ตั้งแต่ประเทศในกลุ่มอินโดจีนเริ่มเบื่อหน่ายกับการสู้รบ จึงพยายามเปิดความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเร่งรีบ เพื่อที่จะเร่งสร้างประเทศให้รอดพ้นจากความอดอยากเนื่องจากมีการสู้รบมาอย่างยาวนาน
จนในที่สุด เวียดนาม ลาว และกัมพูชานั้น เข้ามาสู่กลุ่มอาเซียนอย่างทุกวันนี้ได้ เพราะอยากจะให้ความร่วมมือของประชาชนในภูมิภาคนี้ มีศักยภาพเพียงพอในการที่จะเจรจาต่อรองกับกลุ่มประเทศอื่นๆที่รวมตัวกันอย่างเช่น อียู หรือประเทศใหญ่ๆอย่างจีน อเมริกาได้
ฉนั้น ปัญหาต่างๆชายแดนนั้น จึงมีแต่จะคุยกันเรื่องว่าจะเก็บภาษีการค้ากันอย่างไร หรือจะเปิดช่องทางการติดต่อกันเพิ่มขึ้น ณ จุดใดแทนการที่จะส่งทหารเข้าประจำการเพื่อป้องกันการรุกล้ำอย่างที่เคยเป็นมา
เนื่องจากประเทศไทยมีความเจริญมากกว่า ดังนั้นประเทศไทยเรา จึงเป็นจุดศูนย์กลางในการค้าขายกับประเทศต่างๆรอบบ้านเรา เพราะความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่ขาดแคลนและการขนส่งนั้นสะดวกสบาย จึงทำให้ประเทศไทยเรานั้นได้เปรียบดุลการค้ามาโดยตลอดอีกด้วย
แต่แล้ว..........มาวันหนึ่ง ประเทศเราถึงคราวเคราะห์ที่ไม่รู้ว่าเกิดจากความจงใจหรือโชคร้ายกันแน่ กลับต้องมาเจอกับผู้นำที่คนบางคนพยายามที่จะดันให้มามีอำนาจให้ได้ ทั้งๆที่ยังไม่เคยมีผลงานอันใดที่ประสบผลสำเร็จมาก่อนเป็นเครื่องการันตี นอกจากความสามารถทางการพูดที่ชวนเคลิบเคลิ้มเท่านั้นมาทำหน้าที่บริหารประเทศ
อีกทั้งผู้นำคนนี้ ยังเอาตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญอย่างกระทรวงต่างประเทศไปอยู่ในมือของคนที่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนบ้านมาก่อนมาดำรงตำแหน่งเสียอีก ซึ่งเปรียบเสมือนการที่ไม่เคยคิดที่จะรักษาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านเหมือนอย่างนานาอารยประเทศอื่นที่เขาจะพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไว้ก่อน
เท่านั้นยังไม่พอ ตำแหน่งที่ดูแลเรื่องราคาสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศ กลับตกอยู่ในมือสาวใหญ่ที่ทั้งชีวิตนั้นผูกพันแต่การหากำไรบนความเดือดร้อนของคนอื่นเท่านั้นมาคอยแก้ปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ชัดว่า คนๆนี้นั้นเป็นห่วงพ่อค้าจะขาดทุนมากกว่าประชาชนจะอดอยากขาดแคลน เช่นการแก้ปัญหาเรื่องราคาน้ำมันพืชที่เพิ่งผ่านมาสดๆร้อนๆไม่นานมานี้
แค่เพียงการทำงานที่ผิดพลาดอยู่ตลอดเวลาของรัฐมนตรีทั้งสองคนนี้ มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ที่ประชาชนคนไทยเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ เพราะเรามีผู้นำที่อ่อนหัด คิดเองไม่เป็น ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะจัดการเรื่องใดๆได้ด้วยตัวเอง
สินค้าแพง รัฐมนตรีดูแลไม่ได้ แทนที่จะไล่ออก กลับเก็บเอาไว้
มีปัญหากับเพื่อนบ้าน รัฐมนตรีคุยกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้ จนต้องเกิดการสู้รบ แทนที่จะปลดออก กลับอ้างแต่ว่ามีคนยุยง และยังกล่าวหาคนที่ไม่เห็นด้วยกับการสู้รบว่าเป็นคนไทยหัวใจกัมพูชาไปเสียอีก
มีผู้นำที่ทำอะไรไม่ได้ วันๆดีแต่พูดแบบนี้ การที่ประเทศไทยมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเช่นในตอนนี้นั้น ไม่เรียกว่าประเทศชาติลุกเป็นไฟแล้วจะเรียกอะไรได้แล้วฮ้า