 |
เอกชนแฉไส้ในส่งออก Q1 พุ่ง
|
 |
เอกชนแฉไส้ในส่งออกQ1พุ่ง เอกชนติงพาณิชย์พูดความจริงครึ่งเดียว ระบุส่งออกไตรมาสแรกปีนี้ พุ่งกระฉูด ที่แท้ไส้ในเป็นผลจากส่งออกทองคำขยายตัวกว่า 400% แต่ไม่ได้สร้างงานในประเทศ รวมถึงผลจากราคาวัตถุดิบยางพาราที่สูงเป็นประวัติการณ์ดันมูลค่าส่งออกโต ขณะที่สินค้าเกษตรตัวอื่น ทั้งข้าว กุ้ง ไก่ อาหารทะเล กำไรวูบถ้วนหน้า จับตาส่งออกรถยนต์วูบ ฉุดส่งออกภาพรวมไตรมาส 2 ชะลอตัว
นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคม 2554 และภาพรวมไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวสูงถึง 30.88 % และ 28.26% ตามลำดับว่า โดยเนื้อในแล้วตัวเลขดังกล่าวเป็นผลจากการส่งออกสินค้า 3-4 รายการ ที่ขยายตัวมาก ที่สำคัญได้แก่ การส่งออกทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป(ทองคำแท่ง)ที่ในไตรมาสแรกขยายตัวกว่า 400% แต่ไม่ได้เพิ่มการจ้างงานในประเทศเพราะเป็นการเก็งกำไรจากการซื้อมา-ขายไป
ส่วนการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ยังขยายตัวได้ดี(ส่งออกมูลค่า 5,072 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 74%) แต่โดยข้อเท็จจริงก็เป็นที่ทราบกันว่าค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นของต่างประเทศ มูลค่าเพิ่มของสินค้าไม่ตกกับประเทศไทยมากนัก
นอกจากนี้เป็นผลจากราคาวัตถุดิบยางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 40 บาท/กก.มาอยู่ที่ระดับเกิน 150 บาท/กก.ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราของไทยต้องปรับขึ้นตามต้นทุน เป็นอีกรายการหนึ่งที่ทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกขยายตัวสูง(ไตรมาสแรกปี 2554 ไทยส่งออกยางพารา 3,589 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 103% )
"ส่งออกโตเราไม่เถียง แต่ต้องพูดข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นผลจากอะไร ซึ่งนอกจาก 3-4 รายการข้างต้นแล้ว หากมาดูสินค้าเกษตร และเกษตรอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลักอื่นๆ เช่น ข้าว กุ้ง ไก่ รวมถึงอาหารทะเล แม้ตัวเลขส่งออกจะยังขยายตัว แต่จากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมาก แต่ไม่สามารถปรับราคาสินค้าได้มาก ทำให้เหลือกำไรกันแค่นิดเดียวเพียงแค่เลี้ยงคนงาน และรักษากิจการไว้เท่านั้น"
สำหรับการส่งออกในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ขอให้จับตาผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น ซึ่งเวลานี้มีผลให้ชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากญี่ปุ่นเพื่อมาสต๊อกในโรงงานประกอบรถยนต์ส่งออกเริ่มขาดแคลน มองว่าหากมีผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ลดลง จะเป็นตัวฉุดให้การส่งออกในภาพรวมของไทยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ชะลอตัวลง
สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ตลาดส่งออกในตลาดสำคัญในไตรมาสที่ 2 ในส่วนของตลาดสหรัฐอเมริกาแม้ยังมีปัญหาเศรษฐกิจที่ซุกซ่อนอยู่แต่ตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น ตลาดสหภาพยุโรป(อียู)ในส่วนของอังกฤษจะได้รับอานิสงส์จากพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมทำให้ชาวอังกฤษมีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อความรื่นเริงเพิ่มขึ้น ส่วนตลาดญี่ปุ่นจะยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบเหตุการณ์แผ่นดินไหว ตลาดอาเซียนน่าจะยังขยายตัวได้ดี แต่ทุกตลาดยังมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ดันให้ราคาสินค้า และอัตราเงินเฟ้อของทุกประเทศพุ่งสูงขึ้น
แต่รายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงที่ จะทำให้มีการบริโภคที่ลดลงและมีผลทำให้การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศลดลง
อนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ โดยนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการได้แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในไตรมาสแรกของปี 2554 มีมูลค่าทั้งสิ้น 56,874 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 28.26% โดยในเดือนมีนาคมล่าสุดมีการส่งออกมูลค่า 21,259 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวถึง 30.88% โดยระบุการส่งออกทุกกลุ่มสินค้า และทุกตลาดยังขยายตัวได้ดี และยังมั่นใจว่าทั้งปีนี้การส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 12%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,629 24-27 เมษายน พ.ศ. 2554
จากคุณ |
:
iamdanai
|
เขียนเมื่อ |
:
26 เม.ย. 54 13:19:14
A:202.12.118.61 X:
|
|
|
|  |