การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นในห้วงสุดท้ายของการครองอำนาจของรัฐบาลประชาธิปัตย์นี้ ใครเลยคงคิดว่า มันคือการสัปยทธ์ขั้นสุดยอด ทั้งเรื่องของการเปิดโปงความทุตจริตทั้งเรื่องการไม่ชอบมาพากลในการเบิกงบต่างๆ อันไม่เป็นประชาธิปไตย
แต่หากใครเลย ก็ไม่อาจเท่าทันเกมส์การเมืองได้ ว่าธุรกิจจะต้องสมประโยชน์กันเสมอ ผลประโยชน์บางอย่าง พรรคเพื่อไทยอาจได้ด้วยหรือไม่อาจจะพูดได้ถึงความเลื่อมล้ำอันมากเกิน เช่น การตั้งด่านจราจรอย่างผิดปกติ จับตั้งแต่กระจกหน้ายันป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นที่มาของผลกำไรสูงสุดของการจัดตั้งรัฐบาลในแต่ละครั้ง ซึ่งจะทำตรงนี้หรือไม่ เป็นเพียงนโยบายของรัฐบาลนั้นๆ จะอุดและอำนวยให้กับอำนาจนิติบัญญัติชั้นสูงสุดนั้นได้แค่ไหน
รังแต่ จะมาคุยกันในประเด็นอื่นๆในสภาที่เป็นเพียงการเบี่ยงเบนประเด็นทางการเมือง โดยใช้ชนชั้นล่างในจำพวกนึง เช่นพวกแม่ค้าแม่ขาย หรือพวกประกอบการด้านอาหารอย่างง่ายๆ เช่น พวกการกักตุนน้ำมันพืช และการกักตุนน้ำตาล ซึ่งเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นทางการเมือง หรือเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นจากผลประโยชน์สูงสุด มาสู่ เรื่องที่เป็นปัญหาขั้นต่ำ
สรุปได้อย่างนี้ครับ ภายใต้กฎ ของ ทุนนิยม เขาจะจ้างทั้งผู้ชนะการจัดตั้งรัฐบาลและผู้ แพ้การจัดตั้งรัฐบาล นั่นหมายถึง คนเสื้อแดง ก็อยู่ในกฎนี้ด้วย ภายใต้กรอบความคิดและเหตุผลทั้งหมด ที่คนเสื้อแดงไม่สามารถพูดถึง ความขาดดุลหรือการเสียผลประโยชน์อย่างแท้จริงของประชาชน
สภาเป็นเพียงหน้าฉาก ให้ประชาชนรู้สึกว่ามีใครสักคน กำลังพูดแทนตัวเองอยู่เท่านั้นเอง โดยประเด็นหรือเรื่องราวบางอย่างไม่ได้ถูกแจกแจงหรือถูกอภิปรายออกไป.