหากท่านยังมีพฤติกรรมในลักษณะที่เคยถูกจับได้คือแอบอ้างลอยๆ บิดเบือนต่อเติมหน้าข้อกฎหมาย และเลี่ยงการตอบตรงๆ มีแต่ เพ้อเจ้อ ไร้สาระวนไปเรื่อย (คลิกดูข้อสรุปในกระทู้เก่า 1 และ 2 ) แต่หากท่านเลิกพฤติกรรมเช่นนั้นได้ ก็ช่วยกรุณาแจ้งมา ผมยินดีจะเข้าไปอ่านและถกด้วนใหม่
ความเป็นมาของคดีเลี่ยงภาษีบุหรี่นำเข้า 6.8 หมื่นล้าน
คดีนี้น่าจะแยกได้เป็นสองส่วน ส่วนที่หนึ่งคือคดีที่ฝ่ายไทยฟ้องบริษัทฟิลลิปมอร์ริส 6.8 หมื่นล.ในข้อหาสำแดงการนำเข้าสินค้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์เป็นความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร โดยระบุราคานำเข้าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง กับส่วนที่สองที่ ประเทศฟิลิปินส์ทำการฟ้อง WTO กล่าวหาว่าประเทศไทยละเมิดข้อตกลงใน GATT และ และ Customs Evaluation Agreement
เวลานี้ บทความภาษาไทยหรือข่าวภาษาไทยที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีน้อย เฉพาะส่วนที่หนึ่งที่ไทยจะฟ้องบริษัทนั้น ที่ลงไว้ละเอียดมากที่สุดน่าจะเป็นของมติชน ชื่อสกู๊ปข่าวว่า เปิดสำนวนร้อน.. ดีเอสไอ ฟ้อง "ฟิลลิปมอร์ริส" 6.8 หมื่นล. (กดเข้าไปดูได้ที่นี้ )
ในส่วนที่สองนั้น ยิ่งมีข้อมูลน้อยมากในเวลานี้ ต้องเข้าไปอ่านในเวบของ WTO ก็พบมีเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้มากพอสมควร หรือเกินสมควร เพราะเอกสารมีเกือบสิบกว่ารายการ แต่รายการที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็น 3 อันล่าสุด คือ
- Final Report of the Panel ซึ่งมีขนาดใหญ่มากถึง 3.4 Kb เป็นเอกสารสรุปคดีทั้งหมด ออกมาเมื่อ 15 พย 2553
- Joint request by Thailand and the Philippines for a decision by the DSB เป็นการสรุปย่อลงมาหน่อย ออกมาเมื่อ 7 ธค 2553
- Notification of an appeal by Thailand under article 16.4 and article 17 of the Procedures for Appellate Review ที่ไทยยื่นอุทธรณ์ 22 กพ 2554
และ 2 อันแรกคือ
- คำร้องครั้งแรกของฟิลิปินส์ Request for Consultations by the Philippines 12/02/2008
- คำขอเข้ามามีส่วนร่วมของ EU : Request to Join Consultations - Communication from the European Communities 22/02/2008
[ ทุกรายการไม่สามารถใช้ลิงค์ตรงได้ เพราะแม้ใส่ลิงค์ให้ไป ก็จะไม่สามารถเข้าถึงเอกสารได้ ทางเดียวที่จะเข้าไปถึงเอกสารเหล่านี้ได้ก็คือ ต้องเริ่มที่หน้า Find disputes cases ( จี้เข้าไป ) ก่อนแล้วเลือกปีเป็นปี 2008 เลือกประเทศฟิลิปินส์เป็น complainant และเลือกประเทศไทยเป็น respondent ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมา ]
แต่เชื่อว่าสมาชิกที่อยากรอบทความดีๆภาษาไทยเกี่ยวกับรายละเอียดในการพิจารณาบอง WTO น่าจะรอไม่นาน คาดว่าจากนี้ไป จะมีบทความรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาอีกมากแน่ และเอกสารของ WTO ก็อ่านยากมากทีเดียว แต่ท่านใดที่มีมานะจะอ่านก็เชื่อว่า อาจจะได้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมไปล่วงหน้าก่อนได้หากต้องการ
เหตุเกิดมาตั้งแต่เมื่อไร
เรื่องนี้ที่อ่านได้จากข่าวมติชน และจากเอกสารของ WTO นั้นเริ่มมาจากการที่กรมศุลกากรของไทยเอง ยอมให้บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) จำกัด คิดอัตราภาษีศุลกากรจากการแสดงราคาบุหรี่นำเข้าที่บริษัทได้นำเข้ามาจาก กลุ่มบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ในฟิลิปินส์และอินโดเนเซีย โดยการคิดภาษีศุลกากรจากราคาบุหรี่ที่บริษัทสำแดงนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 2546 ถึง สิงหาคม 2549 ( ข้อมูลจากเอกสารคำร้องของฟิลิปปินส์ 12/02/2008 ) จากนั้น ตั้งแต่สิงหาคม 2549 กรมศุลกากรได้เปลี่ยนการคิดภาษีศุลกากรจาก การใช้ราคาสำแดงของบริษัท มาเป็นราคาที่กรมศุลกากรคิดเอง โดยใช้ข้อมูลจากผู้นำเข้าอิสสระรายอื่น (แต่ในสำนวนคดีของดีเอสไอแจ้งว่า การใช้ราคาสำแดงของบริษัท ยังมีมาจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 )
และต่อมาเริ่มมีการกล่าวหาว่าบริษัทฟิลลิป มอร์ริส สำแดงการนำเข้าสินค้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์เป็นความเท็จเพื่อหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีศุลกากร โดยระบุราคานำเข้าต่ำกว่าราคาที่แท้จริง คือ กรมศุลกากรพบว่า บ.ฟิลลิป มอร์ริสฯ สำแดงนำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร ราคา 7.76 บาทต่อซอง และบุหรี่ยี่ห้อแอลแอนด์เอ็ม ราคา 5.88 บาทต่อซอง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับราคานำเข้าของ บ.คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำเข้าบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร ราคา 27.46 บาทต่อซอง และบุหรี่ยี่ห้อแอลแอนด์เอ็ม ราคา 16.81 บาทต่อซอง ทำให้ทางการไทยถือว่า บ.ฟิลลิป มอร์ริสฯ สำแดงราคานำเข้าที่ทำให้ค่าภาษีอากรต่างๆ ต่ำไปประมาณ 68,881 ล้านบาท เมื่อคิดตั้งแต่ปี 2546 ถึง กุมภาพันธ์ 2550
เรื่องนี้เป็นเหตุให้บริษัทฟิลลิป มอร์ริส บริษัทแม่ที่ฟิลิปินส์ ร้องต่อWTO ทั้งในประเด็นเรื่องการคิดภาษีศุลกากรที่ไทยกำหนดขึ้นมาเองโดยอาศัยข้อมูลจากบริษัทคิงพาวเวอร์ไม่ถูกต้อง โดยอ้างว่าราคาของบริษัทคิงพาเวอร์เป็นราคาของ duty-free operator ซึ่งไม่หมือนกับบริษัทฟิลลิป มอร์ริสที่เป็น duty-paid importer ซึ่งความตรงนี้ต้องรอผู้รู้ผูชำนาญมาอธิบายอีกที และยังฟ้องไทยในเรื่องภาษี VAT และการมีผลประโยชน์ขัดกันด้วการที่รัฐบาลไทยเองก็ค้าบุหรี่ผ่านองค์การยาสูบด้วย แต่เรื่อง VATและเรื่ององ๕การยาสูบ นี้ไม่เป็นประเด็นปัญหาคดีของดีเอสไอหรืออัยการหรือที่จะมีการอภิปรายในสภา อนึ่ง ในการร้องครั้งนี้ มี EU เข้ามาขอร่วมการพิจารณาด้วย เพราะต้องการเป็นกรณีที่อาจจะเกี่ยวข้องกันต่อไป
ผลการพิจารณาโดย WTO เป็นอย่างไร
เท่าที่ได้อ่านดูในเบื้องต้นนี้ ในสำนวนที่เป็น Final Report of the Panel นั้นปรากฏว่า คณะกรรมการมีความเห็นไปทางฟิลิปินส์เป็นฝ่ายถูก และเห็นว่าวิธีการคิดภาษีศุลกากร โดยใช้ราคาที่ทางไทยกำหนดขึ้นเองไม่ใช้ราคาสำแดงของบริษัทโดยอาศัยราคาที่ผู้นำเข้ารายอื่นเป็นฐานนั้น ไม่สมเหตุผลและไม่ถูกต้องตาม GATT และ Customs Evaluation Agreement ดังนั้น การที่ไทยใช้วิธีการคิดภาษีศุลกากรแบบใหม่นั้นฟังไม่ขึ้นและไม่สอดคล้องกับข้อตกลงการค้า โดยในรายงานของคณะกรรมการ WTO นั้นมีการวิเคราะห์ตีประเด็นละเอียดและอ้างอิงขอตกลง GATT และ Customs Evaluation Agreement ไว้มากมาย
ในเวลานี้ไทยยังอุทธรณ์ WTO อยู่ ผมไม่ทราบเหตุผลที่อัยการยังไม่สั่งฟ้อง แต่เท่าที่ทราบข่าวส่วนหนึ่งอาจมาจากผลการตัดสินของคณะกรรมการ WTO นี้ ที่ถือว่าการคิดภาษีศุลกากรแบบใหม่ของไทยนั้น ไม่ถูกต้องตามข้อกำหนดใน GATT และ Customs Evaluation Agreement ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ แล้วไทยยังคงเดินหน้าฟ้องบริษัทนี้ โดยที่มีการขัดแย้งในความเห็นเรื่องหลักวิธีการคิดภาษีศุลกากรตรงข้ามกับ WTO ย่อมกลายเป็นว่าไทยฝืนและกระทำการขัดต่อข้อตกลงของ WTO
ผมจึงคิดว่า ฝ่ายไทยต้องทำการอุทธรณ์ WTO อย่างที่ทำ หากมีการพลิกกลับคำตัดสินของ WTO (ซึ่งดูแล้วยาก) จึงดำเนินการฟ้องร้องบริษัทฟิลลิป มอร์ริส ต่อไป และผมเองก็จะรอฟังการอภิปรายในสภาดูก่อนว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร เพราะเรื่องนี้มีรายละเอียดและเกี่ยวพันกับข้อกฎหมายการค้าจำนวนมากมายที่คนธรรมดาอย่างเราๆไม่คุ้นเคยเข้าใจได้ยาก แต่การที่พรรคเพื่อไทยนำเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปว่ารัฐบาลนี้ผิด จะอย่างไรเหตุการณ์ที่ไทยขาดรายได้จากภาษี ที่ควรจะต้องได้นั้น มันก็เริ่มมาตั้งแต่ปี 2546 แล้ว เกิดตั้งแต่ในรัฐบาลคุณทักษิณนะครับ ไม่ได้เกิดมาในรัฐบาลนี้นะครับ
ก็ขอจบการอภิปรายไว้แค่นี้ก่อนนะครับ และหากท่านใดจะทักท้วงเนื้อหาก็ได้ครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก มากเรื่องหนึ่ง

- ขอสรุปวิธีเข้าไปอ่านเอกสาร WTO อีกทีครับคือ ไปที่หน้า Find disputes cases ( จี้เข้าไป ) ก่อนแล้วเลือกปีเป็นปี 2008 เลือก Any dispute, Any subject, ประเทศฟิลิปินส์เป็น complainant และเลือกประเทศไทยเป็น respondent กด seacrh ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาอยุ่บรรทัดล่างสุดเป็น DS371 Thailand คลิกที่ตรงนี้ จะเข้าไปสู่หน้าที่มีการแสดงผลบางส่วน ทางขวามือจะมีกรอบสี่เหลี่ยวเล็กๆ Find all documents from this case เลือก > all documents ที่อยู่ล่างสุดครับ
.
แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 22:15:03
แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 54 12:15:58