Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โล่ห์มนุษย์???? ติดต่อทีมงาน


 เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนจะมีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับ-กัมพุชา เมื่อเช้าวันที่ 22 เมษายน ทางทหารกัมพูชาทยอยนำครอบครัวชาวกัมพูชาที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและสตรีเข้ามาอาศัยอยู่ตลอดแนวชายแดนปราสาทพระวิหารใน 7 พื้นที่ ประกอบด้วย

 

 1.พื้นที่ซำแต มีการนำครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ประมาณ 5 ครอบครัว จากการตรวจการณ์พบว่ามีเด็กและผู้หญิงทั้งเดินเท้าและขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนใหญ่เดินทางมาจาก บ.สะแอม อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร

 2.บริเวณช่องตาเฒ่า และเนิน 400 มีครอบครัวของทหารกัมพูชาเข้ามาพักอาศัยในฐานปฏิบัติการทางทหารประมาณ 15 ครอบครัว

 3.พื้นที่ตลาดชุมชนเขาพระวิหารหน้าประตูเหล็ก มีการนำครอบครัวเข้ามาอาศัยบริเวณบ้านพักบันไดขึ้นเขาพระวิหาร ประมาณ 7 คน และมีการนำครอบครัวเข้าพักอาศัยพื้นที่บนปราสาทพระวิหารและใกล้เคียง  

 

 4.พื้นที่ภูมะเขือ มีการนำครอบครัวเข้าพักอาศัยที่บริเวณฐานปฏิบัติการยอดภูมะเขือ 15 คน

 5.พื้นที่ช่องพระพะลัย : ทกพ.นำครอบครัวเข้ามาอาศัย จำนวน 1 ครอบครัว

 6.พื้นที่ช่องพระพะลัย-พื้นที่ช่องสะงำ ทหารกัมพูชานำครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่บริเวณฐานปฏิบัติการ และพื้นที่บริเวณโดยรอบ 985 ครัวเรือน

 7.พื้นที่บริเวณห้วยตามาเรีย คาดว่ามีประมาณ 20 คน

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ทหารกัมพูชานำครอบครัวเข้ามาอาศัยในพื้นที่ทางทหาร คาดว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อป้องการกันเข้าปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทย โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต่างอ้างสิทธิ หรือพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเสียเปรียบหรือล่อแหลมต่อการขัดแย้งกันด้วยอาวุธ เนื่องจากหากฝ่ายไทยดำเนินการอาจส่งผลต่อพลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และหากฝ่ายไทยดำเนินการ ฝ่ายกัมพูชาจะร้องเรียนต่อองค์กรระหว่างประเทศ, องค์กรสิทธิมนุษยชน และทำการปฏิบัติการข่าวสารต่อฝ่ายไทย เพื่อประณามว่าประเทศไทยว่าทำร้ายประชาชน ทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และยกระดับปัญหาขึ้นสู่เวทีโลก

จาก นสพ.มติชน

--------------------------------------------------------------


ไม่ได้มีจิตใจเข้าข้างเพื่อนบ้านกัมพูชาแต่ทนไม่ได้ที่สื่อไทยไร้เดียงสา เพราะขาดการค้นคว้าหาความรู้  หรือมีเจตนาจะบิดเบือนข่าวเพื่อช่วยย้ำคำโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพไทย

(คือ แม้ในยามที่ประเทศต้นสังกัดของสื่อต้องทำสงครามกับศัตรู หากยังไม่มีการเซ็นเซอร์ข่าวใดๆ  สื่อจะต้องมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะ"ต้อง"รายงานข่าวที่เป็น"ความจริง"   ส่วนกองทัพไทยจะแถลงข่าวให้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ นั่นเป็นเรื่องของการทำสงครามจิตวิทยาที่ ชาติใดก็ทำกัน แต่รายงานของสื่อไทยตาม"ข่าวแจก(Press Release)"นี้ ผมว่าน่าจะเกิดจากความไร้เดียงสาและขาดความรอบรู้ รวมทั้งไม่เป็นมืออาชีพเท่านั้นเองมากกว่า!!!)

จากการสังเกตุคนไทยและสื่อไทยจะขาดความรอบรู้เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านที่รั้วติดกันเลย  แต่ดอดข้ามไปรู้ดีเรื่องของคุณพี่ออังกฤษ คุณพี่ญี่ปุ่น คุณน้าอเมริกา คุณย่าฝรั่งเศส คุณชายบราซิล ที่อยู่ไกลพู้น....โน่น

ความรู้เบสิคเกี่ยวกับประเทศกัมพูชาเพื่อนบ้านเราก็คือ...

๑.ชาวกัมพูชาไม่ชอบให้ใครเรียกเขาว่า"...เขมร..." เพราะเขาสืบเชื้อสายมาจากชาวกัมพุช คำเรียกว่าเขมรจึงถือเป็นคำพูดที่ดูถูกและเหยียดหยามตัวเขา(โดยเฉพาะหากคน ไทยเรียกเขาจะยิ่งไม่พอใจเป็นทวีคูณ) ก็เหมือนกับที่ชาวม้งไม่พอใจให้เราเรียกเขาว่า"..แม้ว.."นั่นแหละ

ส่วนสาเหตุรบกวนขอให้ไปค้นคว้าเอาเอง(ค้นจากกูเกิ้ลก็น่าจะมี) เพราะเล่าแล้วจะยาว

ดังนั้น  เมื่อเราประสงค์จะ คบ มีไมตรี ทำมาค้าขาย ผูกสัมพันธกับชาวกัมพูชาที่รั้วบ้านติดกันและไม่สามารถย้ายบ้านหนีไป ได้   รวมทั้ง GDP ของไทยเราส่วนหนึ่งเติบโตมาจากรายได้ของสินค้าและบริการที่เพื่อนชาวกัมพูชาเขาซื้อหาบริโภค    เรายิ่งต้องทำ CSRและเข้าใจลูกค้าของเราให้ดียิ่งๆขึ้น

๒.กองทัพของกัมพูชาเติบโตมาจากกองทัพแบบขุนศึก(War Lords)ไม่ใช่กองทัพแห่งชาติ คือเดิมกลุ่มพรรคการเมืองต่างก็มีกองทัพของตัวเอง เพื่อใช้ปราบปรามกลุ่มอื่นหรือศัตรูต่างด้าว เพิ่งมาเป็นกองทัพแห่งชาติเมื่อสมเด็จฮุนเซ็นรวบรวมอำนาจปกครองประเทศได้การรบก็จะทำสงครามนอกรูปแบบหรือเรียกว่าการทำสงครามกองโจร(Guerrilla warfare) โดยจะไม่มีการจัดตั้งค่ายที่แน่นอน มีการเคลื่อนย้ายกำลังโดยเดินไปรบไป ซุ่มโจมตีศัตรู ซึ่งปัจจุบันกองกำลังกู้ชาติปาตานีในปักษ์ใต้ของเราก็ใช้วิธีการนี้แต่ยัง เป็นขนานเบาอยู่   ซึ่งทหารไทยเราเองไม่เคยทำสงครามแบบนี้   ยกเว้นเพียงทหารป่าของ ทปท. (กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่ล่ม สลายไปแล้ว)

ทหารกัมพูชาปัจจุบันเติบโตมาจากกองทัพของขุนศึกฮุนเซ็นที่ปราบปรามกองทัพขุนศึกราย อื่นๆจนราบคาบ  ดังนั้น กองทัพกัมพูชาจะจงรักภักดีต่อสมเด็จฮุนเซ็นและครอบครัวอย่างยิ่งยวดก็เพราะได้เคยร่วมทำสงครามกองโจรเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาจนสมเด็จฮุนเซ็นเองถูกสะเด็ดระเบิดตาข้างซ้ายบอดมองไม่เห็น

ในการเดินทัพของทหารกัมพูชาจะไม่แยกไปแต่ตัวเหมือนกองทัพชาติอื่นๆ  แต่จะเดินทัพไปกันทั้งครอบครัว(เหมือนเช่นครั้งทำสงครามกองโจรในอดีต) โดยปักหลักรบกันที่ไหนก็จัดตั้งเสมือนนิคมหมู่บ้านขึ้นที่นั่น ในขณะที่สามีรบครอบครัวก็พักในกระท่อม-กระต๊อบ หุงหาอาหาร สอน-เรียนหนังสือ  ดู ที วี-ละคอน ทำนา ปลูกผัก หรือไปหาข่าวมาให้

ในบางสงครามครอบครัวก็ช่วยส่งกำลังบำรุงเช่น ขนกระสุนปืน ขนยุทธปัจจัย ขน-หาอาหารมาสนับสนุนแนวหน้าด้วย

เรียกว่าใครรบกับทหารของกัมพูชา ก็ต้องรบกับครอบครัวของทหารด้วย ว่างั้นเถอะ!!

ทหารชาติอื่นหรือผู้สื่อข่าวรุ่นหลังๆที่ไม่เคยผ่านการทำข่าวสงครามกองโจรหรือการจัดกองทัพแบบกัมพูชา  ก็เข้าใจว่าครอบครัวของทหารกัมพูชาที่มาปักหลักอยู่ด้วยกับสามีคือหญิงและเด็กที่ทหารกวาดต้อนมาเป็นโล่ห์มนุษย์ป้องกันทหารไทยยิงใส่ 

ช่างเป็นผู้สื่อข่าวที่ไร้เดียงสาและขาดความรู้ความเข้าใจเพื่อนบ้านอย่างยิ่ง เพราะเด็กหรือผู้หญิงเพียงแค่นั้นไม่ครนามือทหารไทยเราหรอกครับ

เพราะเด็กและผู้หญิงคนไทยชาติเดียวกัน พูดภาษาเดียวกันที่มีสองมือเปล่าๆ   ทหารไทยเรายังยิงตายเหมือนหมากลางถนนในใจกลางกรุงเทพมหานครเมือกลางปีที่แล้วให้โลกเห็นและสาปแช่งมาแล้ว 

นับประสาอะไรกับเด็กและผู้หญิงชาวกัมพูชา???

แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 54 22:35:59

จากคุณ : พาชื่น
เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 54 10:34:38 A:124.121.253.156 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com