ผมเชื่อว่า การโพสต์ลงที่นี่คงจะเป็นช่องทางที่จะสื่อสารถึงท่านได้ และการโพสต์ในครั้งนี้ของผม เกิดจากความคิดเห็นของผมเองคนเดียว ไม่เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นจากใคร ไม่ว่าจะเป็นจากฝั่งปชป.หรือพท.

สิ่งที่จะเรียนท่านต่อไปนี้ เกิดจากการไตร่ตรองและมองรอบด้านอย่างดี

[b]1.[/b] ท่านครับ ผมอยากให้ท่านลองนึกถึงสูตรรัฐบาลที่อยู่ในสถานะของคำว่า สมานฉันท์ (อย่างแท้จริง)

ตามความเห็นผมและประชาชนอีกมากมาย ล้วนทราบว่า หลังเลือกตั้ง ไม่ว่าปชป.หรือพท.ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ล้วนแล้วแต่จะเกิดสภาพสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวายในสังคมแบบไม่รู้จบ

เพราะถ้าปชป.เป็นแกน ชาวเสื้อแดงก็จะออกมา หรือถ้าพท.เป็นแกน ชาวเสื้อเหลืองรวมถึงประชาชนที่เป็นพันธมิตรเดิมก่อน 19 กย. ก็จะออกมาอีกเหมือนกัน แล้วแบบนี้ความสงบสุขจะเกิดได้อย่างไรในสังคม การเมืองที่มีแกนนำจากสองขั้ว ขั้วใดขั้วหนึ่งเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล เสถียรภาพจะเกิดได้อย่างไร?

ท่านเคยคิดถึงสูตรนี้ไหมครับ ปชป.+พท. (หรือ พท.+ปชป. แล้วแต่จะเขียนครับ)

สูตรนี้ดีอย่างไร ในสายตาของผมและพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั่วไปอีกเป็นจำนวนมาก

- อย่างน้อยเราท่านต่างมั่นใจได้ว่า ความวุ่นวายทางการเมืองจะน้อยลง (แม้จะมีพวกไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ก็จะเหลือน้อยลงอย่างมากครับ)

- เสถียรภาพของรัฐบาลจะเข้มแข็งมาก อันเป็นสภาพที่ดีทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนและพ่อแม่พี่น้องประชาชนโดยทั่วไป

- เอาเข้าจริง นโยบายของทั้งสองฝั่งก็มิได้แตกต่างกันมาก กลับกันหากมีการรวมตัวจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน ความคิดและนโยบายต่างๆจะสามารถปรับแต่งและต่อยอดกันได้เป็นอย่างดี

[b]2.[/b]  ท่านครับ การแสดงความจงรักภักดี เราต้องทำอย่างจริงจัง เราคงต้องยอมรับว่า ที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจริงๆแล้วท่านจะคิดอย่างไร แต่การให้สัมภาษณ์ของท่านผ่านวีดิโอลิงค์ ฯลฯ ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวเลยต่อประชาชนที่วางตัวเป็นกลางๆ (คงไม่ต้องพูดถึงฝั่งที่ต่อต้านท่าน)

สูตรพท.+ปชป.อย่างที่ผมกล่าวถึง ไม่เพียงจะสร้างสถานะสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในทางการเมือง แต่ยังไปสนับสนุนและยืนยันในความตั้งใจของท่านว่า ท่านต้องการและตั้งใจจะทำให้เกิดความปรองดองอย่างแท้จริง นั่นรวมถึง สถานะที่สร้างความมั่นใจต่อคนทุกกลุ่มได้ว่า ท่านจงรักภักดีจริง และไม่มีเจตนาหรือนัยแฝงใดๆ อยู่ด้วย

ท่านครับ หากพท.ได้เสียข้างมาก และจัดตั้งรัฐบาลฝั่งเดียว แม้ท่านหรือบริวารของท่านพยายามจะบอกว่า ท่านจงรักภักดีและไม่ต้องการจะนำพาประเทศชาติไปสู่ เป้าหมายใดๆหลังเลือกตั้ง คำพูดหรือสถานะของรัฐบาลแบบนี้ มันจะมีน้ำหนักและยืนยันในคำพูดของท่านได้อย่างไร? ในเมื่อเราก็ต่างเห็นสภาพการชุมนุมและการให้สัมภาษณ์ รวมถึงการโพสต์ข้อความต่างๆ ในโลกออนไลน์ (ไนบอร์ดอื่นๆไม่ใช่ที่นี่) ยังเต็มไปด้วย สภาพที่มันขัดแย้งต่อคำว่า จงรักภักดี สันติและสมานฉันท์ อย่างหน้ามือกับหลังมือ

ตังนั้น แม้ว่าท่านจะพูดอย่างไร อีกฝั่งคงไม่มีใครเชื่อ ว่าหากท่านได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลฝั่งเดียว (นั่นหมายถึง ท่านสร้างสถานะให้เกิดความไม่แน่ใจ และหวาดระแวงจากอีกฝั่งว่า พอท่านกลับมามีอำนาจแล้ว ท่านจะไม่ทำตรงกันข้าม) เว้นแต่ท่านเองมีส่วนในการสร้างสภาพสมานฉันท์ทางการเมืองขึ้นมาอย่างที่ผมกล่าวข้างต้น

[b]3.[/b]  ท่านครับ การขอพระราชทานอภัยโทษ เราคงต้องแสดงว่า เรายอมรับผิดก่อน แต่หากเราพูดเพียงว่าสำนึกในความผิดพลาดที่แล้วๆมา โดยไม่ยอมรับการลงโทษใดๆ เลยแม้[b]ในช่วงสั้นๆ[/b] ใครจะยอมรับเรื่องนี้ได้ครับ ไม่ต้องพูดถึงอีกฝั่งทางการเมือง แม้แต่สังคมทั่วไปหรือประชาชนทั่วไปที่เป็นกลางๆ ก็มิอาจยอมรับเรื่องนี้ได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับบรรทัดฐานทางสังคมที่จะเป็นตัวอย่างหรือมีขึ้นต่อไปอีกในอนาคต อย่าไปฟังนักการเมืองเก่าๆ ที่เคยพยายามออกมาถากถางท่าน หากท่านจะกลับมารับโทษ เพราะคนเหล่านี้จิตไม่สูงพอครับ ประชาชนทั่วไปต่างหากที่จะชื่นชมท่าน เพราะสังคมพร้อมให้อภัยอยู่แล้ว คนที่ประเสริฐ คือคนที่ผิดแล้วกล้ายืดอกยอมรับว่าตนเองผิดครับ กระแสสังคมจะตีกลับมาทันที

ท่านเคยบอกว่าท่านทำวิปัสสนาบ่อยๆ กระผมอยากให้ท่านลองตรองถึงสิ่งที่ผมเรียนท่านมาทั้งหมด ในช่วงที่ท่านว่างจากอารมณ์รัก ชอบ โกรธ หลงทั้งหมด ท่านจะเห็นจริงตามที่ผมส่งความปรารถนาดีนี้มาครับ ผมเป็นคนที่เคยทั้งสนับสนุนเชียร์ท่านแบบสุดๆ และก็เคยต่อต้านท่านด้วยเหมือนกัน ผมอยากเรียนท่านว่า ไม่มีสถานะหรือสถานการณ์ไหนที่เอื้อให้ท่านได้กลับประเทศ หรือแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้เท่านี้มาก่อนครับ ขอท่านโปรดตรองดูครับผม

ด้วยความปรารถนาดีและผมขอถือโอกาสของเทศกาลในช่วงสงกรานต์ รดน้ำดำหัวกับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองอีกท่านครับ