เรากำลังจะได้อำนาจคืนมา โปรดใช้สิทธิให้ได้รับประโยชน์สูงสุดนะครับ
|
 |
แม้จะไม่เคยเชื่อคำพูดของนายกฯคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่สำหรับการยุบสภาในต้นเดือนหน้า ผมขอทำใจเชื่อคุณอภิสิทธิ์สักเรื่องหนึ่ง หวังว่าคงไม่ทำให้ผมผิดหวังนะครับ คุณอภิสิทธิ์
เมื่อเชื่อคุณอภิสิทธิ์แล้ว ก็เลยต้องเชื่อไปด้วยว่า จะมีการยุบสภาไม่เกินต้นเดือนพฤษภาคม ดังนั้นประชาชนอย่างพวกเราก็จะได้อำนาจคืนมาอยู่กับมือ ดังนั้นการใช้สิทธิ์ในครั้งนี้ จึงสำคัญอย่างยิ่ง จะเป็นการชี้ถึงการเดินหน้าหรือถอยหลังของประเทศไทยเลยนะครับ ผมจึงอยากเสนอความคิดสักเล็กน้อย เพื่อให้หลายๆท่านประกอบในการตัดสินใจนะครับ
ชีวิตผมที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ใช่คนมีความรู้อะไรมากมายนัก แต่ก็ได้ผ่านมาแล้วหลายต่อหลายรัฐบาล ได้เห็นถึงการทำงานของนายกฯหลายต่อหลายท่าน จนได้ข้อสรุปมาว่า รัฐบาลของเราที่ได้รับการเลือกตั้งโดยประชาชนอย่างแท้จริง ก็จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผมเห็นชัดเจนที่สุดก็ยุคน้าชาติ ที่นำพาเศรษฐกิจรุ่งโรจ ทำสนามรบให้เป็นสนามการค้า ตอนนั้นประชาชนมีแต่ความมั่งมีศรีสุข จำได้ว่า ตอนนั้นคนใส่ทองกันยังกับตู้ทองเคลื่อนที่ ใส่เพชรกันยังกับพวกเล่นลิเก โดยไม่ต้องกลัวเกรงการปล้นชิงวิ่งราวเหมือนเดี๋ยวนี้
แล้วอีกครั้งหนึ่งก็สมัยคุณทักษิณ ทีพิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็นแล้วว่า ประชาธิปไตยที่กินได้เป็นอย่างไร ประชาชนน่าชื่น สารพัดโครงการล้วนแต่ทำเพื่อประชาชน การทำมาหากินก็ราบรื่น ประชาชนล้วนแต่มีความสุขกันถ้วนหน้า ดังได้เห็นจากการเลือกตั้งในครั้งที่สองที่ได้รับคะแนนเสียงอย่างถล่มทลาย นี่จึงเป็นนายกฯของประชาชน เป็นรัฐบาลที่ประชาชนรอคอยมาตลอด
แต่ประเทศไทยก็เป็นเสียอย่างนี้แหละครับ พอมีรัฐบาลของประชาชนเมื่อไหร่ก็เกิดการทำรัฐประหารทุกที ด้วยข้อหามาแบบพิมพ์เดียวกันเด๊ะ นั่นคือ การทุจริตคอรัปชั่น เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป โดยที่คนทำรัฐประหารกลับไม่เคยคิดเก็บกวาดบ้านตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งล่าสุดถึงกับน้ำตาไหล เพราะเห็นนักการเมืองคอรัปชั่น สงสารประเทศที่ถูกแทะจนเหลือแต่กระดูก แต่ไม่เคยคิดว่า ตอนนี้แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือให้แทะอีกแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนมีต้นตอจากการทำรัฐประหารนั่นเอง
และทุกครั้งก็จะเกิดการรัฐประหาร ก็จะมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ทั้งๆที่พรรคนี้เคยได้รับเสียงส่วนใหญ่ให้เป็นรัฐบาลก็แค่ครั้งเดียวในรอบ 20 ปี นอกจากไม่เคยได้ฉันทามติจากประชาชนให้เป็นรัฐบาล แต่กลับได้เป็นรัฐบาลโดยอาศัยอำนาจพิเศษ เป็นพรรคแรกที่สร้างตำนานงูเห่าในการเป็นรัฐบาล และที่ไม่น่าเชื่อจนถึงทุกวันนี้ ก็ยังเกิดตำนานงูเห่าพรรคสองจนได้ แถมยังเป็นการเกิดงูเห่าภายใต้การชี้นำของกองทัพอีกต่างหาก
เมื่อไม่ใช่พรรคที่ประชาชนเลือกมา ดังนั้นเราจึงได้เห็นการบริหารประเทศโดยไม่ได้อาศัยประชาชนเป็นตัวตั้ง ทุกอย่างจึงต้องอยู่ภายใต้การบริหารที่มุ่งแต่การเมือง เพียงเพื่อหวังผลได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนานที่สุด ส่วนประชาชนอย่างเราๆคงต้องรอไปก่อน จนกว่าพวกเขากินอิ่ม แล้วจึงโยนเศษอาหารมาให้ แถมยังทวงบุญคุณกันอีกต่างหาก เราจะรอให้ถึงวันนั้นหรือครับ
ผมมองดูประเทศแล้ว ทำให้ผมนึกไปถึงการต่อสู้ของนักศึกษาเกาหลี ที่ต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ จนถูกปราบปรามอย่างหนัก ในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตหลายร้อยคน บาดเจ็บอีกหลายพัน แต่เขาก็ต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ ต้องใช้เวลาถึง 8 ปี สุดท้ายประชาชนก็ชนะด้วยการเลือกตั้ง แล้วในที่สุดแค่ 30 กว่าปี ภายใต้ประชาธิปไตยที่ปราศจากกองทัพครอบงำ ทุกวันนี้เกาหลีจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจไม่เป็นรองใครในเอเชีย
เหลียวกลับมามองเพื่อนบ้านอย่างพม่า ประชาชนก็มีการลุกฮือ เพื่อล้มล้างอำนาจเผด็จการ แต่ก็สู้อำนาจของเผด็จการไม่ได้ มีการปราบปรามประชาชนจนสิ้นซาก แต่ประชาชนก็ยังไม่ยอมแพ้อยู่ดี เพียงแต่รอคอยโอกาสและเวลาเท่านั้นเอง เพื่อจะปลดแอกจากการถูกกดขี่ และภายใต้การบริหารประเทศที่ต้องปิดประเทศ ทำให้ความก้าวหน้าจึงไม่ทันกับกระแสโลกาภิวัฒน์ จนเดี๋ยวนี้ จำต้องถอดเครื่องแบบหันมาใส่สูท ลงคูหาเลือกตั้ง ปะหน้าทาแป้งเพื่อให้โลกยอมรับความเป็นประชาธิปไตย
หันกลับมาดูไทย ก็มีความพยายามบอกชาวโลกว่า นี่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยนะ แต่เป็นประชาธิปไตยที่เหล่านักวิชาการ เหล่าคนของรัฐบาลต้องคอยออกไปชี้แจงให้ต่างชาติทราบเป็นระยะๆ แล้วก็หมั่นบอกเสมอว่า นี่ก็เป็นรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญนะ ทั้งๆที่คนส่วนใหญ่ก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ขนาดกรรมสิทธิ์แห่งภาคพื้นเอเชียยังบอกเลยว่า เราเป็นแค่รัฐทหารซ่อนรูป เราก็ยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เฮ้อ เวรกรรมของประเทศจริงๆครับ
เราจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไรครับ ในเมื่อเรามี ส.ว. จากการลากตั้งเข้ามาถึง 73 คน โดยมีที่มาจากการคัดสรรของคนแค่ 6 คน อีกทั้ง หนึ่งในหกยังไม่เคยชี้แจงเรื่องที่ปรากฏในคลิปให้สังคมการจ่างถึงความโปร่งใส อีกหนึ่งคนแม้แต่อายุความของกฎหมายหรือหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่รู้เลย แล้วยังมีความชอบธรรมในการคัดสรรคนตั้ง 73 คนแทนคนไทยทั้ง 60 กว่าล้านคนอีกหรือครับ ดังนั้นเราจึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นชื่อของ ส.ว.เหล่านี้จะเป็นพวกไหนบ้าง แม้แต่คนฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ยังได้โอกาสเข้ามาเป็น ส.ว. ได้ แล้วเราจะคาดหวังอะไรได้กับประชาธิปไตยจริงไหมครับ แล้วเราต่างอะไรกับพม่าที่ถอดเครื่องแบบ แล้วเข้ามานั่งในสภาในฐานะผู้ทรงเกียรติจริงไหมครับ
ดังนั้นเมื่ออำนาจได้กลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ผมจึงหวังว่าพ่อแม่พี่น้องทั้งหลายโปรดใช้สิทธิที่ตัวเองมีอยู่ให้ได้ประโยชน์ต่อตัวเองและประเทศชาติให้จงได้ จงจำไว้นะครับ ตราบใดที่สิทธิยังอยู่ในมือของเรา เราก็ยังมีคุณค่า เสมอ แต่เมื่อใช้สิทธิไปแล้ว นั่นแหละครับ คุณค่าของความเป็นพลเมืองของประเทศก็จะด้อยค่าไปทันที ถ้าเราเลือกคนผิด ดังนั้นจึงอยู่ทีการตัดสินใจของพ่อแม่พี่น้องทุกท่านแล้วล่ะครับว่า อยากได้ประชาธิปไตยแบบเกาหลี หรือ อยากได้ประชาธิปไตยแบบพม่ากันแน่
จากคุณ |
:
ทวดเอง
|
เขียนเมื่อ |
:
26 เม.ย. 54 10:57:57
A:14.207.200.111 X:
|
|
|
|