
เรื่องสัญชาติ ก็อ้างว่าเลือกเกิดไม่ได้ จนถึงวันนี้ก็อ้างว่าคลุมเครือ ไม่ชัดเจนว่ามีสองสัญชาติหรือไม่
แต่ไม่ยอมสละสัญชาติอังกฤษให้เป็นเรื่องเป็นราว อ้างว่ากลัวโดนกล่าวหาว่าหนีคดีสลายคนเสื้อแดง
เรื่องมันง่าย ๆ คลุมเครือไม่คลุมเครือ ก็ทำเรื่องสละซะก็จบ ซึ่งมันก็จะได้ข้อสรุปว่าไม่เอาสัญชาติอังกฤษ
จะมีสัญชาติไทยสัญชาติเดียว
แต่ไม่ยอมทำ ทำเป็นไร้เดียงสาตาใสไขสือไปแบบมึน ๆ
เรื่องหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ก็ถึงขนาด พล.อ.อนุพงษ์ ออกมาพูดตัดบทช่วยว่า ถึงวันนี้หมดอายุความแล้ว
ไปเป็นอาจารย์นักเรียนนายร้อยก็เป็นอาจารย์แบบพิลึก
เวลาเรียนปีหนึ่ง ๆ จะมีอยู่ประมาณสองร้อยวัน แต่นายอภิสิทธิ์ลาซะสองร้อยกว่าวัน
สุดท้าย ก็ไม่กล้าใช้ยศว่าที่ร้อยตรีนำหน้าชื่อ
เรื่องทางการเมือง ก็แอบเล่นการเมืองนอกสภาฯ กับพันธมิตร
แต่ก่อนปฏิเสธมาโดยตลอด แต่พอโดนพันธมิตรแฉ ก็ทำมึนเหมือนไม่รู้เรื่อง
ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ก็ไม่สง่างาม ฉวยโอกาส
โอกาสที่อำนาจนอกระบบอุ้มชู ถึงขั้นตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
พอได้เป็นนายกฯ ก็แอบพบกันกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ต้องหาหลายคดี
อันนี้ก็ออกมาปฏิเสธ สุดท้ายก็โดนนายสนธิแฉอีก ก็เสียคนไป
เป็นนายกฯอยู่กว่าสองปี ไม่มีน้ำยาอะไร นอกจากไข่ชั่งกิโล 
ใช้งบประมาณเพื่อค้ำยันตำแหน่งตัวเองอย่างอีลุ่ยฉุยแฉก เปล่าเปลืองและโกงกินนับแสนล้านบาท
ที่คือตัวอย่างเพียงบางเรื่อง ทั้งทางเรื่องส่วนตัวและทางการส่วนรวม
มีอะไรที่แสดงถึงความเป็น "ลูกผู้ชาย" ทั้งทางส่วนตัวและทางการเมือง
ถ้าคนอย่างนี้มีค่าต่อสังคมไทย
สังคมไทยก็ "ซวย" และ "สิ้นคิด" ล่ะครับ

กระทู้นี้ก็พยายามขมิบนะ
แต่พอดีเป็นตูดช้ำเพราะนั่งซดยาดองหลายวันไปหน่อย
เลยอดขมิบ
