จาก นสพ.มติชน --------------------------------------------------------------
ไม่ได้มีจิตใจเข้าข้างเพื่อนบ้านกัมพูชาแต่ทนไม่ได้ที่สื่อไทยไร้เดียงสา เพราะขาดการค้นคว้าหาความรู้ หรือมีเจตนาจะบิดเบือนข่าวเพื่อช่วยย้ำคำโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพไทย
(คือ แม้ในยามที่ประเทศต้นสังกัดของสื่อต้องทำสงครามกับศัตรู หากยังไม่มีการเซ็นเซอร์ข่าวใดๆ สื่อจะต้องมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะ"ต้อง"รายงานข่าวที่เป็น"ความจริง" ส่วนกองทัพไทยจะแถลงข่าวให้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ นั่นเป็นเรื่องของการทำสงครามจิตวิทยาที่ ชาติใดก็ทำกัน แต่รายงานของสื่อไทยตาม"ข่าวแจก(Press Release)"นี้ ผมว่าน่าจะเกิดจากความไร้เดียงสาและขาดความรอบรู้ รวมทั้งไม่เป็นมืออาชีพเท่านั้นเองมากกว่า!!!)
จากการสังเกตุคนไทยและสื่อไทยจะขาดความรอบรู้เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านที่รั้วติดกันเลย แต่ดอดข้ามไปรู้ดีเรื่องของคุณพี่ออังกฤษ คุณพี่ญี่ปุ่น คุณน้าอเมริกา คุณย่าฝรั่งเศส คุณชายบราซิล ที่อยู่ไกลพู้น....โน่น
ความรู้เบสิคเกี่ยวกับประเทศกัมพูชาเพื่อนบ้านเราก็คือ...
๑.ชาวกัมพูชาไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่า"...เขมร..." เพราะเขาสืบเชื้อสายมาจากชาวกัมพุช คำเรียกว่าเขมรจึงถือเป็นคำพูดที่ดูถูกและเหยียดหยามตัวเขา(โดยเฉพาะหากคน ไทยเรียกเขาจะยิ่งไม่พอใจเป็นทวีคูณ) ก็เหมือนกับที่ชาวม้งไม่พอใจให้เราเรียกเขาว่า"..แม้ว.."นั่นแหละ
ส่วนสาเหตุรบกวนขอให้ไปค้นคว้าเอาเอง(ค้นจากกูเกิ้ลก็น่าจะมี) เพราะเล่าแล้วจะยาว
ดังนั้น เมื่อเราประสงค์จะ คบ มีไมตรี ทำมาค้าขาย ผูกสัมพันธกับชาวกัมพูชาที่รั้วบ้านติดกันและไม่สามารถย้ายบ้านหนีไป ได้ รวมทั้ง GDP ของไทยเราส่วนหนึ่งเติบโตมาจากรายได้ของสินค้าและบริการที่เพื่อนชาวกัมพูชาเขาซื้อหาบริโภค เรายิ่งต้องทำ CSRและเข้าใจลูกค้าของเราให้ดียิ่งๆขึ้น
๒.กองทัพของกัมพูชาเติบโตมาจากกองทัพแบบขุนศึก(War Lords)ไม่ใช่กองทัพแห่งชาติ คือเดิมกลุ่มพรรคการเมืองต่างก็มีกองทัพของตัวเอง เพื่อใช้ปราบปรามกลุ่มอื่นหรือศัตรูต่างด้าว เพิ่งมาเป็นกองทัพแห่งชาติเมื่อสมเด็จฮุนเซ็นรวบรวมอำนาจปกครองประเทศได้การรบก็จะทำสงครามนอกรูปแบบหรือเรียกว่าการทำสงครามกองโจร(Guerrilla warfare) โดยจะไม่มีการจัดตั้งค่ายที่แน่นอน มีการเคลื่อนย้ายกำลังโดยเดินไปรบไป ซุ่มโจมตีศัตรู ซึ่งปัจจุบันกองกำลังกู้ชาติปาตานีในปักษ์ใต้ของเราก็ใช้วิธีการนี้แต่ยัง เป็นขนานเบาอยู่ ซึ่งทหารไทยเราเองไม่เคยทำสงครามแบบนี้ ยกเว้นเพียงทหารป่าของ ทปท. (กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่ล่ม สลายไปแล้ว)
ทหารกัมพูชาปัจจุบันเติบโตมาจากกองทัพของขุนศึกฮุนเซ็นที่ปราบปรามกองทัพขุนศึกราย อื่นๆจนราบคาบ ดังนั้น กองทัพกัมพูชาจะจงรักภักดีต่อสมเด็จฮุนเซ็นและครอบครัวอย่างยิ่งยวดก็เพราะได้เคยร่วมทำสงครามกองโจรเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจนสมเด็จฮุนเซ็นเองถูกสะเด็ดระเบิดตาข้างซ้ายบอดมองไม่เห็น
ในการเดินทัพของทหารกัมพูชาจะไม่แยกไปแต่ตัวเหมือนกองทัพชาติอื่นๆ แต่จะเดินทัพไปกันทั้งครอบครัว(เหมือนเช่นครั้งทำสงครามกองโจรในอดีต) โดยปักหลักรบกันที่ไหนก็จัดตั้งเสมือนนิคมหมู่บ้านขึ้นที่นั่น ในขณะที่สามีรบครอบครัวก็พักในกระท่อม-กระต๊อบ หุงหาอาหาร สอน-เรียนหนังสือ ดู ที วี-ละคอน ทำนา ปลูกผัก หรือไปหาข่าวมาให้
ในบางสงครามครอบครัวก็ช่วยส่งกำลังบำรุงเช่น ขนกระสุนปืน ขนยุทธปัจจัย ขน-หาอาหารมาสนับสนุนแนวหน้าด้วย
เรียกว่าใครรบกับทหารของกัมพูชา ก็ต้องรบกับครอบครัวของทหารด้วย ว่างั้นเถอะ!!
ทหารชาติอื่นหรือผู้สื่อข่าวรุ่นหลังๆที่ไม่เคยผ่านการทำข่าวสงครามกองโจรหรือการจัดกองทัพแบบกัมพูชา ก็เข้าใจว่าครอบครัวของทหารกัมพูชาที่มาปักหลักอยู่ด้วยกับสามีคือหญิงและเด็กที่ทหารกวาดต้อนมาเป็นโล่ห์มนุษย์ป้องกันทหารไทยยิงใส่
ช่างเป็นผู้สื่อข่าวที่ไร้เดียงสาและขาดความรู้ความเข้าใจเพื่อนบ้านอย่างยิ่ง เพราะเด็กหรือผู้หญิงเพียงแค่นั้นไม่ครนามือทหารไทยเราหรอกครับ
เพราะเด็กและผู้หญิงคนไทยชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันที่มีสองมือเปล่าๆ ทหารไทยเรายังยิงตายเหมือนหมากลางถนนในใจกลางกรุงเทพมหานครเมือกลางปีที่แล้วให้โลกเห็นและสาปแช่งมาแล้ว
นับประสาอะไรกับเด็กและผู้หญิงชาวกัมพูชา???