Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอบคุณที่ตั้งกระทู้ถึง....ประเด็นร้อนจากสื่อวันนี้ เลือกตั้งจริงหรือ....กระสุน แสนนัด จากข่าวสด และ มติชนออนไลน์ ติดต่อทีมงาน

สวัสดีตอนเย็น ๆ เห็นจะต้องทักทายกันหน่อย

ถึงคุณ sao..เหลือ..noi คนเดียว (มั่ง) โดย คุณnssr@2527
จากคุณ : nssr@2527    
เขียนเมื่อ : 26 มี.ค. 54 17:51:15 A:113.53.87.180 X:  
ถูกใจ : to allow love, My_Tear, Magina, Gungrave, PaTueng, Adiabatic, ไป่ฉี, ซอนต๊อก, ++ตันหยง++, ice_ngungi, รักจริงหวังแต่ง, สะใจโรคจิต, R_Ra_Re, ข้างบูรพา, ก้อยเขียด
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P10384226/P10384226.html
......ขอบคุณที่ตั้งกระทู้ถึง...แล้วไงต่อคะ .....ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง....ขอบคุณที่มีคน ถูกใจ ให้ give กันด้วย

ต่อด้วยข่าวต่าง ๆ อย่างเคยกันดีกว่า


อาฟเตอร์ช็อค

โดย สรกล อดุลยานนท์

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 26 มีนาคม 2554)

มีคนบอกว่าสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติในวันนี้ คือ "อาฟเตอร์ช็อค" ทางการเมืองจากการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

การรัฐประหาร เปรียบเสมือน "แผ่นดินไหว" ทางการเมือง

"แผ่นดินไหว" นั้นคือ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกแบบ "ผิดปกติ"

ทุกครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มักจะตามมาด้วย "อาฟเตอร์ช็อค" อีกหลายครั้ง

ที่ญี่ปุ่น แผ่นดินไหว 9 ริคเตอร์ 1 ครั้ง

แต่ตามมาด้วย "อาฟเตอร์ช็อค" อีกหลายสิบครั้ง

บางครั้งก็หนักหนาระดับแผ่นดินไหวที่พม่า 7 ริคเตอร์ เมื่อวันก่อน

ในพจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน เรียก "อาฟเตอร์ช็อค" ว่า "แผ่นดินไหวตาม"

คือ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้นมา หินต่างๆ รอบๆ ศูนย์กลางไหวสะเทือนใต้ผิวโลกจะพยายามปรับตัวให้คืนสภาพสมดุล

จึงเกิดแผ่นดินไหวตามมาเป็นระยะก่อนจะหยุดไหวสนิท

"การเมือง" ก็เช่นกัน

เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบ "ผิดปกติ" ย่อมส่งผลสะเทือนแบบ "อาฟเตอร์ช็อค" ตามมาเป็นระยะ

การรัฐประหารที่ผ่านมาก็คือ เหตุการณ์ "แผ่นดินไหว" ทางการเมืองเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ "ผิดปกติ"

จากนั้น "อาฟเตอร์ช็อค" ก็ตามมาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรค การก่อตัวของ "คนเสื้อแดง" ความรุนแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หรือความเสื่อมของกระบวนการยุติธรรม ฯลฯ

ทั้งหมดล้วนมี "ที่มา" จากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทั้งสิ้น

ขนาด "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีประกาศแล้วว่าจะยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่

แทนที่ทุกคนจะพุ่งเป้าความสนใจไปที่การเลือกตั้ง

กลับมีคนบางกลุ่มปลุกกระแส "ไม่มีเลือกตั้ง" และ "รัฐบาลแห่งชาติ" ขึ้นมา

ไม่มีใครกล้า "ฟันธง" บอกว่าเรื่องนี้ "เป็นไปไม่ได้"

แม้แต่ "อภิสิทธิ์" หรือ "สุเทพ" เองก็ตาม

ปากก็บอกว่าไม่จริง เป็นไปไม่ได้

แต่ในใจคงหวั่นไหวเหมือนกัน

ถามว่าทำไมจึงหวั่นไหว

คำตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2549

ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง กกต.ลาออก-นายกฯมาตรา 7-ตุลาการภิวัฒน์ หรือการรัฐประหาร

ทุกเรื่องล้วนแต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น

"ตัวละคร" ก็ยังเป็นคนกลุ่มเดิม

ความกลัว "ทักษิณ ชินวัตร" ก็ยังคงอยู่

อย่าลืมว่าการรัฐประหาร 2549 เกิดขึ้นก็เพราะความกลัวว่าพรรคไทยรักไทยจะชนะการเลือกตั้ง

มีคนบอกว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของ "แผ่นดินไหว" นั้นไม่ใช่ความเสียหายทางวัตถุหรือชีวิตคน

แต่เป็นเรื่อง "จิตใจ"

"อาฟเตอร์ช็อค" ทางจิตใจนั้นหนักหนายิ่งกว่าทางวัตถุมากนัก

คนที่เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์

จะเกิดความหวาดระแวงตลอดเวลา

เช่นเดียวกับเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 ที่ทำให้คนไทยเกิดความหวาดระแวง

ไม่เชื่อมั่นว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงตามครรลองประชาธิปไตย

อย่าแปลกใจที่จะไม่มีใครเชื่อคำพูดของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ว่าจะไม่ปฏิวัติ

ไม่มีใครเชื่อ "อภิสิทธิ์" ว่าจะมีการเลือกตั้ง

ไม่มีใครเชื่อว่า "ตุลาการภิวัฒน์" จะไม่เข้ามายุ่งการเมือง ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม เราต้องนึกเสมอว่า "ประวัติศาสตร์" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว

เราแก้ไขอะไรไม่ได้

แต่ "ปัจจุบัน" และ "อนาคต"

เราจัดการได้ !!!

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1301141083&grpid=&catid=02&subcatid=0207

.....ก่อนปฏิวัติ  มีทหารคนไหนบอกบ้างว่าจะปฎิวัติ  แม้เมื่อ ก.ย. 49  ก็มีการปฏิเสธแบบนี้ มิใช่หรือ ?
 

จับสัญญาณ ยื้อเกมเลือกตั้ง

ถึงแม้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และแกนนำรัฐบาลหลายคน ตลอดจนบรรดาแม่ทัพนายกอง

จะออกมายืนยันสนับสนุนการเลือกตั้งตามแนวทางระบอบประชา ธิปไตย ตามที่หลายคนคาดการณ์ ว่าจะมีขึ้นประมาณปลายเดือนมิ.ย. หรืออย่างช้าต้นเดือนก.ค.

ขณะที่พรรคการเมืองน้อยใหญ่ต่างก็ออกมาขานรับ ทั้งยังร่วมมือผลักดันร่างกฎหมายลูก 3 ฉบับ รองรับการเลือกตั้งและการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จนสามารถผ่านสภาวาระแรกไปอย่างรวดเร็ว

คือพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง

ทั้งยังคืบหน้าไปอีกขั้นกรณีมีราชกิจจานุเบกษาลงประกาศ กกต. เรื่องจำนวนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือก ตั้ง และเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด จำนวน 375 เขต ภายหลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 2554

แต่กับกระแสข่าวที่สวนออกมาไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติ หรือการกดดันให้ กกต.ทั้ง 5 คนลาออกหลังการยุบสภา เพื่อให้เกิดสุญญากาศทาง การเมือง นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ นำ 'คนนอก' เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ

นอกจากคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกร้องวิธีการ 'นอกระบบ' ดังกล่าว

การที่ นางสดศรี สัตยธรรม ถอดใจประกาศพร้อมลาออกจาก กกต. หากได้รับการคัดเลือกเป็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ถึงจะมีการยืนยันว่า กกต.ที่เหลืออีก 4 คนยังปฏิบัติหน้าที่ได้ และไม่มีผลกระทบต่อปฏิทินการเลือกตั้ง

แต่ก็เป็นจุดทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มเกิดความไขว้เขว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนดเดือนมิ.ย.นี้ได้จริงหรือไม่

นอกจากนี้หลายคนยังวิเคราะห์สัญญาณแปลกๆ ที่บ่งชี้ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง

ส่วนหนึ่งยังมาจากการประเมินผลเลือกตั้งของโพลหลายหน่วยงานที่ทำขึ้นทั้งในทางลับและเปิดเผย ชี้ตรงกันว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย

ส่งผลให้เครือข่ายทักษิณกลับมาผงาดบนเวทีการเมืองไทยอีกรอบ

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่กลุ่มผู้ถืออำนาจตัวจริงขณะนี้ทำใจยอมรับได้ลำบาก ตรงนี้เองจึงเป็นบ่อเกิดของกระแสข่าวการปฏิวัติ

อย่างไรก็ตามทหารยุคนี้เพิ่งจะผ่านบทเรียน 19 กันยาฯ 2549 รวมถึงเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค.53 ที่ทำให้ภาพพจน์กองทัพไม่ค่อย ดีนักในสายตาประชาชน

จึงเป็นเรื่องถูกต้องที่ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะให้สัมภาษณ์ยืนกรานว่า กองทัพพร้อมสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

ไม่มีการทำปฏิวัติเด็ดขาด

กระนั้นคำยืนยันของพล.อ.ประยุทธ์ดูเหมือนไม่เพียงพอให้พรรคเพื่อไทยคลายความระแวง

จากล่าสุดที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยออกมาปูดข่าวดักคอกองทัพ ตั้งหน่วยเฉพาะกิจกอ.รมน.ไว้คอย 'บล็อก' แกนนำคนเสื้อแดง และผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง

แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ยังมีการเสนออ๊อปชั่นพิเศษจาก 'มือที่มองไม่เห็น' ว่า

ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 แต่ได้จำนวนส.ส.ไม่ถึงกึ่งหนึ่งคือ 250 เสียง ก็ให้นับจำนวนส.ส.ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้

หากเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลรวมกันแล้วมากกว่า ก็จะยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแทน

ข้อเสนอนี้เป็นการจูงใจพรรคร่วมรัฐบาล จึงมีพรรคการเมืองขนาดเล็กจูงมือไปพบปะกัน และประกาศร่วมมือกันในการเลือกตั้ง

"จึงอยากเรียกร้องให้ผบ.ทบ. ประกาศให้ชัดเจนว่าจะไม่ลาก คอพรรคการเมืองไปตั้งรัฐบาล ในค่ายทหาร หรือไม่ก็ปล้นส.ส. พรรคเพื่อไทยออกไปหลังการเลือกตั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว"

หน่วยเฉพาะกิจที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นำออกมาแฉ ถ้าเป็นจริงประเด็นก็ไม่ต่างจากแผนบันได 4 ขั้นในยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือคมช. ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนธ.ค.50

และถ้าเป็นเช่นนั้นผลลัพธ์ก็คง ไม่ต่างกัน คือถึงพรรคประชาธิปัตย์จะได้เป็นรัฐบาลไม่ว่าจะในฐานะพรรคแกนนำหรือพรรคร่วมก็ตาม แต่ปัญหาความขัดแย้งก็จะวนกลับมาที่เดิม เพราะพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงคงไม่ยอมแน่

อย่างไรก็ตามท่ามกลางกระแส วิพากษ์วิจารณ์ว่า การเลือกตั้งไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น การเมืองส่อเค้าถึงทางตันอีกรอบ

'พรรคประชาสันติ' ก็เลือกจังหวะเปิดตัวออกมาได้พอดิบพอดีในฐานะพรรคทางเลือกใหม่

ฮือฮาตรงที่มีการวางตัว ร.ต.อ. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค นายพันธ์เลิศ ใบหยก เป็น ท่อน้ำเลี้ยง เป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่คะแนนเสียงคนกรุง

แต่ขณะเดียวกันผู้อยู่เบื้องหลังสนับสนุนพรรคยังมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงไปถึงระดับบิ๊กในกองทัพ และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับประชาธิปัตย์

ตามข่าวที่ออกมาถึงจะดูซับซ้อนแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ และแน่นอนว่าการคืนสังเวียนการเมืองของ 'ปุระชัย' ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาสันติ

ย่อมก่อให้เกิดแรงสะเทือนต่อพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งกทม. ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนส.ส.โดยรวมทั้งประเทศ

ในสถานการณ์ประชาธิปัตย์ตกอยู่ในภาวะ 'ถดถอย' อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันอำนาจการยุบสภายังอยู่ในมือของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เต็มๆ

ด้วยเหตุนี้เอง อย่าว่าแต่ประชาชนทั่วไป ขนาดนักการเมือง รุ่นเก๋า และเป็นถึงประธานสภาอย่าง นายชัย ชิดชอบ ยังไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อย ว่าจะมีการยุบสภาต้นเดือนพ.ค.ตามที่นายกฯอภิสิทธิ์ประกาศไว้

ตราบใดที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาโปรดเกล้าฯ ลงมา ทุกอย่างยังมีโอกาสพลิกผันได้ตลอด

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEkzTURNMU5BPT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1TMHdNeTB5Tnc9PQ==

......ถ้ามีคนต้องการให้ทหาร exercise พระราชกฤษฎีกา  จะไปเกี่ยวอะไรด้วย  รธน.ยังฉีกได้
ปฏิวัติ  เมื่อ ก.ย. 49  ก็มี พระราชกฤษฎีกา  แล้วมิใช่หรือ ?

**************************************************************************
ดูเรื่องกระสุนกันสักนิดนะคะ  เขาใช้กันไปแค่ไหน  ตอนสลายการชุมนุม  จะมีใครมา
comment  อะไรเพิ่มเติมไหม ?

รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า อาทิ กระสุนปืนลูกซอง เบิกไป 350,000 นัด คืนแค่ 300,000 นัด แสดงว่ายิงไปกว่า 50,000 นัด กระสุนปืนเอ็ม 16 เบิกไป 20,000 นัด คืน 17,000 นัด ยิงไป 3,000 นัด กระสุนเอ็ม 16 เอ 2 เบิกไป 150,000 นัด คืน 105,268 นัด ยิงไป 45,000 นัด กระสุนเจาะเกราะ เบิกไปถึง 85,000 นัด คืนมาเพียง 5,500 นัด หมายความว่าเจ้าหน้าที่ยิงในช่วงที่มีการชุมนุมถึงกว่า 80,000 นัด ยังไม่นับรวมกระสุนสไนเปอร์ที่เบิกไปถึง 3,000 นัด ใช้ไปถึง 2,500 นัด จึงอยากถามว่าในช่วงการขอคืนพื้นที่ ที่ขึ้นป้ายว่า "พื้นที่ใช้กระสุนจริง" มีการใช้กระสุนจากเงินภาษีของประชาชนสูงถึง 100,000 กว่านัดจริงหรือไม่ ที่สำคัญยังมีข่าวว่ามีคลิปวิดีโอที่ถ่ายโดยช่างภาพทหารในวันสลายการชุมนุม ก็หลุดไปอยู่ในมือของคนในรัฐบาลบางคน เพื่อใช้ในการต่อรองบางอย่างอีกด้วย

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNekkzTURNMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNeTB5Tnc9PQ==

เสื้อแดงและ พท.ต้องการค้นหาความจริง กรณี 91 ศพ ตอนพฤษภาคม   โดย คุณม่วงคัน 
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P10303513/P10303513.html

เสื้อแดงอยากรู้ว่ากระสุน แสนนัด ที่ใช้ในการสลายการชุมนุมนั้น  อยู่ใน 91 ศพ  ด้วยหรือเปล่า 
ในเมื่อมีประกาศว่า "พื้นที่ใช้กระสุนจริง"  แปะไว้ด้วย

ลองมาดูกันต่อว่า "เห่าไฟ" ไทยรัฐ  มองการเมืองวันนี้แบบไหน ? กัน

แม้การเมืองวันนี้กำลังเดินเข้าสู่ โหมดเลือกตั้ง แต่ตราบใดที่ยัง ไม่ได้เลือกตั้ง
อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น สาเหตุไม่ใช่เพราะไม่อยากให้มีเลือกตั้ง
แต่เพราะการเลือกตั้งตอนนี้ แก้ปัญหาไม่ได้ คนบางคนตอนเป็นฝ่ายค้าน
ก็อ้างอย่างนี้เพื่อตีรวนไม่ให้มีเลือกตั้ง แต่พอพลิกผันมาเป็นรัฐบาลคุมอำนาจ
ก็กระเหี้ยนกระหือรือจะจัดเลือกตั้งให้ได้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก
เลือกตั้งแก้ปัญหาไม่ได้ แสดงธาตุแท้ให้เห็น พฤติกรรมไม่ได้ต่างจากรัฐบาล
ทักษิณที่ตัวเองเคยด่าสาดเสียเทเสียเอาไว้
กาลเวลาพิสูจน์คนได้จริงๆ!!!...........

"เห่าไฟ" อยากชี้ให้เห็นกันชัดๆ โจทย์ปัญหาปัจจุบันมีอะไรบ้าง และการเลือกตั้ง
ครั้งนี้ จะตอบโจทย์ได้จริงหรือ เรื่องแรก การทำโพลสำรวจคะแนนนิยมของหลาย
สำนักในทางลับ มีแนวโน้มพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ หากเป็นจริง
ถามว่า อะไรจะเกิดขึ้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะรับประกันได้หรือไม่ว่า
นายกฯคนใหม่จากพรรคเพื่อไทยจะไม่เจอกับปัญหาต่อต้านเหมือนที่เคยเกิดขึ้นอีก
เพราะคราวนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยโดนล้มอย่างไม่ชอบธรรม บ้านเมืองต้องวุ่นวาย
เพราะคนเสื้อแดงคงไม่ยอม!!!...........

จำได้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านี้ นักการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านในสมัย รัฐบาลทักษิณ
เคยเตือนเอาไว้อย่างไร คนไทยทุกคนจำได้ดี เพราะนักการเมืองพวกนี้แหกปาก
ตะโกนด่ารัฐบาลทักษิณทุกวันว่า อย่าดันทุรังเลือกตั้ง เพราะแก้ปัญหาไม่ได้
สุดท้ายก็เป็นจริง เพราะการเลือกตั้งแก้ปัญหาไม่ได้จริงๆ มิหนำซ้ำ ยังส่งผล
กระทบรุนแรงตามมามากมาย ทันทีที่กลไกเลือกตั้งใช้ไม่ได้ผล
กลไกตัวอื่นๆในระบบก็ พังพินาศ เมืองไทยก็เลยต้องเดินเข้าสู่
ความวุ่นวายโกลาหลไม่จบไม่สิ้น!!!...........

ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนรู้ดีว่า
การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐอย่าง ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ไม่ว่าฝ่ายใดชนะ ภาพพจน์การเมืองก็จะออกมาเละตุ้มเป๊ะไม่มีชิ้นดี
สาเหตุเพราะเจตนามันฟ้อง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เน้นไปที่เขตเลือกตั้งเล็กลง
ก็เพื่อให้การทุ่มเงินลงไปในพื้นที่เล็กๆได้ผลชะงัก นี่คือ เหตุผลที่นักการเมือง
ทั้งหลายพากันโหวตแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นเฮงซวย แทนที่จะ
แก้ประเด็นสำคัญๆ ที่มีผลโดยตรงต่อการแก้ไขวิกฤติให้บ้านเมืองเราได้
เลวบริสุทธิ์จริงๆ!!!...........

ส่วนผลจากการใช้เงินใช้อำนาจโกงเลือกตั้งกันมโหฬาร ก็จะนำไปสู่การถอนทุน
สะสมอำนาจอย่างผิดๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในรัฐบาลยุคนี้อีก โจทย์ข้อนี้เป็นภัยใหญ่
หลวงต่อบ้านเมืองของเรา เพราะหมายถึงการทุจริตคอรัปชันและการ ย้ายข้าราชการ
อย่างไร้คุณธรรม ซึ่งเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ แล้วก็แก้ปัญหาไม่เคยได้ เพราะแกนนำ
รัฐบาลโดนพรรคร่วมฯขี่คออยู่ "เห่าไฟ" อยากถามว่า หลังเลือกตั้ง ถ้ารัฐบาลชุดนี้
จับมือกันมาเป็นรัฐบาลอีก จะแก้ปัญหาได้อย่างไร!!!...........

คนที่อยากเป็นนายกฯรอบสอง ถ้าจะมีเพียงแค่ ความฝัน หรือรอให้ เทพมาประทาน
อีก คงยาก เพราะที่ผ่านมาสถานการณ์เป็นอย่างหนึ่ง แต่ปัจจุบัน สถานการณ์เป็นอีก
อย่างหนึ่ง หากว่าที่นายกฯรอบสอง ไม่สามารถแก้โจทย์ทั้งหมดข้างต้นได้
ก็ชาติหน้าตอนบ่ายโน้นแหละถึงจะได้รีเทิร์น!!!...........

โดยเฉพาะปัจจุบัน ได้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองใหม่เพื่อพยายามตอบโจทย์
ปัญหาทั้งหมด "เห่าไฟ" ขอย้ำว่า เป็นความพยายามของคนกลุ่มหนึ่ง แต่จะตอบโจทย์
ได้หรือไม่ ต้องไปวิเคราะห์กันอีกที เริ่มกันจากการเปิดตัวพรรคการเมืองที่ชื่อ
ประชา-สันติ โดยชู ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ มาเป็นผู้นำ!!!...........

พูดไปแล้ว โมเดลนี้ คล้ายๆกับโมเดลการเมืองก่อนยุคน้าชาติ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
จะได้เป็นนายกฯ หลายคนคงจำกันได้ ยุคนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯคนกลาง
โดยใช้ ภาพพจน์ความซื่อสัตย์สุจริต เพียงอย่างเดียวในการควบคุมพรรค การเมือง
ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร ที่พูดว่า พรรคทั้งหมด ก็เพราะ พล.อ.เปรม
สามารถสลับสับเปลี่ยนพรรคทุกพรรคในสภาฯให้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ได้
เพื่อรักษาความซื่อสัตย์สุจริตของผู้นำประเทศเอาไว้!!!...........

หากถามว่า วิธีการของ พล.อ.เปรม ใช้ได้ผลหรือไม่ "เห่าไฟ" ไม่อยากตอบ
แต่ให้สาธารณชนดูเอาเองจากปัจจุบัน ภาพพจน์ของ พล.อ.เปรม
ก็ยังเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มี ความซื่อสัตย์สุจริต   ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
แม้โดนถล่มโจมตีอย่างหนักจากคนบางกลุ่มที่มีความคิดแตกต่างกันทางการ เมือง
แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อภาพพจน์ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตที่ได้สร้างเอาไว้!!!
...........
วันนี้ ไม่รู้มีใครบางคนคิดจะใช้ โมเดลเปรมประยุกต์หรือไม่ คือ
จะเอานายกฯคนกลางจากคนนอกไม่ได้ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป ก็เลยเอา
นายกฯคนกลางจากการเลือกตั้งนี่แหละ โดยให้เน้นเรื่อง ความซื่อสัตย์สุจริตอย่างเดียว
เพื่อใช้ บริหารจัดการความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง
วิเคราะห์จากเบื้องหลังของกลุ่มแกนนำในพรรคการเมืองนี้ ค่อนข้างซับซ้อนมาก
มองไปแล้วคล้ายกับความซับซ้อนตอนที่ พรรคประชาธิปัตย์
พลิกผันมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั่นแหละ แต่ วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไป
ปชป.ตอบโจทย์ ไม่ได้ ก็ต้องหลีกทาง เรียกว่า   มายังไงก็ไปยังงั้นว่างั้นเถอะ!!!...........

เห่าไฟ

ไทยรัฐออนไลน์

ฝากความในใจไว้สักนิด ทุกครั้งที่ตั้งกระทู้  แน่นอนว่านอกจากแปะข่าว ก็จะคุยกับเพื่อน ตั้งคำถาม  แลกเปลี่ยน ทัศนะคติกัน  คุยกับคนคิดเห็นเหมือนกัน ได้ประโยชน์อะไร ?ชื่นชมกันอวยกัน  มันก็แค่นั้นเอง   กระดานการเมือง มีไว้เพื่อคุยกันทั้งกับเพื่อนเห็นเหมือนกันและเห็นต่างกัน  มิใช่หรือ ?   อันทีจริงนั้น  ก็ประกาศไว้หลายครั้ง  จะวิจารณ์ก็กรุณาวิจารณ์เนื้อหา    อย่าวิจารณ์คนแปะ  เพราะ  ดิฉันก็คนธรรมดา สามัญ  ไม่ต้องการเป็น..ท่าน..ไร้ตัวตน..ในบอร์ด  เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ทุกคน  เป็นเพื่อน กับทุก ๆ คน แต่ก็มีเพื่อนบางคนเหมือนกัน  ที่ดิฉันต้อง สวัสดีลาก่อน  ก็เพราะการวิจารณ์ในตัวตนนี่แหละค่ะ

 

 

 

จากคุณ : sao..เหลือ..noi
เขียนเมื่อ : 27 มี.ค. 54 18:22:13 A:58.8.171.71 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com