Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระทู้ผ่อนคลาย กระทู้ "กาลาเมาสูตรฉบับหล่อขวัญ" และตอบชี้แจงคุณ P2wichai ผู้อาจกำลังหลง "ติดดี" ติดต่อทีมงาน

________________________________________________________________________________________________________________________________  

 

"กาลาเมาสูตรฉบับหล่อขวัญ"

 

1. อย่าไปเที่ยวว่าคนอื่นสรรค์วาทกรรมเพื่อสร้างความแตกแยกเลย   ในเมื่อตัวเราเองยังไม่เข้าใจเนื้อหา  ไม่เข้าใจชนิดที่ว่ายังไม่ถึงขั้น "รู้จัก"  แบบไม่ต้องเอ่ยถึงขั้น "รู้จริง" และ "รู้แจ้ง"  ด้วยซ้ำไป

หากเราโดนถามว่า "สร้างความแตกแยกอย่างไร  กับใคร  ใครแตกแยกกับใคร"  เราจะสามารถอธิบายได้ไหม ?

ลองถามตัวตนดูสิว่า  ความแตกแยกที่ตนมองเห็นนั้น มันมาจากความไม่ถูกใจตนใช่ไหม ?

พิจารณาตนก่อนเถิด   ก่อนที่จะตัดสินคนอื่น

เดี๋ยวมันจะเป็นอย่างที่ อ.นิธิ  เอียวศรีวงศ์  เขียนไว้ว่า

"คนชั้นกลางที่ไหน ๆ มันมักจะน่ารังเกียจทั้งนั้น โดยเฉพาะคนชั้นกลางไทย เพราะแ...ไม่อ่านหนังสือด้วย ไม่สนใจห่าเหวอะไรทั้งสิ้นเลย เพราะฉะนั้นมันจะเป็นพวกแบบนี้ พวกดัดจริต เห็นแก่ตัว ไม่เข้าใจห่าอะไร แล้วนึกว่าตัวเองเก่ง เที่ยวตัดสินนู่นตัดสินนี่อยู่ตลอดเวลา" (จาก  http://arayachon.org/article/20090510/1297 )

 

2. อย่ากล่าวหาว่าคนอื่นเขาสับสนในเรื่องประชาธิปไตยเลย   ในเมื่อตัวเราเองยังแยกแยะเรื่องการช่วยเหลือน้ำท่วมกับเรื่องการกระจายอำนาจไม่ได้

แยกแยะเรื่องสามัญอย่างนี้ยังไม่ได้  แล้วตัวเราจะบอกว่าคนอื่นสับสนในประชาธิปไตยได้อย่างไร  เพราะมันจะมีคำถามขึ้นมาว่า แล้วตัวเราล่ะสับสนไหม ตัวเราเข้าใจประชาธิปไตยถูกต้องไหมในเมื่อแยกแยะเรื่องสามัญยังไม่ได้

พินิจเพ่งตัวตนให้ถ่องก่อนเถิด   ก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่คนอื่น

 

3. อย่าเอาแต่ถากถางว่าพรรคการเมืองคนอื่นไม่มีน้ำยา หาหัวไม่ได้เลย  เพราะพรรคการเมืองที่เราเชียร์นั้น  โดนจดหมายลาออกของสมาชิกพรรคเข้าไปก็ได้แต่เงียบงุบ   มีเพียงโฆษกเทพออกมาบอกว่า แค่สมาชิกธรรมดาเท่านั้น

มันก็พิลึกดี   เหตุผลในการลาออก 5 ข้อคือสาระสำคัญ คือประเด็น  แต่กลับไม่ตอบไม่ชี้แจง ก็คงเพราะมันจุกอก เถียงไม่ออกบอกไม่ถูก  เลยต้องใช้วิธีถนัดคือทำลายความน่าเชื่อถือไว้ก่อนด้วยวาทกรรมคำว่า สมาชิกธรรมดา (พรรคการเมืองพรรคนี้เก่งในการเล่นกระแส  เรื่องใดตอบได้และได้เปรียบ จะตอบโต้เป็นชุด ๆ  ฉอด ๆ ๆ ๆ ตั้งแต่ท้ายแถวยันหัวแถว   แต่ถ้าเรื่องใดตอบไม่ได้เถียงไม่ออก มีทีท่าว่าเสียเปรียบ จะทำลืม ไม่พูด ไม่ต่อปากต่อคำตามถนัด  ถือหลักไม่พูดให้เรื่องมันเงียบไป รอจังหวะหาประเด็นอื่น ๆ มากลบ)

เหตุผล 5 ข้อมีอะไรบ้าง   ขอเอามาให้ดูพอสังเขปอีกครั้งหนึ่ง  ดังนี้

(1.) พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีวันชนะใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ เพราะขาดความจริงใจมุ่งแต่สร้างภาพจอมปลอม ประโยคนี้เป็นสัจธรรมเสมอ มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์และน่าจะเป็นจริงตลอดไปด้วย ตราบใดที่จะยังคงมีพรรคนี้อยู่ในเวทีการเมืองไทย   เพราะประวัติศาสตร์บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์มักจะได้อำนาจรัฐหรือได้เป็นรัฐบาลโดยการเพลี่ยงพล้ำของพรรคขั้วตรงข้าม และมีพลังอำนาจพิเศษที่มาหนุนอยู่ตลอด  .....

(2.) การมุ่งเล่นแต่การเมือง ทำให้บรรดานโยบายของพรรคที่ออกมา ขาดพื้นฐานด้านข้อมูลที่เป็นจริง ขาดการศึกษาและวิเคาระห์ถึงปัญหาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์ถึงแม้ว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่แก่ที่สุด แต่ก็ไม่เคยมีนโยบายเป็นของตัวเองมาก่อน บรรดานโยบายของรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการคัดลอกและดัดแปลงมาจากนโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทยในอดีตทั้งสิ้น .....

(3.) บริหารไร้ประสิทธิภาพแต่โกงเป็นมาตรฐาน ด้วยนโยบายหว่านผลประโยชน์กับการสร้างภาพของรัฐบาลชุดนี้ ทำให้รัฐต้องแบกภาระเพิ่มขึ้นมากมาย จะเห็นได้ว่ามีการกู้เงินมหาศาลกว่ารัฐบาลใดในอดีตเสียอีก แต่ลำพังการกู้นั้นมิสามารถทำให้รัฐบาลดำเนินนโยบายไร้ประสิทธิภาพเหล่านั้นต่อไปได้มากนัก .....

(4.) ไม่สร้างความปรองดองกลับสร้างความแตกแยก ก็ต้องยอมรับว่าในขณะที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารประเทศนั้น สังคมไทยอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งอย่างหนัก รัฐบาลประชาธิปัตย์เข้ามาพร้อมกับการต่อต้านของขั้วตรงข้ามในนามกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเริ่มก่อรูปมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์รัฐประหารรัฐบาลทักษิณ การเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงนั้นต้องการล้มล้างรัฐบาลประชาธิปัตย์และคืนอำนาจแก่อีกขั้วการเมืองเป็นหลัก .....

(5.)  สิ่งที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์เขาพระวิหารแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างชัดเจน เพราะสิ่งที่นายกอภิสิทธิ์ได้เคยอภิปรายโจมตีในการยื่นยัตติไม่ไว้วางใจนายนพดล ปัทมะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชเกี่ยวกับบูรณภาพเหนือดินแดนรอบตัวปราสาทเขาพระวิหาร กลับกลายเป็นสิ่งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ดำเนินการเหมือนกับรัฐบาลพรรคพลังประชาชนและตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองพูดไว้ในสภาอย่างสิ้นเชิง .....

ยิ่งถ้าได้อ่านรายละเอียดในแต่ละข้อ  ยิ่งได้แต่กลอกหน้า    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1301372216&grpid=&catid=02&subcatid=0207

 

4. อย่าเที่ยวแต่ท้าคนอื่นเขาพูดอยู่เลย   พูดมามากแล้ว  พูดจนจำไม่ได้  วันนี้พูดอย่างนี้วันหน้าพูดอย่างนั้น  วันนั้นพูดอย่างโน้นวันนี้พูดอย่างนู้นนนนนนนนนน......  จนประชาชนจะจำชื่อไม่ได้อยู่แล้วเพราะเขาจำได้แต่คำว่า "ดีแต่พูด"

บริหารงานให้มันเข้าตาได้ใจประชาชนสักเรื่องบ้างเถิดพ่อคุณ   เห็นแต่ไม่ได้เรื่องไปซะทุกเรื่อง  เช่น

ให้ข้าราชการคนนั้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยไม่ได้เพราะพัวพันกับเรื่องทุจริตคอมพิวเตอร์  ขึ้นปลัดไม่ได้ก็กลับไปเป็นอธิบดีกรมการปกครองอย่างเดิม   มันก็พิลึกดีนะ   ถ้าพัวพันจนเป็นปลัดไม่ได้ แล้วทำไมถึงเป็นอธิบดีอยู่ได้  และวันนี้ก็ตามมาด้วยการมีอธิบดี 2 คนในกรมการปกครอง   บริหารแบบพิลึก ๆ แบบนี้หาได้อีกที่ไหน (ปากพูดว่าต้องคืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้เขา แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่วี่แววได้คืน  เพราะมีการหาช่องเล่นเชิงชิงเหลี่ยมกันอยู่  นี่เขาเรียกว่าบริหารแบบไม่บริหาร  บริหารด้วยปาก  คิดว่าการพูดคือการทำงาน  พูดแล้ว แล้วไป จะมีผลอะไรตามมาเป็นเนื้อเป็นน้ำหรือไม่ ไม่รับรู้)

ปวดตับจริง ๆ 

 

เมื่อย 

พอ 

 

 

 

คุณ P2wichai ครับ   ขออภัยด้วยครับเรื่องหลังไมค์   มันเต็มครับ   ผมเพิ่งลบออกไปตะกี้นิดหนึ่ง  เพราะกว่าจะลบได้แต่ละอันนานมาก ๆ   

วัยรุ่นอย่างผมรอมะหวาย

 

ทีนี้  มาเรื่อง "คนดี"   

ที่คุณถามผมว่าคนดีในมุมมองของผมนั้นเป็นอย่างไร  ใช้อะไรเป็นเครื่องวัด

ขอตอบดังนี้ครับ

"คนดี"  ในมุมมองและเครื่องวัดของผม   ผมยึดในหลัก  3  ประการครับ

1. หลักตามอย่างที่ขงจื๊อบอกไว้ว่า "คนดีหรือคนเลว มิได้ดีหรือเลวในตัวเอง จนกว่าเขาจะทำให้สังคมดีขึ้นหรือเลวลงเท่านั้น คนดีหรือเลวโดยปราศจากความผูกพันกับสภาวะสังคมไม่เคยมี"

(คุณ P2wichai  พิจารณาดูนะครับ   บ้านเมืองเรามันอลเวงอยู่ตอนนี้  เพราะ "คนดี" ที่เรายกย่องชูหางกัน หรือเพราะ "คนเลว" ที่เรารุมประนามกันแน่)

2.  ผมถือหลัก NOBODY IS PERFECT 

คนบางคนอาจเหมาะกับเรื่องหนึ่ง แต่ไม่เหมาะกับเรื่องหนึ่ง

คนบางคนอาจเหมาะกับสถานการณ์หนึ่งแต่ไม่ไหวกับสถานการณ์หนึ่ง

มันจึงตามมาด้วยหลักข้อ 3 ครับ คือ

3. PUT THE RIGHT MAN ON THE RIGHT JOB    อย่างเอานักโต้วาทีดีแต่พูดมาบริหารบ้านเมืองนี่  เละครับ

ข้อ 2 และ ข้อ 3 นี้จะผูกโยงไปยังข้อ 1  นั่นก็คือผลกระทบต่อสังคม

นี่คือ "คนดี" ในมุมมองและเครื่องวัดของผมครับ

 

ท่านพุทธทาส ท่านสอนไว้ว่า

                                         "เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา                     จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่
                                          เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู                    ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย

                                          จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว                         อย่ามัวเที่ยวค้นหาสหายเอ๋ย
                                          เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย       ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง"

                                                                       ..........................................................

 

สุดท้าย  ในหัวกระทู้ที่ผมบอกว่าคุณอาจกำลังหลง "ติดดี" นั้น    อย่าเข้าใจว่าผมตำหนิคุณนะครับ

คำว่า "ติดดี" มันคือคำพระท่านสอนไว้  สอนคนที่เชื่อตนจนเลยเถิดเป็นทรนง   มีความเชื่อในตนจนขาดปัญญา   ซึ่งภาษาพระเรียกว่า  ศรัทธาเหนือปัญญา   เหนือปัญญาจนเชื่ออะไรไปแบบผิด ๆ

โปรดอ่านคอลัมน์นี้เพื่ออุปมาอุปไมยดูได้ครับ  http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dOakkwTURNMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdNeTB5TkE9PQ==

 

ขอบคุณครับ

 

 

แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 54 12:31:59

จากคุณ : ตระกองขวัญ
เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 54 12:26:37 A:180.180.53.183 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com