อ้าว...สื่อต่างชาติ ก็มีหัวใจเขมรด้วย เพื่อน ๆ เข้ามาอ่านหน่อยกันหน่อย
อ.จ. รัฐศาสตร์ จุฬา ฯ ก็อีกคน อ้อ..อย่ามากล่าวหาคนแปะนะ เอามาเพื่อจะได้
มองกันให้รอบด้าน อย่าเอาแต่เชียร์ และ สรรเสริญ
สื่อตปท.วิเคราะห์สถานการณ์ไทยสู้รบเขมร ชี้กองทัพขัดแย้งรบ.-
ยิ่งรบยิ่งเสีย"เพลี่ยงพล้ำฮุน เซน"
สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักได้จับตามองสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา
และวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าว โดย "ดิ อินดิเพนเดนท์" รายงานอ้างการวิเคราะห์ของ
ศาสตราจารย์ดันแคน แม็คคาร์โก้ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มหาวิทยาลัยลีดส์ ระบุว่า สถานการณ์พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาขณะนี้เป็นผลมาจาก
การขัดแย้งระหว่างกองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักนายกรัฐมนตรี โดย
ในอดีตที่ผ่านมา กองทัพไทยมักจะถือสิทธิในการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศเพื่อเดิน
หน้าไปถึงที่สุด และในสงครามระหว่างกัมพูชาที่ประหลาดและไร้เป้าหมายนี้ กองทัพไทย
กำลังพยายามที่จะแสดงตัวว่าเป็นผู้นำผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ และยึดกุมศรัทธา
จากประชาชนแทนนักการเมือง อย่างไรก็ตาม ยิ่งความขัดแย้งดำเนินไปมากเท่าไหร่ ไทย
ก็จะสูญเสียภาพลักษณ์ในสายตาประชาคมโลก และนี่จะกลายเป็นปัญหาปวดหัวสำหรับ
อาเซียนและสหประชาชาติ แต่หากกองทัพไทยยอมรับว่า นโยบายต่างประเทศควรดำเนิน
โดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเร็วเท่าใด ก็ยิ่งจะดีเท่านั้น
ด้าน "อีโคโนมิสต์" วิเคราะห์ว่า บางทีสิ่งเดียวที่จะยุติความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศนี้
ได้ก็คือ เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลไกทางการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือทั้งสอง
ประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของไทย ซึ่งมีการชุมนุมปลุกกระแสรักชาติของกลุ่มชาตินิยมใน
ช่วงการเลือกตั้ง โดยกลุ่มเสื้อเหลืองที่ผ่านมาได้ออกมาชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพมหา
นคร และแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อต้านกัมพูชาว่าเป็นพวกรุกรานก้าวร้าว และต้องการให้
รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปลี่ยนแปลงจุดยืนกับกัมพูชา
นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสร่ำลือด้วยว่า สงครามที่เกิดขึ้นเนื่องจากกองทัพไทยต้องการกลบ
เกลื่อนวิกฤตภายในประเทศ และเพื่อที่จะเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไป โดยกองทัพเกรงว่า
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ฝ่ายที่จะชนะคือกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของอดีตนายก
รัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
ด้านนิตยสารไทมส์ ได้อ้างอิงการวิเคราะห์จากนายจอห์น ซิออร์เซียริ ผู้ช่วยศาสตราจารย์
แห่งสถาบันนโยบายสาธาารณะ เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด มหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า
ในประเทศที่กองทัพต้องการมีบทบาทนำทางการเมือง ก็จำเป็นจะต้องสร้างสถานการณ์
ขัดแย้งด้านพิพาทพรมแดนเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างอิทธิพล และกองทัพไทยมัก
จะผูกพันกับสถานการณ์ขัดแย้งกับกัมพูชาเพราะมีกลุ่มเสื้อเหลืองเป็นฝ่ายสนับสนุนหลัก
โดยที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองดังกล่าวเคยใช้ประเด็นความขัดแย้งเรื่องดินแดนกับกัมพูชา
มาเป็นข้ออ้างในการชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2008 และขณะนี้สำหรับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชะชีวะ
ก็อยู่ในสถานะที่จำเป็นต้องทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีท่าทีสงบลงต่อสถานการณ์การสู้รบกับ
กัมพูชา และว่า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชายังได้ช่วยให้นายกรัฐมนตรีฮุน
เซน ของกัมพูชา สามารถทำทางคะแนนการเมืองภายในประเทศได้อีกด้วย
ขณะที่ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจาย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ระบุว่า การที่กองทัพไทยดำเนินบทบาทเดินหน้าในลักษณะเสริมไฟขัดแย้งระหว่างทั้งสอง
ฝ่าย โดยปฎิเสธที่จะยุติสถานการณ์สู้รบเพราะผลประโยชน์ทางการเมืองของกองทัพเอง ยิ่ง
ทำให้ไทยเป็นรองกัมพูชาในสายตาผู้สังเกตการณ์ต่างชาติ และทำให้นานาชาติพากันมอง
ไทยในด้านลบ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1303978202&grpid=01&catid=&subcatid=