Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ก่อนที่คุณโพ้นฟ้าจะ"เจี๋ยน" คุณพระรองตลอดกาล ซอนต๊อกขอวางยาสลบให้ก่อนนะคะ{แตกประเด็นจาก P10585150} ติดต่อทีมงาน

ก่อนที่คุณพระรองตลอดกาล จะชอกช้ำด้วยน้ำมือของคุณโพ้นฟ้า  ซอนต๊อกในฐานะองครักษ์พิทักษ์คุณโพ้นฟ้า(อุตส่าห์หาตำแหน่งมาเองนะเนี่ย   ไม่ต้องให้ใครต่อใครต่อสายมาเคลียร์ให้เมื่อย    )  ซอนต๊อกคงนิ่งดูดายเฉยๆไม่ได้จำเป็นต้องทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีหน่อย   ถึงแม้จะไม่ค่อยรู้เรื่อง จีดีพี  กะใครเขา  เพราะรู้เรื่องแค่พวก General  Departmemt  People เลยไม่เคยหาญกล้าเถียงกับใคร    ครั้งก่อนนู้นนนนน.....ที่  รดน. เขาเถียงกันแทบตายเรื่อง จีดีพี.   สุดท้ายยังจบลงที่ว่าเงินในกระเป๋าใครมากกว่ากันใครลำเค็ญกว่ากันเล๊ยยยยย   กลายเป็นหนังชีวิตไปซะงั้น  ซอนต๊อกได้แต่ทำตัวเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ดีเท่านั้น

 

คุณพระรองตลอดกาลอุตส่าห์ไปหาข้อมูลมาอ้างอิง  แถมพยายามตีความให้อ่านเข้าใจง่าย  อืมมมมม..มันก็เข้าใจอยู่นะ  หมายความว่าประชาชนเป็นหนี้สาธารณะเพราะเกิดจากการกู้ยืมของรัฐบาลใช่ป่ะ  ยังงั้นถ้ารัฐบาลไหนที่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะจำนวนมาก   โดยไม่จำเป็นก็เป็นรัฐบาลที่  เลว  เล่ว  เล้ว  เล๊ว  เล๋ว  อ่ะจิ   หุหุ   แปลว่าเลวมากนั่นเอง

 

แต่ช้าก่อนคุณพระรองตลอดกาล จากข้อมูลที่คุณนำมาคุณอย่าเพิ่งดีใจคุณยังไม่ได้สิทธิ์ในการตอบคำถามถูก   เพราะฉะนั้นจะไม่มีรางวัลสมนาคุณให้เด็ดขาด  นอกจากจะมีแต่รางวัล “โส-น๊า-น่า”ให้แทนนะจ๊ะ

 

ใครๆก็รู้ว่าตอนที่รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศช่วงรอยต่อ  ตอนนั้นสถานะเงินการเงินการคลังของรัฐบาลอยู่ในสภาพที่เกือบจะเรียกได้ว่าถังแตก   มีข่าวออกมาครึกโครมว่ารัฐฯจะมีเงินจ่ายเงินเดือนได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น  เอ....ตอนนั้นคุณยังไม่ได้เป็นไข้หวัด 2009 นี่นาคงได้ข่าวนี้บ้างกระมัง  เล่นเอาชาวบ้านชาวช่อง  หวาดเสียวไปตามๆกันแต่คุณอภิสิทธิ์กับคุณกรณ์กำลังใจดีมาก  พยายามหาทางแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนซึ่งก็ไม่พ้นการ  “กู้”  โอ๊ะ...โอ.. ก็ไม่ต้องกู้จิ่  จะได้ไม่เป็นหนี้ไง  พวกred shirt คงตะแบง  เอ๊ยยยย...ตั้งคำถามตามเคย   เฮ้ออออออออ.... เรื่องนี้ถ้าอธิบายคงเป็นมหากาพย์   ถ้าคุณพระรองตลอดกาลสงสัยโปรดถามนางเอกของซอนต๊อก   แน่ะ!ทำงง  ก็คุณโพ้นฟ้าไงเธอใจดีคงช่วยชี้ทางสว่างให้ได้  อิอิ

 

ชักจะเขียนออกไปไกลทั้งที่จะเขียนจิ๊ดเดียวเอง  ซอนต๊อกมีข้อมูลหนึ่งที่อยากให้คุณพระรองตลอดกาลได้มองเห็นแสงรำไรก่อนสักหน่อยในประเด็นที่ว่าหนี้ที่ก่อให้เกิดมันเริ่มมาจากรัฐบาลไหนกันแน่และมันหมกเม็ดไว้อย่างไร  หนี้สาธารณะในรัฐบาลนั้นมันถึงดูน้อยซึ่งจริงๆมีเยอะกว่านั้นอีก  คงจะเดาได้เนอะว่านิสัยชอบเล่นแร่แปรธาตุ   หมกโน่น-ปิดนี่-ปะนั่นเป็นนิสัยของใคร  โน่นนนนนนน...มองย้อนกลับไปที่ปี 2544 -2549 มาดูนโยบายการคลังภายใต้การบริหารของรัฐบาลคุณทักษิณ    อิอิ  ทำใจร่มๆนะจ๊ะ ขอบอก

ตารางรัฐบาลและงบประมาณแผ่นดิน

 ปีงบประมาณ/รัฐบาล  รายรับ รายจ่าย   ประเภทงบประมาณ  อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(%)

 2544

พ.ต.ท.ทักษิณ

 

 805,000.00

 

910,00.00

 

 ขาดดุล

 

 2.16

 2545

พ.ต.ท.ทักษิณ

 823,00.00  1,023,000.00  ขาดดุล   5.31

 2546

พ.ต.ท.ทักษิณ

 825,00.00  999,900.00  ขาดดุล  7.11 

 2547

พ.ต.ท.ทักษิณ

 928,100.00  1,028,00.00  ขาดดุล 6.35 

 2548

พ.ต.ท.ทักษิณ

 1,250,000.00  1,250,000.00   สมดุล   4.50

 2549

พ.ต.ท.ทักษิณ

คณะปฏิรูปการปกครอง

พลเอกสุรยุทธ์

 1,360,00.00  1,360,00.00 สมดุล  5.2 

คัดลอก <<<กดอ่านบทความ

มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการดำเนินโยบายการคลังในช่วงที่พรรคไทยรักไทยบริหารประเทศเกือบ 6 ปี ประการแรก มีการเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีการจัดทำงบประมาณและบริหารงบประมาณ เช่น เปลี่ยนแปลงการจัดทำงบประมาณแบบแผนงาน (Planning Programming Budgeting System: PPBS) ให้เป็นแบบบูรณาการและเน้นผลงานที่วัดได้ (Stragetic Peformance Based Budgeting: SPBB) การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ ซึ่งเป็นเงินที่รัฐบาลมีอำนาจในการบริหารแต่ไม่ต้องบันทึกในงบประมาณประจำปี จึงไม่ต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐสภา เช่น นำเงินของกองสลากกินแบ่งมาใช้ รวมทั้งมีการใช้นโยบายกึ่งการคลัง ซึ่งหมายถึง การใช้อำนาจรัฐในการสั่งการให้หน่วยงานที่รับกำกับดูแล โดยเฉพาะสถาบันการเงิน เช่น ยืมเงินจากธนาคารออมสินเพื่อจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน ให้ธนาคารเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการพักหนี้ให้กับเกษตรกร หรือให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ปล่อยกู้โครงการบ้านเอื้ออาธร เป็นต้น ดำเนินการตามที่รัฐบาลต้องการ เช่น ขยายสินเชื่อให้กับกลุ่มเป้าหมาย การดำเนินนโยบายกึ่งการคลังเช่นนี้ จะไม่ปรากฎเป็นหนี้สาธารณะทันที9 ประการที่สอง แม้ว่าการจัดทำงบประมาณปี 2548 และ 2549 จะกำหนดให้เป็นงบประมาณสมดุล แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่ใช่ ทั้งนี้เพราะกรณีที่ รัฐบาลมีรายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการ ซึ่งถ้าหากตั้งงบประมาณแบบขาดดุลก็สามารถกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลได้ แต่กรณีที่ตั้งงบประมาณแบบสมดุล จึงต้องนำเงินคงคลังมาใช้ก่อน ข้อสังเกตเรื่องนี้มีงานศึกษาสนับสนุน โดยพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของเงินคงคลัง (อ่านจากลิงค์)

รัฐบาลชุดนั้นมีปัญหาในการบริหารเงินต้องปรับเพดานเงินกู้โดยออกมาในรูปตั๋วเงินและกู้ทุกปี   ขนาดนั้นยังพบว่าเงินคงคลังในปี 2548 มีต่ำสุดอยู่ที่ 12.2 พันล้านบาท  ชักจะแปลกๆมั๊ยล่ะคุณพระรองตลอดกาล  หนี้เราก็เพิ่มขึ้นแถมเงินก็หดหายยังงี้คุณพระรองตลอดกาลจะไม่หาข้อมูลมาแย้งหรือคะว่า ไม่จริ๊งงงงงงงง  ไม่จริง

อ่ะนะซอนต๊อกเขียนไปเองจะหาว่าใส่ร้าย  คราวนี้มาดูกันดีกว่าจากการศึกษาในเรื่องนี้มีข้อเสนอแนะอะไรให้บ้าง  คัดลอกมาให้อ่านค่ะ

บทสรุป

ในช่วงทศวรรษ 2540 และต่อเนื่องมาจนถึงต้นทศวรรษที่ 2550 การดำเนินนโยบายการคลังของ ประเทศไทยได้ปรับเปลี่ยนค่อนข้างมาก ด้วยเหตุผล 2 ประการ ประการแรก ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ 2 ครั้ง คือในปี 2540 และ 2551-2552 ทำให้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณขาดดุลค่อนข้างมากในการกอบกู้เศรษฐกิจ ช่วยเหลือสถาบันการเงินและกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบ ประการที่ สอง เป็นผลจากการดำเนินนโยบายประชานิยมที่พรรคไทยรักไทยนำมาใช้ตลอดช่วงที่บริหารประเทศ 6 ปี ผลทั้งสองประการทำให้ภาระหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมทั้งมีภาระผูกพันต่อเนื่องที่จะต้อง จ่ายภายใต้โครงการสวัสดิการ เช่น ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และนโยบายตระกูลเอื้ออาทร เป็นต้น ประกอบกับ นโยบายประชานิยมที่พรรคไทยรักไทยนำมาใช้ได้รับความนิยมจากประชาชน จึงทำให้มีการแข่งขันกันเสนอนโยบายประชานิยมของทุกพรรคการเมือง โดยไม่ได้มีการเพิ่มภาษีประเภทใหม่ เพื่อเป็นแหล่งรายได้มาสนับสนุนโยบายประชานิยมที่นำเสนอ รัฐบาลทุกชุดจึงใช้วิธีการกู้เงินมาใช้ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลไม่มีนโยบายเพิ่มรายได้ด้วยการเก็บภาษีชนิดใหม่ขึ้นมา ในระยะยาว รัฐบาลต้องเผชิญ กับปัญหาหนี้ ซึ่งจะนำไปสู่วิกฤตหนี้ของรัฐบาลได้ ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในประเทศประเทศกลุ่มลาตินอเมริกาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ที่รัฐบาลดำเนินนโยบายประชานิยม โดยไม่มีการปรับปรุงการหา รายได้จากการเก็บภาษีเพิ่ม ดังนั้น ถึงเวลาที่รัฐบาลไทยต้องดำเนินการอย่างจริงจังในการปฎิรูประบบ ภาษีอากรเพื่อเพิ่มรายได้ให้เพียงพอกับรายจ่ายด้านสวัสดิการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ควรดำเนินการควบคู่กันไปกับการมีมาตรการเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการบริหารงบประมาณและเพิ่มความรับผิดชอบทางการคลังให้กับรัฐบาลแต่ละชุดที่เข้ามาบริหาร

 ดังนั้นที่คุณโพ้นฟ้าบอกมาถูกแล้วค่ะ  ว่ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ก็หาเงินเป็นมีการปรับปรุงการจัดเก็บภาษี  หารายได้เข้ารัฐจนมีสถานภาพทางการเงินที่ปลอดภัย  ต่างกับตอนที่เข้ามาบริหารราวฟ้ากับ......

เห็นเชียร์ให้เจ๊ปูเป็นนายกฯทั้งที่นายใหญ่บอกเองว่าเป็น "โคลนนิ่ง"  ระวังเหอะจะได้   "โคลนหนี้"

แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 02:06:44

แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 01:44:58

แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 01:43:33

จากคุณ : ซอนต๊อก
เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 01:29:10 A:223.206.33.151 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com