
เรื่องยิงกัน ใครยิงใคร ในเหตุการณ์เมษา - พฤษภา 2553
คุณ "สิงห์สนามหลวง" เคยนำข้อมูลหลักฐานมาให้ดูมากมาย
องค์ประกอบครบถ้วน ทั้งช่วงเวลา สถานการณ์ ตัวตนของบุคคล
เรื่องเผา CTW คุณ "ขนมสาคู" ก็เคยนำข้อมูลหลักฐานมาให้ดู
ช่วงเวลาไหนแกนนำมอบตัว ช่วงไหนผู้ชุมนุมทำอะไร
ช่วงใดทหารเข้าคุมพื้นที่เรียบร้อย ช่วงเวลาใดใครอยู่ที่ไหนทำอะไร
เพลิงลุกไหม้ตอนไหน ลุก ๆ ดับ ๆ กี่ครั้ง จนถึงครั้งสุดท้ายที่ไฟโหมและดับเพลิงเข้าไม่ได้
เรื่องเผาสถานที่อื่น ๆ และศาลากลางในต่างจังหวัด
เรื่องพวกนี้ก็ยังคลุมเครือ เพราะผลการสอบสวนมีทั้งแดงเผา แดงไม่ได้เผา
ศาลากลางบางแห่ง โดนเผาออกมาจากข้างใน
ศาลากลางบางแห่งเหมือนเจตนาปล่อยให้เผา โดยเหมือนมีหน้าม้านำทาง
ศาลากลางบางแห่งโดนเผาด้วยแรงแค้นของคนเสื้อแดงจริง ๆ
คนถูกจับ บางคนเกี่ยวข้อง บางคนไม่เกี่ยวข้อง และวันนี้ยังโดนขังอยู่ในเรือนจำมานับปีแล้ว
เรื่องนี้มีข้อมูลการสอบสวน การให้ปากคำ หาอ่านเอาเอง ขี้เกียจแปะให้
ไม่นับเรื่องวัดปทุมฯ
ข้อมูลหลักฐานของสถานการณ์ ช่วงเวลา ตัวละคร มันครบถ้วน
ทีนี้ มันก็ขึ้นอยู่กับคนเสพ ว่าจะมีระดับสติปัญญา ระดับความคิดแค่ไหน
มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แค่สามัญสำนึกปกติธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง
คนที่มีสติปัญญาต่ำ มีระดับความคิดแย่
ก็จะมองแค่ว่านี่คือเรื่องแพ้-ชนะ
มองว่านี่คือเรื่องของความชอบ-ความชัง
ไม่มองว่าเรื่องนี้คือเรื่องของ "สังคม" ซึ่งย่อมผูกพันกับทุกคนในสังคมนั้น ๆ
หากสังคมบิดเบี้ยวไร้เหตุผล สังคมจะดำเนินไปอย่างไร สงบสุขหรือขัดแย้ง
ทหารหลายหมื่นนาย กระสุนนับแสนนัด ยิงกระหน่ำกลางเมืองหลวง
เป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติการเพื่อกวาดล้าง
เป็นเรื่องสมควรแล้วที่เจ้าหน้าที่ต้องจัดการ
ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่ามีผู้ก่อการร้ายหลายร้อยคนแฝงตัวอยู่กับผู้ชุมนุมที่มีจำนวนนับหมื่น ๆ คน
ใครคิดได้แบบนี้ ก็ไม่ต้องถามหาหรือสำรวจสามัญสำนึกกันให้ยาก
เคยถามเรื่องทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิต
ถามว่าบาดเจ็บที่ไหน เมื่อไร
ถามว่าเสียชีวิตที่ไหน เมื่อไร
แต่ละเหตุการณ์ มีทหารบาดเจ็บกี่นาย เสียชีวิตกี่นาย
แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ ไม่เคยได้รับข้อมูลหลักฐาน
โดยเฉพาะกรณี พล.อ.ร่มเกล้า (ด้วยคารวะ) ว่าสาเหตุที่เสียชีวิตนั้น ท่านเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด
โดนระเบิด หรือโดนกระสุนปืน จากไหน ใครทำ
แต่ก็ไม่เคยได้รับการถกในเรื่องข้อมูลเหล่านี้
สังคมจะสงบสุข มันก็ต้องแสวงหาความจริงร่วมกัน หาบทสรุปร่วมกัน
หาด้วยข้อมูลหลักฐาน หาด้วยความเป็นธรรม
ไม่ใช่เอาความชัง ความชอบ ความเชื่อเป็นหลักในการหาบทสรุป
ในยุคนี้ เรื่องราวต่าง ๆ มันไม่ใช่มีแค่ในหนังสือพิมพ์ และปากคำเป็นเรื่องเล่าขาน
ซึ่งสามารถบิดเบือนเบี่ยงเบนเรื่องราวและเหตุการณ์ได้ง่าย
แต่มันมีคลิปภาพ เสียง บันทึกไว้ละเอียดยิบทุกมุมทุกขั้นตอน
ภาพและเสียงเหล่านี้บิดเบือนไม่ได้เบี่ยงเบนไม่เป็น ตัดต่อก็รู้
และจะบันทึกไว้เป็นร้อยปีพันปี
ปิดกั้นยาก และเมื่อถึงเวลา ก็ไม่สามารถปิดกั้นได้
นี่คือเรื่องของสังคม
ไม่ใช่เรื่องแพ้-ชนะ รัก-เกลียด
เมื่อเป็นเรื่องของสังคม คนในสังคมต้องร่วมกันแสวงหาความเป็นจริงเพื่อนำความจริงสู่สังคม
ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของใคร ไม่ใช่เพื่อทำลายใคร แต่เพื่อสังคมโดยรวมที่ต้องก้าวเดินต่อไป
อย่าให้ใครผูกขาดความจริง อย่าให้ใครผูกขาดการปกครอง อย่าให้ใครผูกขาดความถูกต้อง ฯลฯ
(วันนี้คนไทยเราโดนผูกขาดอย่างไม่รู้ตัวแทบทุกเรื่อง เช่น เรื่องนม โห..สมัยก่อนหญิงไทยเปลือยอกกันทั้งนั้น พอมายุคนี้วัยรุ่นเปลือยอกเต้นหน่อย จะเป็นจะตายให้ได้ ละครหวือหวาหน่อยก็เหมือนเมืองจะล่ม นี่คือตัวอย่างการผูกขาดทางวัฒนธรรม เรื่องอื่น ๆ โดนผูกขาดไหม ก็คิดต่อเอาเอง)
ผู้ใดมีมีสติปัญญา มีความคิด มีสามัญสำนึก ก็ขอให้แสวงหาข้อมูลและหลักฐาน
ถกกันด้วยข้อมูลและหลักฐาน
แต่ถ้าใครไม่มีสติปัญญา ไม่มีความคิด ไร้สามัญสำนึก
ก็เชิญเย้ว ๆ ต่อไปตามสบายครับ
เมื่อย จบ
