เลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ?

1. การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น  หากชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยชนะเกือบครึ่งหรือเกินครึ่ง   การเลือกตั้งต้องม้วนเสื่อแน่นอน   จะม้วนเสื่อด้วยสาเหตุใด อันนี้ไม่ยาก  การสร้างเงื่อนไขในเรื่องนี้มันง่ายนิดเดียว

ดูอาการประธาน กกต.ก็เห็น   ทำงานผิดพลาดอย่างแรงในกรณียุบพรรค ปชป. ดันทำไขสือไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ   แต่พอจะมีการเลือกตั้งก็พูดอย่างไม่อายว่า หากใครกดดันก็จะลาออก

โธ่...  คุณจอห์น  ("ไอ้จอห์น" เป็นสำนวนฮิตของคนรุ่นลุง)  

2. พรรคเพื่อไทยชนะก็ไม่มีความหมาย  เพราะมีดาบสองดาบสามดาบสี่ตามมา  อย่างที่เคยทำมาแล้วกับพรรคพลังประชาชน  คือ  ม็อบ  ปลด  ยุบ  เปลี่ยน

3. หากวิธีตามข้อ 2  ดูซ้ำซาก  ก็ใช้วิธีใหม่   คือเรื่องคดีความของแกนนำแดงและ ส.ส.เพื่อไทยที่มีส่วนพัวพัน   โดนเรียบพร้อมหน้าพร้อมตาพากันเข้าคุกและโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง  ไม่ห้ามคนเสื้อแดงชุมนุม  แต่อย่าสร้างความรุนแรงวุ่นวายเกินควร

4. หันมาสนับสนุนพันธมิตรอย่างเต็มที่  จากม็อบร้อยก็จะกลายเป็นม็อบหมื่น  ตามมาด้วยการปฏิวัติเงียบ  ใช้อำนาจพิเศษ  หนทางพิเศษ  รัฐบาลพิเศษ 

5. สร้างเงื่อนไขให้ประชาชนปะทะกัน  แล้วปฏิวัติแบบไม่เงียบ  ใครแข็งขืนต่อต้านก็มอบของที่ระลึกให้อีกสักแสนสองแสนนัด   ตามมาด้วยการกวาดล้างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

6. ลากถูไถไป    รอถึงกลางปีหน้า   ให้ 111  พ้นโทษ   ดึงบางส่วนมาเป็นหน้าฉากแทน ปชป.

7. บ้านเมืองวุ่นวายต่อไป    ฝ่ายหนึ่งเรียกร้องความเป็นธรรม   ฝ่ายหนึ่งต้องการความสงบราบคาบโดยอ้างว่านั่นคือความสงบสุขของบ้านเมือง

นี่คือความสุขของ "มือที่มองเห็น ๆ"

ตราบใดที่กุมสภาพได้   ตราบนั้นแหละคือ "เกมอำนาจ" ที่ "มือที่มองเห็น ๆ" พึงใจ

by ตระกองขวัญ

---------------------------------------------

โอย แบบนี้แย่แล้วครับ ข้างบนนี้เป็นเนื้อความของกระทู้ ที่ผมแตกประเด็นมา

และกระทู้นั้น มีคนให้กิ๊ฟเยอะมากซะด้วย แย่ล่ะครับ แย่ล่ะ คนที่เห็นด้วยกับเนื้อความข้างบน ส่วนใหญ่เข้าใจไปได้เลยว่า เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะเข้าใจอะไรๆไปในทางเดียวกัน และคำเขียนของคุณตระกองขวัญ มันแทบจะก๊อปปี้แกนนำเสื้อแดงมาเลย แบบนี้แย่แล้วครับสังคม ถูกปลุกปั่นให้เข้าใจการเมืองแบบผิดๆไปเยอะมาก

ครั้งหนึ่ง คนเสื้อแดง คือผู้ที่มีอุดมคติ มีอุดมการณ์ และเจตคติที่สวยงาม เต็มไปด้วยศิลธรรม จริยะธรรม จรรยาบรรณ แต่เวลาที่ผ่านเลยไปและผ่านเลยมา ไม่มีสิ่งใดสมความปราถนาอย่างเป็นรูปธรรมเลย มันเลยกลายเป็นความชิงชังกับความจริง ทำให้มีทัศนะคติที่เพ้อฝัน และคิดอะไรต่างๆเข้าข้างตัวเอง ตรงนี้ผมไม่โทษประชาชนผู้หลงผิด แต่ผมจะโทษ ผู้ชี้นำ ผู้ชี้นำน่าจะรู้แจ้งเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศเป็นอย่างดี แต่กลับให้ความรู้ที่คลุมเคลือ เต็มไปด้วยความสับสน และสร้างให้ประชาชน อยู่อย่างสัตว์ป่าที่กลัวเสียงปืนของนายพราน

ผมจะชี้แจงและเห็นแย้งเป็นข้อๆ ไปเลยนะครับ

ข้อ 1 มีความเข้าใจว่า การเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นเพราะทางรัฐบาลประชาธิปัตย์ หรือตัวแทนของคณะปฎิรูปฯ ( คปค. ) กลัวว่า ถ้าเกิดการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็จะได้เสียงข้างมาก หรือได้คะแนนเพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้

เป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้กฎการปฎิวัติ ทุกอย่างต้องถูกควบคุม โดยเฉพาะตัวผู้ถูกล้มอำนาจ และอำนาจทั้งสามส่วนของประเทศก็ต้องถูกยึดและควบคุมด้วย นั่นคือ อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ

รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลที่มีความหมายที่ว่า ถูกแต่งตั้งจากคณะปฎิรูปฯ ก็ได้ จากการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองจากรัฐบาลพรรคพลังประชาชน และเขาจะครองอำนาจนี้ไปอีกเท่าที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเลยว่าใครจะได้จัดตั้งรัฐบาล คนของเขาทำการจัดการ ผลของการจัดการก็ต้องให้ผลประโยชน์กับเขาอยู่แล้ว

ข้อ 2 พยายามจะบอกว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลได้ จะโดนจัดการจากอำนาจต่างๆ ที่คณะปฎิรูปฯ แต่งตั้งขึ้น

อันนี้ ก็ยังเข้าใจผิดอีกแหล่ะครับ แผนการของคณะปฎิรูปฯก้าวเดินเลยจุดนั้นมาแล้ว เขาย่อยสลายพรรคไทยรักไทย เล็กลงพอที่เขาจะไม่ต้องทำอะไรที่ขัดสายตาอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว การนำการเมืองสู่การเมืองแบบหลายพรรคสำเร็จลุล่วงไปแล้ว โดยผ่านทั้งแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผ่านทั้งแกนนำเสื้อแดงด้วย เพียงเพราะ กโลบาย การท่องคำว่าประชาธิปไตย ทุกๆวัน ทำให้พรรคการเมืองเกิดขึ้นมากมาย และตัวละครที่จะทำให้แผนของคณะปฎิรูปฯสมบูรณ์ขึ้น ก็เกิดขึ้นอีก 1 นั่นคือปุระชัย จึงเข้าใจไปได้เลย ว่าในบทนี้ เขาจะไม่ใช้วิธียุบพรรค หรือใบเหลืองใบแดงอย่างน่าเกลียดแล้ว ลำพังการนับคะแนนด้วยคนของเขา และการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล มันก็เนียนเสียกว่า ต้องมาทำอะไรประเจิ่นประเจ่อ

ข้อ 3 มีความเข้าใจว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ หรือองกรที่เป็นตัวแทนของคณะปฎิรูปฯ จะยัดข้อหาความผิดให้กับแกนนำเสื้อแดง และ สส. พรรคเพื่อไทย

โห อันนี้ดูจะเชื่อมั่นในองกรเสื้อแดง และนักการเมืองเอามากๆเลยนะครับ ซึ่งเป็นการเข้าใจการเมืองที่ผิดอีกเช่นกัน และผิดมากด้วย

อย่างนี้นะครับ กฎของการเมือง คือ นายทุน จะให้ทุนและจ้างนักการเมืองเข้าไปในสภาเพื่อผ่านกฎหมายและนโยบายต่างๆ ที่เอื้อผลประโยชน์ของนายทุน ผ่านผู้แทนราชฎรต่างๆ และมันไม่เพียงจ้างเฉพาะพรรครัฐบาลเท่านั้น หากแต่มันยังจ้างพรรคฝ่ายค้านด้วย ( อันนี้ ใครๆคงไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ เพราะมันไม่มีทั้งในแบบเรียน และไม่มีให้ได้ยินตามสื่อต่างๆด้วย แต่นี่คือกฎของการเมือง ทุกๆประเทศ ) นั่นก็หมายความว่า... เสื้อแดงที่มีอุดมการณ์ที่เพลิดแพร้วแท้จริงแล้วคือใครกันแน่ ?

ข้อ 4 กำลังจะบอกว่า ม๊อปพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอกครับ เพราะอย่างที่บอกไปแล้ว พรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ และผลของคะแนนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะแพ้เกือบทุกจังหวัดด้วย โดยคะแนนพรรคเพื่อไทยจะแพ้อย่างไล่เรี่ยกับพรรคที่ชนะ จึงทำให้พรรคเพื่อไทยได้ สส. จริงๆ เฉพาะจังหวัดที่เป็นสีแดงจริงๆ และผมก็ไม่เชื่อด้วย ว่าจะชนะพรรคขนาดกลางอื่นๆด้วย เพราะฉนั้น ไม่จำเป็นต้องปฎิวัติรัฐประหาร รัฐบาลที่เป็นตัวแทนของตัวเองให้มากความ การจัดการการเมืองสำเร็จเรียบร้อยไปแล้ว

ข้อ 5 ข้อนี้ พยายามจะบอกว่า เมื่อเกิดม๊อปแดง รัฐบาลจะปราบปรามอย่างหนักอีกครั้ง อันนี้จริงครับ เชื่อว่า การที่ม๊อปแดง ปั่นกระแสปฎิวัติ เพียงเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในการที่จะก่อม๊อปครั้งต่อไป โดยใช้เงื่อนไขว่า รัฐบาลที่ไม่ใช่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมต่างๆนาๆเท่าที่จะคิดขึ้นได้ เพื่อก่อม๊อป และก่อวินาศกรรม อันเป็นการสร้างตัวเองให้สอดคล้องกับวิถีโลก นั่นคือ " ปฎิวัติดอกมะลิ " ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับประเทศที่ ( จงใจ ) เปิดให้มีการประท้วงได้อย่างผิดปกติ เช่น ประเทศไทย และตะวันออกกลางบางประเทศ และผลลัพธ์ของม๊อปแดงก็จะเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา

ข้อ 6 เป็นธรรมดาล่ะครับ ในบ้าน 111 เป็นนักการเมืองที่ถูกปฎิวัติยึดอำนาจในรัฐบาลไทยรักไทย นักการเมืองเหล่านี้ ก็อยู่ภายใต้อาณัติ หรือยอมจำนนไปแล้วต่อคณะปฎิรูปฯ ทำให้เขาเหล่านี้ ก็จะเล่นการเมืองไปในแบบแผนที่คณะปฎิรูปฯวางแผนไว้ หรือต้องการ เท่านั้นเอง

ข้อ 7 ข้อนี้ เป็นการขาดจิตสำนึกของผู้ฝักใฝ่ม๊อปแดง เราจะเห็นได้ว่า จากกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์ที่บรรเจิดและสร้างสรร กลับกลายเป็นกลุ่มคนที่เพ้อฝันคิดอะไรเข้าข้างตัวเองไปเสียหมด มองไม่เห็นวิธีแก้ปัญหา หากรู้ว่าบ้านเมืองจะวุ่นวาย เราต้องมีนวัตกรรม ที่จะนำพาบ้านเมืองและการเมืองให้เดินต่อไปได้ ไม่ใช่อยู่ภายใต้เกมการเมืองอย่างที่เป็นอยู่ การจงใจให้บ้านเมืองวุ่นวายด้วยความสะใจ มันเป็นเพียงสิ่งที่คนขาดสติ และเสียสติเท่านั้นที่จะคิดและทำได้ ผมถึงได้กำชับอยู่ตลอดๆว่า อย่าเชื่อกระแสปลุกปั่นทางการเมืองต่างๆ เมื่อม๊อปแดงเป็นม๊อปที่ถูกทำให้เข้าใจการเมืองผิดๆ เราคงรู้แล้ว ว่าต้นเหตุคืออะไรและเพราะอะไร บางที มันก็ใช่ อย่างที่คนเลวๆที่คนเสื้อแดงด่าทุกวัน อาจจะพูดอะไรถูกแล้วตั้งแต่ต้นก็ได้

" เพราะมีม๊อปแดง คำพูดและพฦติกรรมเลวๆของเขา จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง "