กลับมาอกสั่นขวัญแขวนกันอีกแล้ว กับยุทธศาสตร์คาร์บอมบ์ที่โจรใต้เลือกนำมาใช้แสดงแสนยานุภาพ ยกระดับการต่อสู้
เมื่อวานซืนทหารพรานก็เพิ่งพลีชีพคาซากรถ หลังโดนถล่มด้วยระเบิดกลางเมืองยะลา
ประชาชนอกสั่นขวัญแขวนไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง...
แต่แล้วก็เหมือนมี น้ำทิพย์หยาดมาพร้อมสายฝนชะโลมใจ
แสงสว่างปลายทางอุโมงค์ของพี่น้องชายแดนใต้ เริ่มส่องสว่างแล้ว
เพราะท่ามกลางสายฝนตกโปรยปราย ภาพทหารไทยร่วม 9 กองพันแสดงพลัง อวดแสนยานุภาพ
ประหนึ่งว่าจะกรีฑาทัพลงใต้ไปปกป้องประชาชนที่กำลังหมดอาลัยตายอยาก
และแล้ว....ผู้นำเหล่าทหารหาญมาแสดงพลัง ก็ประกาศก้อง
เราจะขอรบเคียงข้างท่าน ผบ.ทบ.สู้ศึกเคียงบ่าเคียงไหล่กับศัตรู
ได้ยินแล้ว ขนลุกซู่ ดีใจ คุ้มค่าภาษีที่จ่ายไปจริงๆ
ทหารหาญจะยกทัพลงใต้ ไปช่วยพี่น้องแล้ว....
อ้าวๆๆๆๆ ที่ไหนได้ จับใจความประโยคต่อประโยค อ่านบทวิเคราะห์เซียนการเมือง
ผสมด้วยบรรยกาศการเมืองที่กลุ่มการเมืองขี้แพ้ยอมไม่ได้ หากจะแพ้เลือกตั้ง เพราะนั่นหมายถึง อาจถูกเช็คบิลล์
เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า การตบเท้าแสดงพลังครั้งนี้ของทหารไทย ไม่มีอะไรมากไปกว่า
แอบอ้างสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอันสูงสุดของคนไทย มาตั้งป้อมข่มขู่ประชาชนคนไทยที่ เป็นศัตรูกับกลุ่มการเมืองขี้แพ้ ที่ถือว่าเป็นไข่ในหินของทหาร
เพราะรัฐบาลชุดนี้ ภายใต้การนำของกลุ่มการเมืองขี้แพ้ ก็ตัดสายสะดือทำคลอดกันในค่ายทหารนี่เอง
โธ่...หมดสิ้นแล้วทหารหาญของชาติ กองโจรถล่มชายแดนโครมๆ ท่านไม่กล้าไปตอแย
แต่ท่านออกมาตอแยประชาชนมือเปล่าๆ ที่ท่านทึกทักแอบอ้างเอาเองว่าเป็นศัตรู
ยกพลออกมาขนาดนี้ คงนึกว่าคนไทยกลุ่มนี้เค้าจะกลัวท่าน
ถึงวันนี้ ไม่มีใครกลัวใครหรอก ยิ่งประชาชนที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ยิ่งไม่กลัวใคร
จะมีก็พวกท่านนั่นแหละ ที่มีอะไรต้องเสียอีกเยอะ...เสียทั้งศักดิ์ศรี เสียทั้งอำนาจวาสนา เสียทั้งศรัทธาจากประชาชน
และอีกไม่นาน ท่านก็จะเสียใจ กับการกระทำของตัวเอง....
ที่พร่ำพรรณามานี้ ไม่ได้โกรธเกลียดพวกท่านหรอก
เพียงแต่เวทนาในจิตใจที่มืดบอด
และขออโหสิกรรมให้ ด้วยหวังว่าพวกท่านจะเลิกก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนไทยที่ไม่อยากตกอยู่ภายใต้การครอบงำของท่านซะที
ด้วยความเคารพ ด้วยจิตคารวะ แด่รั้วของชาติที่พลีชีพสละเลือดเพื่อชาติปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างแท้จริง