ได้อ่านบทความหนึ่งเข้าก็พลันได้หวนคิดย้อนกลับไปกลับมา คิดไปก็เออนะอาจจะจริงดังเขาตั้งสมมติฐานก็ได้เลยหยิบเอามาเล่าสู่กันฟัง
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าระบอบทหารเป็นใหญ่มีมานมนานย้อนไปก็แทบจะตั้งกะยุคแรก ๆ ของอาณาจักรอยุธยาเลยก็ว่าได้ พอมาปี 2475 ระบอบทหารได้เข้ามีส่วนในการเปลี่ยนแปลง เพราะหากไม่มีได้รับการสนับสนุนก็ยากจะสำเร็จ
พอเกิดการเปลี่ยนแปลงช่วงแรก ๆ ก็เริ่มไม่สบอารมณ์เหล่าขุนทหารแล้ว เพราะอำนาจออกแนวจะซ้ายจัดไปอยู่ข้างฝั่งประชาชน (ท่าน ป. ) เกมแย่งอำนาจก็เลยเริ่มเกิดขึ้น ดังที่เราพบในประวัติศาสตร์ หนักถึงขั้นดึงเอาสถาบันมาเกี่ยวข้อง เช่น กรณีมีคนไปตะโกนในโรงหนังว่า ... จนฝ่ายท่าน ป. ต้องหนีตายไปต่างประเทศ ... แต่ประเด็นหลักที่ต้องจับตามองคือ ระบอบทหารเองยังไม่เข้ามาทันทีแต่มีนอมินีคือพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่อยากมีอำนาจจนยอมรับใช้ระบอบทหารเพื่อได้เป็นรัฐบาล แต่ก็เป็นได้ไม่นานเพราะไม่เท่าทันเกมเขา เขาเลยรัฐประหารเสีย แล้วเริ่มยุค นายก ต้องเป็นนายพลมาอีกหลายสิบปี
หลังปี 2535 เราก็เริ่มกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยจริงจังอักครั้ง เมื่อระบอบทหารถูกท้าทายจนต้องถอยกลับกรมกองกันหมด หลังยุคนั้นเราเริ่มมีนายกที่เป็นคนธรรมดาไม่ใช่นายพลมาเรื่อย ๆ ซึ่งในระหว่างนี่ทางฝ่ายที่นิยมระบอบทหารก็สร้างภาพว่า ทหารคือฝ่ายที่หนุนระบอบประชาธิปไตย จนถึงขั้นว่า ทหารเป็นสถาบันหลักที่เชิดชุสถาบัน และ ประชาชน (หลัง ๆ ไปดูได้ จากเดิม ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มีเพิ่ม ประชาชนเข้าไปด้วย)
(ทฤษฎีสมคบคิด) อีกทางก็เดินเกมใต้ดิน สร้างภาพให้นักการเมืองดูเลวร้าย ไม่น่าเชื่อถือ โกง เสี้ยมให้นักการเมืองลืมบทบาทหน้าที่ เสี้ยมให้เกลียดกัน จนถึงขั้นเสี้ยมให้จนสังคมแตกแยก ... แล้วระบอบทหารก็กำลังจะกลับมา
อีกทางที่เล่นเกมก็คือการดึงเอา แกนหลักที่ไม่น่าเกี่ยวข้องเข้ามา โดยพยามเสริมพยายามเสี้ยมพยายามยกยอว่าอำนาจที่สามารถคานกันได้คือ เอาอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ มาเกี่ยวข้อง มามีบาบาทกับอำนาจบริหาร ทั้งที่จริงแล้ว อำนาจถ่วงดุลย์ไม่ควรมีการก้าวล่วงกัน ... จนระบบในบ้านเราอีรุงตุงนังไปหมด (นึกไม่อก นึถึงบริษัท ที่ตำแหน่งงานแต่ละระดับก้าวก่ายกันไปมา จะอนุมัติ จะเสนอ จะทำอะไร ก็สะดุดไปหมด สุดท้ายบริษัทก็เจ๊ง)
เมื่อภาพลักษณ์คือ ปกปักษ์สถาบัน เมื่อมีอำนาจล้นจนตรวจสอบไม่ได้ เมื่อสร้างภาพให้ประชาชนขัดแย้งกันเองได้ เมื่อสร้างภาพภัยคุกคามต่อประเทศจากภัยภายนอกทั้งจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจากกลุ่มที่เอามาอ้างเช่นก่อการร้าย
กอปรกับมีพรรคการเมืองที่หลงกลไปเข้าข้าง (เหมือนที่เคยโดนทำมาในอดีต) ... ณ วันนี้เราก็กำลังก้าวเข้าสู่ระบอบทหารอีกครั้ง แต่คราวนี้ยุคเปลี่ยน ระบอบนี้ไม่ได้มาแบบทื่อ ๆ ดังสมัยก่อนที่เรียกว่า ท่านผู้นำ แต่เรียกว่า ข้ารับใช้ผู้ปกปักษ์
เลยให้หวนคิดไปถึงคำทำนายเรื่องกาขาว ซึ่งเมื่อก่อนเข้าใจว่าคือฝรั่งเต็มเมือง มาวันนี้เริ่มเข้าใจแล้วว่า กาขาวคือพวกตัวดำแต่แอบอ้างว่าเป็นสีขาวนั่นเอง
จึงนึกย้อนดังที่กล่าวมาในข้างต้นว่า หรือว่าพวกเราที่เป็นเช่นนี้ ๆ ก็เพราะด้วยนิสัยพื้นฐาน + แผนการลึกสุดยอด หลอกให้เราตีกัน ให้เรามีมิจฉาทิฐิ จนเกิดการแตกแยก จนวิกฤตินี้สร้างโอกาสให้กับพวกเขาเอง
ถ้าเป็นจริง นับแต่ปี 2535 มาวันนี้ 2554-2555 รวมแล้ว 19-20 ปี แก้แค้นไม่สายจริง ๆ