ผมเฝ้ามองเรื่องนี้ด้วยความหงุดหงิดมาหลายเพลา และเพื่อนๆ ในห้องนี้ก็ได้มีการถกอภิปรายกันไปหลายรอบแล้ว
แต่วันนี้มีผลคดีออกมาเลยมาตอกย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง
การกล่าวหา ทักษิณ ว่าทำให้รัฐ (ทีโอที) เสียรายได้มหาศาล โดยการให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมือถือร้อยละ 10 และมีการการโหมประโคมโจมตีประเด็นนี้ต่างๆ นานามาเป็นเวลายาวนาน
คนที่ไม่ได้ดูรายละเอียดหรือไม่ติดตามข่าวลึกซึ้ง ก็จะเชื่อตามๆ กันว่า "รัฐเสียหายๆๆๆๆๆๆ"
จนกระทั่งมีการดำเนินคดีเอาผิดกันนั้น เป็นจริงหรือไม่?
คำตอบก็คือไม่จริง!!!
สิ่งที่ "ทีโอที" เสียไปก็คือ "รายได้จากการนอนกินสัมปทาน" มายาวนานตั้งแต่เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่พอแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชน รัฐบาลมองว่ามันไม่ถูกต้อง ที่บริษัทมหาชนจะมาเก็บสัมปทานจากบริษัทเอกชนเหมือนๆ กัน แล้วเอาไปถลุง เป็นเงินเดือนแพงๆ โบนัสแพงๆ ไปปันผลหุ้น ก่อนส่งเข้าคลัง
ซึ่งก็อืดอาดล่าช้าไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจนคลังต้องทวงถามเป็นประจำ!!!
จึงได้คิดระบบภาษีสรรพสามิต โดยในเบื้องต้นไม่ได้หักด้ามพร้าด้วยเข่า ให้บริษัทมือถือทุกบริษัทจ่ายภาษีสรรพสามิต 10 เปอร์เซ็นต์ของรายได้เข้าคลังโดยตรง แล้วนำไปหักกับค่าสัมปทานของทีโอที เพื่อไม่ให้ภาระค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มขึ้น แต่บวกลบยังไง "รัฐ" ก็ได้รายได้เท่าเดิมวันยังค่ำ
แต่พอจะโจมตีกันกลับมองเพียงขาเดียวว่า ทำให้ทีโอทีเสียหาย อีกขาที่เป็นภาษีเข้ารัฐโดยตรงไม่พูดถึงสักคำ
และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไม คนทีโอที โกรธเกลียดทักษิณนักหนา???!!!!
นี่เองที่ภาษาการสื่อสารเค้าเรียกว่า "การบอกความจริงแบบครึ่งเดียว" (HALF TRUTH) ซึ่งคนบางกลุ่มบางพวกใน "ต๋องแหนงแลนด์" แห่งนี้ถนัดและเชี่ยวชาญมาก กระทำกันมายาวนาน จนทำให้คนดีเสียคน หมดอนาคตมาเยอะแล้ว
แต่ในยุดแห่งข้อมูลแห่งข่าวสารนี้ความจริงมีให้สืบค้นอยู่ทั่วไป และไม่สูญหายไปใน
รอวันที่อำนาจอุบาทว์เคลื่อนพ้นผ่านไปจากสังคม ความจริงก็จะค่อยปรากฏขึ้น
ผมจะรอวันนั้น หวังว่าคงมีโอกาสได้เห็นภายในช่วงชีวิตของผม
ผมจะอยู่รอดู...!!!!