ซอนต๊อกอ่านแล้วปลงๆ ว่าจะปล่อยให้กระทู้นี้เป็นอาหารของเต่าปลาต่อไป แต่เกรงว่าเพื่อนๆสมาชิกที่ไม่ทราบจะข้าใจผิดตามนั้นจึงต้อง "เสียเวลา" อธิบายให้สักหน่อย เผื่อจะได้เป็นกุศล ยิ่งอธิบายหลักธรรมได้ถูกต้องท่าทางกุศลจะแรงเป็นพิเศษ จะกรวดน้ำแบ่งๆให้คน "รู้ไม่จริง" ด้วย
ความจริงแล้วเพราะในพระไตรปิฏกพระพุทธองค์ตรัสเปรียบบุคคลเหมือนดอกบัวเพียง 3 เหล่าเท่านั้น แต่ที่มีการยกมาว่ามี 4 เหล่าเป็นเพราะพูดกันตามอรรถกถา ไม่ได้ได้เป็นการตรัสของพระพุทธเจ้าโดยตรง
อรรถกถา (อ่านว่า อัดถะกะถา) คือคัมภีร์ที่รวบรวมคำอธิบายความในพระไตรปิฎกของโบราณจารย์ที่ได้ไขความในพระไตรปิฎกไว้ เรียกว่า คัมภีร์อรรถกถา บ้าง ปกรณ์อรรถกถา บ้าง อรรถกถา จัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างแพร่หลายในวงการศึกษาพระพุทธศาสนา
คัมภีร์อรรถกถา แต่งโดย พระอรรถกถาจารย์ ซึ่งมีเป็นจำนวนหลายท่านมาก และอรรถกถาจารย์ได้แต่งหนังสืออรรถกถาอธิบายไว้หมดครบทั้งหมด ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาเป็นหนังสือที่แต่งอธิบายความหรือคำที่ยากในพระไตรปิฎกให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยยกศัพท์ออกมาอธิบายเป็นศัพท์ๆ บ้าง ยกข้อความหรือประโยคยาวๆ มาขยายความให้ชัดเจนขึ้นบ้าง แสดงทัศนะและวินิจฉัยของผู้แต่งสอดแทรกเข้าไว้บ้างเป็นหนังสือที่มีอุปการะแก่ผู้ศึกษาพระไตรปิฎกรุ่นหลัง ๆ เป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นถ้าจะอ้างเรื่อง บัว 4 เหล่าก็ควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ซะก่อนนะคะ จะได้ไม่อวดอ้างถึงพระพุทธองค์ท่านอย่างผิดๆ ตายไปตกนรกไม่รู้ด้วยเหมือนท่านเทวทัตไงคะ ถ้าอยากจะอวดอ้างมาประกอบกระทู้ให้ดูน่าเชื่อถือก็ควรอ้างเพียงบุคคล 4 เหล่าในอรรถกถาก็น่าจะเพียงพอ
ถึงแม้ว่าภูผาผึ้งจะค่อนข้างห่างไกลตัวเมืองแต่ถ้ามีความพยายามศึกษาหาความรู้ดีๆเชื่อว่าจะพัฒนาตนเองได้ไม่ยากค่ะเป็นกำลังใจให้นะคะ เป็นห่วงแต่ว่าจะไม่ยอมศึกษาสิคะ มัวแต่ฟังเขามาพูดแถมนำมาสั่งสอนคนอื่นให้รู้ "ผิดๆ"ตามไปอีกบาปแย่เลยนะเนี่ย
คงไม่ต้องมาจัดพวกให้ซอนต๊อกแล้วนะคะว่าอยู่ในบุคคลพวกไหน ว่าแต่คุณภูผาผึ้งเถอะอย่าจัดกลุ่มตัวเองผิดล่ะ เดี๋ยวจะกู่ไม่กลับ อิอิ ด้วยความเคารพ
ที่มา1