อ่าน FB ของนายอภิสิทธิแล้ว ผมรู้สึกว่าเขามีอาการคล้าย"คนบ้า"เข้าไปทุกทีแล้ว

จากใจนายอภิสิทธิ ตอนนี้ฉบับที่ 5 แล้ว ที่ออกมาแก้ผ้าล่อนจ้อน ให้ประชาชนดูได้อย่างดียิ่ง

โดยเฉพาะฉบับล่าสุด ที่นายอภิสิทธิ เขียนบอกว่าฉายา "ดีแต่พูด" นั้น

เป็นกระบวนการใส่ร้าย และจัดตั้งมา (ประชาชน ถูกจ้างมาอีกแระ)

ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติและเข้าใจในสังคมไทยได้ว่า ตอนนี้แม้แต่แม่น้องเกตุ ( 1 ในพยาบาล 6 ศพ) หากจะมาทวงถามความเป็นธรรมให้กับวิณญาณ ของลูกสาว

ก็คงจะไม่แคล้วว่า"โดนจ้างให้มาถาม"

เพราะนายอภิสิทธิ น่าจะอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งระยะสุดท้าย ถึงขนาดหน้ามืด จะไปพูดฝ่ายเดียว ซึ่งก็คงไม่แคล้วที่จะกล่าวหาประชาชนเหมือนอย่างที่ตนถนัด

นายอภิสิทธิ ยังได้โยงเรื่องดีแต่พูดไปยังคุณทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยได้หน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่่นายอภิสิทธิ ก็ไม่น่าจะมีความจำสั้นว่า ฉายานี้ ใคร เป็นคนตั้ง ใครเป็นคนเรียก และน่าจะเข้าใจได้ว่าทำไม ประชาชนทั้งประเทศถึงไม่มีคนเถียงว่า

ฉายานี้ "มันไม่จริงหรือเป็นเท็จอย่างไร"

นายอภิสิทธิ พร่ำเพ้อ ว่าทำงานอย่างหนัก ด้วยเบี้ยยังชีพสูงอายุ ด้วยเบี้ย อสม. และหมัดเด็ด ก็คือ เรียนฟรี 15 ปี แบบผู้ปกครองต้องพกเงินเข้าไปไม่ต่ำกว่า 3 พันบาท   ไม่เช่นนั้น ลูกหลานของท่านจะไม่ได้เข้าเรียน ตามรายการที่โรงเรียนเรียกเก็บ แม้นประชาชนจะถามว่า ไหนว่าเรียนฟรี แต่ก็ยังไม่มีคำตอบว่าไอ้เรียนฟรี แบบมีติดกระเป๋าอย่างต่ำ 3 พันนั้น มันเรียนฟรีอย่างไร (ฮา)

นายอภิสิทธิ ครับ ถ้านายอภิสิทธิจำได้ ว่า จากวันแรก ที่นายอภิสิทธิ เข้ารับตำแหน่ง

นายอภิสิทธิได้ทำสัญญาประชาคมไว้หลายข้อ ซึ่ง หลัก ๆ นายอภิสิทธิได้พูดดราม่า ไว้ว่า

"จะเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ จะให้ความเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นประชาชนสีไหน สีเหลือง หรือสีแดง"

นายอภิสิทธิ บอกว่า "จะเป็นรัฐบาลประวัติศาสตร์ ด้วยการไร้การโกง หรือคอรัปชั่น" แถมยังบอกว่า ตนเองมีกฏเหล็ก 9 ข้อ ไว้จัดการรัฐมนตรีที่บังอาจโกงหลวง ด้วย วลีเด็ดที่ว่า "นักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าประชาชนทั่วไป"

บันทึกฉบับนี้ ผมจะไม่เขียนถึงฝีมือ บริหารอันเอกอุและการแก้ปัญหาให้ประชาชน ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เพราะคงต้องเขียนเป็นซีรี่ย์ ในความไร้น้ำยาของนายอภิสิทธิ เป็นเล่ม ๆ

แต่ผมจะตอกย้ำความ ดีแต่พูดของนายอภิสิทธิ ให้ดูชัด ๆ เป็นตัวอย่างพอสังเขป

นับแต่ ขวบปีแรก ที่สื่อมวลชนตั้งฉายาให้นายอภิสิทธิเป็นเอกฉันท์ว่ารัฐบาล "ปฏิมากรรมน้ำลาย" และ "หล่อหลักลอย" เป็นดอกแรก

มีการขยายและอธิบายคำจำกัดความไว้เสร็จสรรพ เนื่องจากนายอภิสิทธิ ทำงานบนโพเดียมมาตลอด ทำแต่ปาก ทำด้วยน้ำลาย โดยไม่มีอะไรเป็นมรรค เป็นผลให้ประชาชนเห็น นอกจากกู้เงินมาแจก กับกู้เงินมากินและใช้ ไปวัน ๆแบบไร้อนาคต

หรือนายอภิสิทธิ จะไปกล่าวหาย้อนหลังสื่อฯ เหล่านั้นว่า รับจ้างมา

วาทะกรรมน้ำลาย ของนายอภิสิทธิ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่การกระทำกับสวนกัน ไม่ว่า คดียึดสนามบิน จนวันนี้เกือบ 3 ปีแล้ว ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาื กับคดีการประท้วงของคนเสื้อแดง ที่ทำแบบ ขังก่อน สอบสวนที่หลัง

การคอรัปชั่น สูงสุดในประวัติศาสตร์ ของประเทศนี้ ด้วยการเรียกเก็บ ค่าปากถุง 30 % ขาดตัว

นับเป็นการเรียกเก็บ หรือสั้น ๆ ว่าโกง จน 22 สมาคม สุดทนออกมาประกาศว่ารับการกระืทำแบบนี้ต่อไปไม่ไหว แต่นายอภิสิทธิ ก็ยังอุตส่าห์ไป พูดในงานนี้ เสียด้วยว่า ต้องช่วย ๆ กัน (ฮา)

คนอื่นรู้สึกอย่างไรผมไม่รู้ แต่ผมบอกได้เลยว่า สิ้นหวังสุดประมาณ เมื่อได้ยินนายอภิสิทธิ อุตส่าห์เสนอหน้าไปในงานประจานตัวเอง

--------------------------------------------------------------------

กฏเหล็ก 9 ข้อ ที่นายอภิสิทธิโอ้อวด เอาไว้ว่า นี่แหละดาบอาญาสิทธิ ไว้ปราบ รัฐมนตรีที่มัวหมอง เพราะนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าประชาชน

การอภิปราย รัฐมนตรีคมนาคม ที่ผ่านมา นายโสภณ ซารัมย์ จนแต้มกลางกระดาน กับเงิน 6,001 ล้านบาท ....กลางสภา ด้วยม๊อตโต้อมตะ

"มติของ รฟม. ใหญ่กว่า มติของ ครม." (โคตรฮา)

แต่ที่ประชาชนสุดช้ำ กับกฏเหล็ก 9 ข้อก็คือ

นายอภิสิทธิ กับปรับ รัฐมนตรีที่ไม่ได้โดนกล่าวหาว่าทุตจริตออก เพียงเพราะเขา ไม่สามารถจะยกมือลงมติรัฐมนตรีที่โดนจับทุจริต กลางสภาได้

ขอย้ำอีกครั้ง เขาปรับรัฐมนตรีที่ไม่โดนอภิปรายออก เพียงเพราะแค่ไม่ช่วยอุ้มคนโกง

"กฏเหล็ก 9 ข้อ "จึงกลายเป็น "กฏเด็ก 9 ข้อ"ไปโดยพลัน

จากวันนั้นจนวันนี้ ประชาชน จึงตั้งฉายา ดีแต่พูด ให้กับนายอภิสิทธิเป็นเอกฉันท์ และไร้ข้อกังขาใด ๆ

จากหญิงสาวคนหนึ่ง ที่สุดจะทนกับนายอภิสิทธิ

สื่อมวลชนทุกแขนง ขานรับโดยไร้ขอกังขาว่า ทำไมฉายา ดีแต่พูด ที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ชูป้ายบอก จึงโดนใจประชาชนทุกประเทศขนาดนี้

แทนที่นายอภิสิทธิ จะสำนึก หรือสำเหนียก ในความเป็นตัวตนของตนเอง ลองย้อนตรวจสอบ การพูด และวิธีปฏิบัติของตนเองบ้างว่า

ดีแต่พูด อย่างที่ประชาชน เขาพร้อมใจกันมอบให้หรือเปล่า

นอกจากนายอภิสิทธิจะไม่สำนึกแล้ว ยังหยิ่งลำพองใจบอกว่า ก็พูดสู้ตัวเองไม่ได้หนะสิ ถึงไพล่มาด่า และรังแกเขาขนาดนี้

หนำซ้ำล่าสุด ยังเอาไปผูกโยงกับพรรคการเมืองคู่แข่ง แบบจับแพะ ชนแกะ ได้แบบ ด้านสุด ๆ ชนิดที่ ทักษิณ เองก็คง งง ว่า เอ เคยไปบอกว่าอภิสิทธิว่า ดีแต่พูดตอนไหน

อภิสิทธิ คล้ายคนเสียสติเข้าไปทุกที  อาทิตย์สุดท้ายอาจเห็นนายอภิสิทธิตัวแข็ง น้ำลายไหลยืด วิ่งไปทั่วกรุงเทพฯ ก็เป็นได้

กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตนเองก็ต้องรับไป

นายอภิสิทธิ ปลูกมะม่วง ก็ต้องกินมะม่วงสิ (ว๊ะ) นายอภิสิทธิปลูกมะม่วง แล้วนายอภิสิทธิจะกินทุเรียนได้อย่างไร

จากคุณ	: janneung
เขียนเมื่อ	: 20 มิ.ย. 54 07:46:19 A:118.173.254.244 X: