ลองมาดู"มติชนสุดสัปดาห์"อธิบาย "ต้นเหตุของทางตัน" กันครับ
|
 |
ชื่อบทความ : ต้นเหตุของทางตัน ที่มา: มติชนรายสัปดาห์ 6-12 พฤษภาคม คอลัมน์ : เมนูข้อมูล ผู้เขียน : นายดาต้า
ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม แต่ความเป็นจริงก็คือความแตกแยกทางการเมืองที่เรื้อรัง สร้างปัญหาให้กับการพัฒนาประเทศไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไรในขณะนี้ มีต้นสายปลายเหตุมาจากการช่วงชิงอำนาจกันระหว่างกลไกในระบบกับกลไกนอกระบบ ระบบในที่นี้หมายถึงประชาธิปไตยที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกใช้ในการบริหารประเทศ ระบบวางไว้ให้รัฐธรรมนูญเป็นกติกาสูงสุด ประชาธิปไตยไทยใช้วิธีให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทนราษฏรและพรรคการเมือง พรรคไหนชนะการเลือกตั้ง พรรคนั้นมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล ระบบประชาธิปไตย คือผู้ที่ได้รับเลือกจากประชาชนเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แต่สิ่งที่อำนาจนอกระบบต้องการก็คือ เข้ามามีบทบาทบริหารประเทศโดยไม่ต้องผ่านการเลือกของประชาชน มีการแต่งตั้งกันเองในกลุ่มที่ครองอำนาจ การต่อสู้ระหว่างกลไกในระบบกับนอกระบบนี้มีวิธีการที่ซับซ้อนและซ่อนเล่ห์กล หรืออย่างที่พล อ. สนธิ บุญบรัตนกลิน เคยใช้คำว่า ลับ ลวง พราง วิธีการฝ่ายกลไกอำนาจนอกระบบ เข้ามากำหนดกติกาในรัฐธรรมนูญให้เอื้อต่อการที่ฝ่ายตนจะเข้ามามีบทบาท ใช้การแต่งตั้งสมชิกสภาในบางส่วนแทนที่จะปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจ และพยายามเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบกำหนดผู้นำประเทศ เมื่อรัฐธรรมนูญไม่เปิดทางให้ ในบางคราวมีการใช้กำลังของกองทัพ และอาวุธสงครามมากระทำรัฐประหาร เพื่อยึดอำนาจและแก้ไขกติกา ขณะเดียวกัน มีความพยายามที่จะทำให้กลในระบบไม่เป็นที่ศรัทธาของประชาชน
การทำให้นักการเมืองมีภาพที่เลวร้าย ทั้งการสร้างกระแสทำลาย และขยายพฤติกรรมที่เสื่อมทรามของนักการเมืองให้ประชาชนเอือมระอา เพื่อพยายามให้เห็นว่าหากปล่อยให้กลไกในระบบจัดการประเทศอย่างอิสระ ประเทศชาติจะย่ำแย่เพราะนักการเมืองเป็นพวกเห็นแก่ตัว อาศัยอำนาจเข้ามาแสวงประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง หนทางออกที่ดีกว่าก็คือ ให้อำนาจนอกระบบเข้ามามีส่วนกำหนด ในอีกด้าน พรรคการเมืองบางพรรคที่ล้มเหลวจากการต่อสู้ในระบบ เพราะเอาชนะในการเลือกตั้งไม่ได้ หันมาใช้วิธีทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามและเข้าไปอิงแอบอำนาจนอกระบบเพื่อเปิดทางให้พรรคตัวเองเข้ามามีส่วนในอำนาจ ยอมที่จะเป็นเครื่องมือให้อำนาจนอกระบบเข้ามาอาศัยเสื้อคลุมของประชาธิปไตย เพียงเพื่อตัวเองได้มีโอกาสในอำนาจ ยอมกระทั่งมีการจัดตั้งรัฐบาลในกองทัพ โดยใช้กลไกอำนาจนอกระบบบังคับให้พรรคการเมืออื่นๆเข้ามาสนับสนุน ละทิ้งประเพณีประชาธิปไตย และมารยาททางการเมือง ตรงนี้เองที่ทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองบานปลาย เพราะประชาธิปไตยในประเทศไทยถูกปลูกฝังจนหยั่งรากลึกไปถึงระดับหมู่บ้านตำบล การไม่ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน เท่ากับการดูถูกประชาชน การรวมตัวเพื่อต่อต้านจึงเกิดขึ้น โดยมีนักการเมืองอีกบางกลุ่มที่ไม่เป็นตัวเลือกของอำนาจนอกระบบอาศัยการต่อต้านนี้เป็นประโยชน์ของฝ่ายตัว จึงเกิดการเมืองสองขั้ว ต่อสู้กันโดยประเทศเป็นสนามรบ ความเสียหายเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และจนบัดนี้ยังไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่มีความหวังว่าจะชนะอย่างเด็ดขาด คล้ายว่าฝ่ายอำนาจนอกระบบจะควบคุมได้เด็ดขาด ครั้งใช้กำลังปราบปรามฝ่ายตรงกันข้ามอย่างเข้มข้นรุนแรง แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งปราบขบวนการต่อต้านยิ่งขยายตัว จนเกิดสภาพไม่มีทางที่จะชนะกันอย่างเด็ดขาดหรือเหนือกว่าในระดับที่พอจะประคับประคองอำนาจการบริหารไปได้ ทางออกของประเทศอาจจะมีอยู่บ้าง หากพรรคการเมืองยอมเป็นเสื้อคลุมให้อำนาจนอกระบบมีความสามารถพอที่จะบริหารประเทศจนประชาชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ และมีความหวังว่าจะชนะเลือกตั้ง แต่เหตุการณ์หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ หลังจากบริหารประเทศมาระยะหนึ่ง ยิ่งชัดเจนถึงสภาพไร้ความสามารถ ผลสำรวจล่าสุดของสวนดุสิตโพลล์ ปรากฏว่าผลงานของรัฐบาลสอบตกในทุกด้านจากคะแนนเต็มสิบ ในความคิดของประชาชนการแก้ปัญหาคอรัปชั่นได้แค่ 3.7 คะแนน การแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลได้แค่ 3.40 คะแนน การปฏิบัติตนของนักการเมือง โดยเฉพาะเรื่องความสามัคคี ได้ 3.53 คะแนน การแก้ปัญหายาเสพติดได้ 3.60 คะแนน การแก้ปัญหาราคาสินค้าได้ 3.63 คะแนน การแก้ปัญหาความยากจนได้ 3.7 คะแนน การแก้ปัญหาว่างงานได้ 3.77 คะแนน การแก้ปัญหาความสามัคคีของคนในชาติได้ 3.80 คะแนน สอบตกเกลี้ยงในทุกเรื่อง
มองในมุมหนึ่ง อาจจะเป็นข้ออ้างที่ดีของอำนาจนอกระบบ ถึงความไร้ประสิทธิภาพของนักการเมือง แต่เพราะเป็นพรรคการเมืองที่อำนาจนอกระบบอาศัยเป็นเสื้อคลุมให้ ไม่ใช่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม นั่นหมายถึงอาจจะถูกมองว่าเป็นความล้มเหลวที่เกิดจากการจัดการของอำนาจนอกระบบที่ไม่สามารถควบคุมการบริหารให้แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้สำเร็จ ในสถานการณ์ที่เข้าสู่การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ความล่อแหลมจะเกิดจากการอำนาจนอกระบบไม่ยอมรับความล้มเหลวของตัวเองพยายามดันทุรังที่จะเข้ามาควบคุมการบริหารประเทศ ทั้งที่พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่รู้ตัวว่าจะยิ่งนำประเทศสู่ความเลวร้าย และประชาชนทุกวันนี้ฉลาดพอที่จะไม่ยอมรับ
---------------------------------------------------------
ผมเห็นแบบเดียวกับข้อเขียนนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วครับ แล้วก็ยึดถือจุดยืนในลักษณะนี้มาตลอด ไม่รู้เหมือนกันว่าสมองซีกไหนของตัวเองดลบันดาลให้กระบวนการคิดเป็นแบบนี้ และถ้าจะคิดว่าผมโง่เง่าดักดานที่มองไม่เห็นคุณความดีของคุณ"อภิสิทธ์"กับ"ประชาธิปัตย์"ก็ตามสะดวกนะครับ เพราะผมก็มองไม่เห็นจริงๆนั่นแหละ
จากคุณ |
:
แอบมาซุ่ม
|
เขียนเมื่อ |
:
8 พ.ค. 54 14:04:19
A:223.206.101.57 X:
|
|
|
|