Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เด็กติดเกมส์ ผู้ใหญ่บ้าการเมือง มันก็ปัญหาเดียวกันนั้นแหละ ติดต่อทีมงาน

     เขาวงกตคือเกมส์ปริศนาที่ท้าทายความสามารถ พบเห็นได้มากตามนิตยสารสำหรับเด็กและผู้หญิง ซึ่งหากเป็นปริศนาบนหน้ากระดาษ คนที่เล่นเป็นจะใช้สมองคิดล่วงหน้าก่อนจะเดินไปทางไหนและแก้ปัญหาปริศนานี้ได้โดยใช้เวลาไม่นาน ต่างกับคนที่เล่นไม่เป็นที่ลากดินสอไปอย่างไม่มีทิศทาง เดาสุ่มเปะปะไปเรื่อย เจอทางตันก็ย้อนกลับทางเก่า ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะไขปริศนานี้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ปริศนาเขาวงกตตามนิตยสารจะมีระดับความยากง่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แบบที่ว่าระดับเด็กประถมหรือว่าเด็กก่อนวัยเรียนก็สามารถเล่นได้ จึงไม่แปลกอะไรที่ผู้เล่นส่วนมากเป็นเด็ก

     ปริศนาเขาวงกต จึงเป็นเกมส์ฝึกสมอง ที่คนคิดวางกลอุบายอย่างแยบยลในการล่อหลอกให้ผู้เล่นให้ได้ฝึกสมองจากความท้าทายในการแก้ปัญหา พูดได้ว่าเป็นเกมส์ “หลอกเด็ก” อย่างสร้างสรร แต่ความท้าทายของเขาวงกตสำหรับเด็ก ไม่ได้ถูกมองว่าสร้างสรรไปเสียทุกอย่าง เมื่อวัตถุเจริญขึ้นตามยุคสมัย ความท้าทายใหม่ๆของปริศนาเขาวงกตก็มาในรูปแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าเดิม จนเด็กและเยาวชนเคลิบเคลิ้มหลงใหล นวัตกรรมใหม่นี้คือ เกมส์คอมพิวเตอร์

     เด็กย่อมเป็นเด็ก ความคิดอ่านยังไม่เพียงพอที่จะตัดสินว่าอะไรควรไม่ควร วันทั้งวันเอาแต่จะพิชิตความท้าทายนี้ จนเกิดเป็นปัญหาสังคม เพราะเกมส์คอมพิวเตอร์ไม่ใช่สิ่งที่ทุกบ้านมีไว้ครอบครอง เด็กที่ไม่มีของเล่นชิ้นนี้เป็นของตัวเอง จึงต้องออกมาใช้บริการร้านเกมส์ ยอมเก็บเงินค่าขนมไม่ใช้จ่ายอย่างอื่น ยอมเอาเงินที่เก็บไว้มาแลกเปลี่ยนกับเวลาไม่กี่ชั่วโมงเพื่อพิชิตความท้าทายนี้

     คำว่าเพียงพอรึพอเหมาะ อาจจะยังเข้าใจได้ยากเกินไปสำหรับเด็กบางคน และนำมาสู่ปัญหาเมื่อเด็กติดเกมส์มากๆเข้า ชั่วโมงความสนุกที่เคยใช้เงินค่าขนมแลกมาเริ่มไม่เพียงพอ การขโมยเงินพ่อแม่จึงกลายเป็นวิธีแก้ปัญหาสำหรับเด็กบางคน เวลาปกติที่สมควรใช้ในการไปโรงเรียนเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็กลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ สู้เอาเวลามาเพลิดเพลินกับปริศนาที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างเกมส์คอมพิวเตอร์ไม่ได้

     ในที่สุด ปัญหาการขาดความยั้งคิดของเด็กก็กลายเป็นปัญหาสังคมที่แผ่กว้างขยายตัวไปอย่างรวดเร็วในสังคมไทย และ “แพะ”ตัวใหญ่ที่ถูกพ่อแม่เด็กตราหน้าว่าเป็นคนผิดคือ ร้านเกมส์ และสังคมต่างพากันออกมาประนามพฤติกรรมในลักษณะต่างๆเช่น ร้านเกมส์ไม่มีใบอนุญาต ร้านเกมส์ ทำผิดข้ออนุญาตในความเหมาะในการให้บริการเด็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะ ร้านเกมส์เปิดเกินเวลา ฯลฯ ร้านเกมส์เลยกลายเป็นผู้ต้องหาของสังคมตามลักษณะ Thailand Only

     เพราะไม่มีใครพูดถึงคนที่มีส่วนผิดคนอื่นในเรื่องนี้เลย ทั้งๆที่มีคนที่ต้องร่วมรับผิดชอบในปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นนี้อีกหลายคน ถ้าเรามองว่าเด็กไม่มีวุฒิภาวะพอที่รู้ผิดชอบดีชั่ว และยกประโยชน์ให้กับเด็ก เหมือนอย่างที่ศาลในบ้านเราที่เมตตาต่อความไร้เดียงสา จนในบางกรณีก็เว้นโทษให้กับเด็กในการตัดสินคดีความที่ผู้เยาว์ตกเป็นจำเลย แม้ถึงว่าจะไม่สามารถยกโทษให้ได้เพราะเป็นความผิดในคดีร้ายแรง แต่จำเลยผู้เยาว์ก็จะได้รับการตัดสินโทษ ที่เบากว่าผู้กระทำผิดในข้อหาลักษณะเดียวกัน แต่ผู้ต้องหาเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว

     กลับมาที่ปัญหาเด็กติดเกมส์ เรื่องนี้ผู้ที่มีเกี่ยวข้องอย่างพ่อแม่เด็ก โรงเรียนและครูบาอาจารย์ของเด็ก กลับพากันลอยทำทำตัวลอยอยู่เหนือปัญหา ได้แต่โทษแพะของสังคมอย่างร้านเกมส์เพียงฝ่ายเดียว ทั้งๆที่จริงเรา คนที่มีหน้าที่สั่งสอนอบรมให้เด็กรู้จักผิดชอบดีชั่ว อย่าง พ่อแม่และครูก็มีส่วนผิดอย่างที่ตัวเองไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้

     ถ้าพ่อแม่ใส่ใจและดูแลลูก ลูกจะไปติดเกมส์เหรอ..?
     ถ้าโรงเรียนและครูสั่งสอนให้เด็กรู้ว่าอะไรดีอะไรเป็นสิ่งไม่ควรทำ เด็กจะไปติดเกมส์เหรอ..?
แต่คำถามเหล่านี้ ก็ไม่มีใครพูดถึง แม้จะมีคนที่ห่วงใยและเข้าใจปัญหาพยายามจะสื่อออกมาให้สังคมรับรู้บ้าง มันก็แค่คลื่นกระทบฝั่ง แค่พูดออกมาแล้วก็เลือนหายไปจากความสนใจของสังคม เพราะนี้คือวัฒนธรรมแย่ๆของ Thailand Only ที่ไม่มีใครยอมตกเป็นฝ่ายผิด ดีแต่โทษว่ากล่าวคนอื่น

     มาเข้าประเด็นสำคัญที่ผมต้องการจะสื่อ คือเรื่องการเมือง ซึ่งแน่นอนล่ะว่าห้องนี้คือห้องราชดำเนิน ถ้าไม่คุยเรื่องการเมืองจะเข้ามาทำพระแสงอะไรล่ะ แต่ที่ผมพล่ามยาวเรื่องปัญหาเด็กติดเกมส์ก็เพราะผมเห็นว่า ไม่ว่าปัญหาเด็กติดเกมส์ หรือปัญหาการเมืองในขณะนี้ ล้วนแล้วแต่เหมือนกัน คือมีแต่คนผิด แต่ไม่มีคนรับผิดชอบ

     แต่คนผิดในเรื่องการเมืองในมุมมองของสังคมไทย ก็มีแต่ชี้หน้าคนในฝ่ายตรงข้ามที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนกันแล้วตะโกนว่า “เมิงงงงงงงงงงง...แหละผิด” จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นการทะเลาะเบาะแว้งกัน ทำร้ายทำลายบ้านเมือง ไปจนถึงการประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม และในที่สุดก็กลายเป็นความแตกแยกทางสังคมอย่างทุกวันนี้

     ประชาชนทุกคนในประเทศนี้ตกเป็นผู้เสียหายจากกรณีนี้ทั้งสิ้น
     แต่ที่สุดแล้ว ใครผิดล่ะ..?
     ซึ่งหากตอบด้วยใจเป็นธรรม และเป็นกลาง คงก็จะได้คำตอบว่า ทุกคนในประเทศนี้นั้นแหละที่เป็นคนผิด แม้คนที่อ้างว่าตัวไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเลย ก็อย่าได้มาทำตัวลอยเหนือปัญหามาอ้างเหมือนผู้ปกครองและครูของเด็กติดเกมส์

     ทำไม ผมจึงบอกเช่นนั้น..?
     ผมก็คงต้องบอกว่า ก็เพราะที่ผ่านมา คนในสังคมไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ควรเป็น ขอยกตัวอย่างคนที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มาให้ท่านทั้งหลายพิจารณา เช่น พระภิกษุที่วางตัวเป็นกลางไม่เคยแสดงออกว่าสนับสนุนฝ่ายใด ซึ่งในทางสังคมแล้วน่าที่จะเป็นเรื่องดี แต่ในฐานะที่พระภิกษุก็เป็นส่วนหนึ่งในสังคมนี้ ก็ย่อมปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะถ้าพระภิกษุทุกองค์ได้ใช้ธรรม มาชี้แจ้งทางสว่างในคนที่คิดเห็นต่างกันเห็นทางแก้ไข สังคมเราคงไม่เดินมาสู่ความแตกแยกเช่นนี้หรอก ประเทศไทยมีภิกษุสงฆ์ ทั้งหมดที่สำรวจโดยสำนักงานพระพุทธศสนาแห่งชาติ สามแสนกว่ารูป ถ้าพระสงฆ์สามแสนรูปนี้ใช้ธรรมชี้นำสังคมอย่างที่ควรจะเป็น ปัญหาคงไม่เกิดขึ้น รึถึงเกิดก็คงไม่ลุกลามใหญ่โตมาเป็นความแตกแยกอย่างทุกวันนี้หรอก

      ครูอาจารย์ ที่มีความรู้ความชำนาญในหลักวิชาการ ถ้าได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ชี้ในนักเรียนนักศึกษาเข้าใจ และยอมรับในสิทธิเสรีภาพของตัวเองและผู้อื่น ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามาเป็นอย่างดี ย่อมไม่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหานี้แน่ แต่ครูอาจารย์ได้ทำเช่นนั้นทุกคนหรือไม่ หรือทำได้แต่เพียงประสิทธิประสาทวิชาตามตำราวิชาการเท่านั้น คำตอบนี้ครูทุกคนคงรู้ดีแก่ใจ

     ที่ผมยกตัวอย่างมา 2 อาชีพ จะเห็นได้ว่า ผมยกอาชีพในลักษณะชนชั้นนำ ที่มีส่วนกับการชี้นำแนวความคิดของคนทั่วไปได้ ซึ่งบางคนอาจยังจะแย้งว่า ตัวพี่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ พี่ผิดตรงไหนในเรื่องนี้..? ป้าเป็นชาวไร่ ป้าเกี่ยวยังไงกับเรื่องนี้..? ลุงเป็นชาวประมง ออกเรือทีเป็นปีๆ ลุงจะผิดกับเรื่องนี้ได้ยังไง..?

      ผมก็คงต้องตอบ พี่ๆ ป้าๆ ลุงๆว่า ทุกคนผิดเพราะเกิดมาเป็นประชาชนคนไทยครับ จะอาชีพไหนก็แล้วแต่ จะมีบทบาทในเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่าง ทหาร ตำรวจ หมอ พ่อค้านักธุรกิจในพื้นที่เกิดเหตุ หรือไม่ ทุคนก็เกี่ยวข้องและมีส่วนผิดเหมือนกันหมด ฟังดูแล้วอาจเป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่นี้คือความจริงที่สุด หากประชาชนทุกคนทุกอาชีพ ยอมรับในสิทธิเสรีภาพในประชาธิปไตยของคนอื่น ปัญหาเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น

      ประเทศเรามีกระบวนการที่จะทำหน้าที่ให้ระบบการเมืองไทยเป็นไปอย่างมีประชาธิปไตยเต็มที่แล้ว แต่ทุกคนไม่สนใจ และไม่คิดจะใช้มันเป็นตัวแก้ไขปัญหา

      หากอ้างว่าที่การเมืองไทยเป็นเพราะนักการเมืองทุจริตคอรัปชั่น แล้วทำไมไม่ใช้สิทธิของทุกคนเลือกคนที่ดีคนที่สุจริตเข้าไปทำหน้าที่ล่ะ แน่นอนว่า การตัดสินใจเลือกในครั้งใดครั้งหนึ่งอาจผิดพลาด หลงเชื่อคำหลอกลวงของนักการเมืองเลวๆ แต่ทำไมประชาชนไม่ใช้สิทธิที่ตัวเองมีทำการลงโทษนักการเมืองเหล่านั้น โดยไม่เลือกคนเหล่านั้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไปล่ะ..? หรือทุกคนลืมไปแล้วว่าสิทธิที่ทุกคนมี คืออาวุธอย่างดีในการป้องกันนักการเมืองคอรัปชั่น

      หากอ้างว่าประชาธิปไตยคืออำนาจของประชาชนทุกคน แล้วทำไมตลอดระยะเวลาเกือบร้อยปีประชาธิปไตยไทย ถึงยอมปล่อยให้คนบางกลุ่มใช้อาวุธมาปล้นชิงสิทธิของเราล่ะ..? องค์กรที่มีหน้าที่พิทักษ์กฏหมายอย่างศาล กลับไปยอมรับอำนาจชั่วที่ไม่เคยมีในตัวบทกฏหมายอย่างการรัฐประหารด้วยคำว่า “รัฐาธิปัตย์” ซึ่งคำนี้ไม่เคยปรากฏในกฏหมายบัดซบข้อใดของไทย

       พื้นฐานประชาธิปไตยที่สำคัญที่สุด คือการยอมรับสิทธิและการตัดสินใจของผู้อื่น แล้วทำไมต้องเปลี่ยนแปลงความเห็นชอบของประชาชนด้วยกระบวนการและวิธีที่ไม่เคยบัญญัติไว้ว่า เป็นอำนาจประชาธิปไตย การใช้อำนาจใดมาข่มขืนใจผู้อื่นให้เปลี่ยนแปลงความคิดการตัดสินใจของประชาชน นั้นถือว่าเป็นประชาธิปไตยหรือ..?

      ที่สำคัญที่สุดและเป็นความผิดของประชาชนทุกคนก็คือ ทำไมเรายังปล่อยให้เรื่องเหล่านี้ยังเกิดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทย หรือว่าหน้าที่ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยคือการไปลงคะแนนเลือกตั้งอย่างเดียวหรือ..? พวกเราไม่จำเป็นต้องปกป้องอำนาจที่ควรจะเป็นของพวกเราหรือ..? ผมบอกแบบนี้แล้ว พี่ๆ ป้าๆ ลุงๆ จะว่ายังไง จะยังคิดปฏิเสธอีกไหมว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

      เรื่องที่พูดมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเด็กติดเกมส์หรือปัญหาความแตกแยกของการเมืองไทย มันไม่ใช่ปริศนาเขาวงกดที่ยากจะคลี่ยคลาย แต่ล้วนเป็นเรื่องของการยอมรับปัญหาของคนที่เกี่ยวข้อง ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาที่ง่ายที่สุดซึ่งผมจะพูดเฉพาะปัญหาการเมืองเพียงเรื่องเดียว คือการออกไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค ที่จะถึงนี้

      อย่าได้ยอมรับกับการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตยใดๆทั้งสิ้น ทั้งการกระทำผิดในการเลือกตั้งอย่างการซื้อเสียง การกระทำหน้าที่โดยมิชอบของผู้เกี่ยวข้องเพื่อเปลี่ยนแปลงการเลือกตั้ง สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นการปกป้องประชาธิปไตย

      ที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งคือการปกป้องประชาธิปไตยนั้น มิใช่เลือกปกป้องแต่สิ่งที่เราเห็นชอบ แต่จงปกป้องสิ่งที่เป็นความเห็นของทุกคน แม้ว่ามันจะไปตรงหรือแตกต่างกับที่เราตัดสินใจก็ตาม

      แนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ผมได้นำเสนอแล้วในกะทู้ อะไรเกิดก่อนกัน ความจริงที่ต้องพิสูจน์  หากใครอยากลองเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาในแบบที่ท่านคิด ก็เชิญแสดงออกมาให้ได้เห็นกันบ้างนะครับ ผมยินดีฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาจากทุกฝ่าย

 

--------------------------------------

     วันนี้ สารภาพตามตรงที่เกริ่นมาตอนแรกเรื่องปัญหาเด็กติดเกมส์ ผมต้องการจะสื่อให้ทุกท่านเห็นปัญหา เด็กน้อยบางคนกับการติดเก้าอี้นายก จนเกิดเป็นปัญหาสังคม แต่คิดดูอีกทีแล้ว ไม่เห็นว่ามันจะก่อประโยชน์อันใด สู้เขียนโดยไม่พาดพิงใคร และสื่อไปอย่างที่ใจเป็นธรรมไม่ได้ ผลสุดท้าย เนื้อหาจึงปรากฏมาอย่างในกะทู้นี้ หวังว่าท่านผู้เข้ามาอ่านคงได้สาระประโยชน์ไปบ้างนะครับ

 

 

แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 54 16:28:17

จากคุณ : พระรองตลอดกาล
เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 16:24:19 A:183.89.192.68 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com