ไม่รู้มีใครเคยโพสต์หรือยังคะ
---------------------------------------------------------------------
เฟซบุ๊ก เป็นพิษ
จากเจตนารมณ์ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จั่วหัวประเดิม เกมยุทธ์เชิงการตลาด ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ขายตรง ถึงบรรดากองเชียร์แม่ยก พ่อยก
ผมพยายามสื่อสารกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและความเข้าใจในการทำงานของผม แต่ที่ผ่านมาผมหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์ทางการเมืองที่มีความละเอียด อ่อน เพราะผมพยายามลดเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่ขณะนี้สื่อมวลชนบางส่วนเสนอข้อมูล ข้อคิดที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ผมจึงจำเป็นต้องทำบันทึกชุดนี้เพื่อเป็นหลักฐาน และเพื่อประโยชน์ในการตัดสินใจชี้ชะตาอนาคตของประเทศโดยพี่น้องทุกคนในเร็วๆ นี้
พยายามลดเงื่อนไขความขัดแย้ง แต่การณ์กลับกลายเป็นจุดชนวน
ฟื้นฝอย ทะเลาะกับพรรคร่วมรัฐบาล
จากเวอร์ชั่นแรกที่เปิดฉากเหน็บ บิ๊กเติ้ง นายบรรหาร ศิลปอาชา หลงจู๊ใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาพาดพิงไปถึงนายเนวินชิดชอบครูใหญ่พรรคภูมิใจ ไทยที่ออกมาทวงสัญญาลูกผู้ชายเป็นทำนองว่า เป็นนักการเมืองต้องทำเพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคพวกหรือคนๆเดียว
แสดงตัวตนของคนชื่อ อภิสิทธิ์ ไม่เคยลดราวาศอกให้ใคร
มาถึงเวอร์ชั่น จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ ที่ย้อนอดีตเคลียร์ตัวเองกันตั้งแต่เริ่มฟอร์มรัฐบาล อภิสิทธิ์ชน เคลียร์ปัญหาค้างคาใจ ไล่กันมาตั้งแต่เบื้องหลังคดียุบพรรคพลังประชาชน อันเป็นที่มาของการ สลับขั้ว พรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสจัดตั้ง รัฐบาลเทพประทาน
อภิสิทธิ์ เฟ้นเอาเฉพาะส่วนดีเอาไว้กับตัว
ผมคิดว่าแม้คนไทยจะตะขิดตะขวงใจกับการที่ผมไปทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม แต่คนที่คิดอยู่ในระบบย่อมเข้าใจว่า เรามีผู้เล่นอยู่เท่านี้ ไม่สามารถเปลี่ยนผู้เล่นได้ เพราะคนที่จะเปลี่ยนผู้เล่นคือประชาชน เมื่อเปลี่ยนผู้เล่นไม่ได้ ผมก็ต้องจัดทีมจากผู้เล่นที่มีและดูแลให้ผู้เล่นเหล่านั้นเดินตามกติกาที่ผม วางไว้
พูดกันเป็นนัย จำใจเลือกพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาเพราะไม่มีตัวเลือก
เล่น โยนชั่ว ให้เพื่อนรับไปซะขนาดนี้ ก็ไม่แปลกที่นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จะออกอาการฉุนกึก ย้อนเกล็ด กันแบบเลือดสาด
ไม่ใช่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนาอยากร่วมรัฐบาล ถ้าไม่ถูกบังคับก็ไม่เลือกแน่ เราถูกบีบด้วยพลังที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ต้องมาร่วมผมไม่สบายใจขอสะกิด ไว้หน่อย บรรยากาศการเลือกตั้งต้องนำความสงบไปสู่หลังการเลือกตั้ง มีปัญหากับฝ่ายค้านแล้วอย่าให้มีปัญหากับพรรคร่วมอีก มันจะไปกันใหญ่
ถูกบีบด้วยพลังที่มองไม่เห็น
จบข่าวเลย คนระดับนายชุมพล ที่อีกสถานะหนึ่งเป็นนักวิชาการ อาจารย์สอนหนังสือมหาวิทยาลัย มีเครดิตมากกว่านักเลือกตั้งอาชีพทั่วไป เปิดปากแฉเอง เบื้องหลังการสลับขั้ว เปิดทางรัฐบาล อภิสิทธิ์ชน มีคนกำกับฉากอยู่เบื้องหลัง
ตอกย้ำภาพการจัดตั้งรัฐบาล เทพประทาน ในค่ายทหาร
และก็เป็น อภิสิทธิ์ ที่แบไต๋ออกมาเอง จากข้อความตอนหนึ่งในเฟซบุ๊กช่วงเวลานั้นนายพสิษฐ์ศักดาณรงค์อดีตเลขานุการ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ติดต่อผ่าน ส.ส.คนหนึ่ง เพื่อขอพบผม เพราะมีธุระอยากพูดคุยด้วย เราก็ได้พบกันที่ร้านอาหารใกล้พรรคประชาธิปัตย์
โดยคุณพสิษฐ์บอกผมว่า พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบนะ ผมก็เพียงแต่รับฟัง คุณพสิษฐ์บอกกับผมว่าที่เล่าให้ฟังเพราะคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับพรรค ประชาธิปัตย์ ซึ่งผมตอบกลับไปว่า การยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ เป็นเรื่องของเนื้อคดีและดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ แม้แต่วันนั้นผมก็ยังบอกเขาเลยว่าหากยุบพรรคพลังประชาชน ผมก็คิดว่าไม่ได้เป็นประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับประชาธิปัตย์ เพราะผมเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็คงจับมือกันเป็นรัฐบาลต่อ
ตามจังหวะที่นายพสิษฐ์ให้สัมภาษณ์พิเศษไล่หลังในหนังสือ พิมพ์มติชนฉบับประจำวันที่ 10 มิถุนายน ฉายซ้ำ คลิปลับ วันนัดพบ ผู้นำฝ่ายค้าน
จับประโยคสนทนา ใกล้เคียงกับช็อตเบื้องหลังที่นายอภิสิทธิ์ถ่ายทอดออกมา
เรื่องของเรื่อง ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่ว่า อภิสิทธิ์ กับ พสิษฐ์ มีการนัดพบกันจริงๆในห้วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ และผลออกมาก็เป็นไปตามที่มีการเจรจาความกัน
มันก็ชัด มีขบวนการ ล็อบบี้ อยู่ฉากหลัง
เถียงไม่ขึ้น รัฐบาล อภิสิทธิ์ ก่อกำเนิดมาจาก พลังที่หลีกเลี่ยงไม่ได้.
ทีมข่าวการเมือง
http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/178104