 |
นิยามและคำจำกัดความของคำว่า "คนดี" คืออย่างไร และขอตัวอย่างสักคนสองคน
|
 |
เนื่องจากกระทู้ เลือกตั้ง http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P10391374/P10391374.html
เราไม่ยอมรับการเลือกตั้ง ที่... ไม่สมารถคัดสรร "คนดี" มาบริหารประเทศได้ และไม่สามารถป้องกันคนเลวมามีอำนาจ เบียดเบียนชาติ และประชาชน
มีเพื่อนสมาชิกถามไปทางหลังไมค์ ผมจะตอบไปทางนั้น เขาก็ให้พื้นที่นิดเดียว จึงมาตอบทางนี้
นิยามและคำจำกัดความของคำว่า "คนดี" คืออย่างไร แบบไหน คุณบอกได้ไหม และขอตัวอย่างสักคนสองคนได้ไหม
ที่จริงคำถามนี้เคยมีถาม ตอบกันมา หลายครั้งหลายหน และคิดว่าคงจะมีถามกันตลอดไป ขอนำข้อความจากหนังสือสัมมาสิกขา(พิมพ์เมื่อ 2531) มาให้พิจารณาอ่าน ละกัน ....................................................... เนื่องจากเกิด เป็นคนขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม? เกิดมาศึกษาเอาอะไร? หน้าที่สำคัญที่มีค่ายิ่งสุดคืออะไร? ไม่รู้ว่าชีวิตควรอุตสาหะพากเพียรสู้ทนเพื่ออะไร?
อะไรคือจุดยอดที่คนเกิดมาแล้วควรจะได้?
คำ ตอบจริงๆของคำถามที่ว่า คนเกิดมาทำไม? นั้น คือ.... คนเกิดมาทำงาน พร้อมกับสร้าง ความประเสริฐความดี ให้สูงสุด ให้ได้จุดยอดที่สุดที่คนเกิดมาแล้วควรจะได้ คือ.....
. ความดีความประเสริฐ
แล้วทำไมคนจึงไม่ตั้งหน้าตั้งตาอุตสาหะทำเอา ความดีความประเสริฐ นั้นๆกันละ?? คนไม่ตั้งหน้าตั้งตาทำเอา เพราะหลงผิดใน ความดีความประเสริฐ อยู่(โมหะ) เพราะเข้าใจยังไม่ได้ หรือเพราะ รู้ไม่จริง-รู้อย่างไม่ยืนยันมั่นแท้ (อวิชชา) ว่า... ความดีความประเสริฐ ของคนคืออะไร? . ถ้างั้น ความดีความประเสริฐ ของคน คืออะไรกันแท้ที่สุด?
คือ แชมป์ในเกมส์อบายมุขอย่างไดอย่างหนึ่ง หรือต้องเป็นแชมป์ทุกอย่างหรือ? คือ ความมีเงินทองทรัพย์ศฤงคารมหาศาลที่สุดกว่าใครๆหรือ? คือ ความมียศศักดิ์ล้นฟ้ามหาสถานหรือ? คือ ความมีอำนาจสามารถชี้นิ้ว หรือประกาศิตจนคนกลัวเกรงได้ทั้งโลกหรือ? คือ ความสรรเสริญเยินยอ จนปราศจากคำตำหนิติติงจากคนได้อย่างเด็ดขาดหรือ? คือ การได้เสพโลกียสุขทุกชนิด เช่นเสพสมสุขจากทวาร ๕ และเสพสมสุขทางจิตทวาร ทางภวังค์ ไม่ขาดตกบกพร่องเลย ตามที่อยากที่ต้องการตลอดชีวิตหรือ? คือ ความเก่งในฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์เสกเป่าเนรมิต เหาะเหิน เดินน้ำได้อย่างวิเศษ เป็นต้น จนแปลกประหลาดมหัศจรรย์ น่าทึ่ง น่าฉงนของคนทั่วไปหรือ? คือ สภาพมีความฉลาดเยี่ยมยอด สามารถรอบรู้ถ้วนทั่วในสรรพศาสตร์ สรรพวิชาการ สรรพสิ่งลึกลับในมหาจักรภพครบมหาจักรวาลนี้กระนั้นหรือ?
คำตอบที่ถูกต้องที่สุด คือ.....
เปล่าเลย หาใช่สิ่งที่กล่าวแล้วนั้นๆใดๆไม่เลย ! !
คนเลิกเด็ดขาด ไม่แตะต้องอบายมุขเด็ดขาด จนจิตหลุดพ้นอบายมุขได้จริงแท้ นั่นต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ
คนผู้นำตนเข้ามาพิสูจน์เด่นชัดให้ได้แท้ด้วยตนเองว่า ไม่เป็นทาสเงินทรัพย์ศฤงคารเลยนั่นต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ
คนผู้ไม่เป็นทาสยศศักดิ์ ไม่เห่อเหิม ไม่หลงใหล ไม่ลบหลู่ หรือไม่ติดดียึดดีในยศศักดิ์นั่นต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ
คน ผู้ไม่หลงอำนาจ ไม่ข่มใครด้วยอำนาจ แม้จะมีอำนาจโดยสัจจะธรรมคุณงามความดีที่แท้ ก็ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ไม่ช่างชี้ใช้ แต่กลับเป็นผู้มีเมตตาเกื้อกูล จนคนอื่นยินดีจะรับใช้เกรงใจ นอบน้อมเองด้วยยินดีนั่นต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ
คน ผู้ไม่หลงในสรรเสริญเลย แม้จะมีคำตำหนิก็ยินดีรับฟังรับพิจารณาอย่างตั้งใจจริง ไม่อคติเข้าข้างตน รู้อนุโลมปฏิโลม นั่นต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ
คนผู้ ลดละล้าง จนไม่มีโลกียสุขเลย ไม่หลงเสพสมสุขสมจากทวารทั้ง ๕ ไม่หลงเสพสมสุขสมทางจิตทวารหรือในภวังค์ เป็นผู้ใจพอในความสงบจากรสโลกียสุขทั้งปวงได้จริง(วูปสมสุข) ไม่อยากไม่ต้องการเสพโลกียสุขใดๆอีกเลย ทั้งในกามภพ ทั้งในภวังค์ (รูปภพ-อรูปภพ) นั่นต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ ที่ยิ่งสูงยิ่งยอด
คนผู้ไม่หลงทึ่ง ไม่เห็นมหัศจรรย์ แปลกประหลาดในความเก่ง ฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์เสกเป่าเนรมิต เหาะเหิน เดินน้ำ ฯลฯ เป็นต้น และ ไม่ยินดีไม่สนใจจะส่งเสริมจะศึกษาในเดรฉานวิชาเหล่านี้ แถมแม้ตนเองจะเกิดจะได้จะเป็นจะมีความเก่งเหล่านี้ เพราะมันเป็นบารมีของตน ก็ไม่หลงยินดีไม่หลงแสดง จะเข้าใจด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยซ้ำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุไม่ให้แสดงสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นความถูกต้อง เป็นความเจริญ เป็นความเป็นอยู่ผาสุกของคนของสังคมอย่างแท้จริง คนผู้เป็นเช่นที่กล่าวมานี้ต่างหาก คือ คนมี ความดีความประเสริฐ
คน ผู้ไม่หลงใหลในสรรพความรู้ สรรพศาสตร์ สรรพวิชาการ สรรพสิ่งลึกลับในมหาจักรภพครบมหาจักรวาลใดๆแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ ไม่ได้ด้อยความรู้เหล่านั้น ไม่ได้ไร้ความสามารถฝีมือในสรรพศาสตร์ต่างๆเหล่านั้น ทว่ากลับรู้แจ้งในความจริงที่พอเหมาะพอควร สร้างสรรค์ขยันพากเพียรเสียสละให้แก่สังคมมนุษยชาติอยู่จริงๆ
ที่ สำคัญคือ รู้แจ้งสภาพที่เฉลียวฉลาดแต่ทว่าเอาเปรียบ(เฉโก) รู้แจ้งสภาพไม่หมดความเห็นแก่ตัว ที่มีอยู่ละเอียดสุขุมนักในตน (เฉโก) ว่าแตกต่างกับ ความเฉลียวฉลาดแต่ซื่อสัตย์เสียสละที่แท้ (ปัญญา) จนไม่เหลือเศษความเห็นแก่ตัว ซึ่งต้องมีแต่ความเมตตา ขวนขวายช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์แท้ (ปัญญา)
แล้วผู้ นั้นก็พากเพียรประพฤติอบรมตน จนได้เป็นคนเฉลียวฉลาดซื่อสัตย์เสียสละที่จริง หมดความเห็นแก่ตัวจริงจนได้ อย่างสะอาดหมดจดมั่นคงเที่ยงแท้ (นิยม, นิยต) มีสภาพนั้นเป็นความถาวรประจำตนอยู่ตราบชีวิตจะหาไม่
นั่นต่างหาก คือ คนผู้มี ความดีความประเสริฐ ที่สูงยิ่ง-ยิ่งสูง............ --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้ตัวอย่าง ที่ผมรู้จักก็เห็นหลายคนอยู่ ส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จักนัก บ้างก็เป็นที่รู้จักในวงแคบๆ ยกตัวอย่างจากสื่อแล้วกัน
คนจน - ยายยิ้ม ยิ้มเย้ยยาก สร้างฝายอยู่ในป่าคนเดียว หมอ - หมอเขียว รักษาฟรีทุกโรค ทุกคน ที่รพ.อำนาจเจริญ ครู - ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ท่านเกษียณไปตั้งนานแล้ว เมื่อวานเห็นข่าวว่าท่านยังทำงานกับประชาชนอยู่ - - - - อีกมากมาย - - - - เอาที่สูงสุด ก็ พระเจ้าอยู่หัว ร.๙
ท่านเหล่านี้เป็นตัวอย่าง ให้เราทุกคน ทำตามได้มากบ้างน้อยบ้างตามสถานะ
จากคุณ |
:
P2wichai
|
เขียนเมื่อ |
:
30 มี.ค. 54 18:28:41
A:223.207.20.202 X:
|
|
|
|  |