Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกียรติที่หายไป ศักดิ์ศรีที่เสื่อมสลาย ติดต่อทีมงาน

     ชนชาติไทยในทุกยุคทุกสมัย ต่างจารึกชื่อบุคคลมากมายไว้ในประวัติศาสตร์ในด้านดีและร้าย แต่บุคคลมากมายเหล่านั้นที่อยู่ในบทบันทึกประวัติศาสตร์ด้านดี เป็นเพราะเกียรติยศศักดิ์ศรีและคุณความดีที่ทำไว้แก่ชาติบ้านเมือง ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีมิได้จำกัดเพศหรือยศฐาบรรดาศักดิ์ ชาวบ้านบางระจัน ซึ่งเป็นเพียงไพร่สามัญชนธรรมดา แต่ประจักษ์ในความกล้าและเกียรติยศศักดิ์ศรีในความรักชาติรักแผ่นดิน ยอมสละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินมาตุภูมิ แม้รู้ว่ากำลังน้อยกว่าแต่ยังยืนหยัดสู้จนถึงวาระสุดท้าย

ศึก บางระจัน จำให้มั่นพี่น้องชาติไทย
เกียรติประวัติสร้างไว้
แด่ ชนชาติไทยรุ่นหลัง
แม้ ชีวิต ยอมอุทิศเพื่อชาติอับปาง
เลือดไทย ต้องมาไหลหลั่ง
ทา ทั่วพื้นแผ่นดินทอง
ไทย คงเป็นไทย มิใช่ชาติเป็นเชลย
ไทย มิเคย ถอยร่นชนชาติศัตรู
บางระจัน แม้สิ้นอาวุธจะสู้
สองดาบฟาดฟันศัตรู สู้จน ชีพตนมลาย
ตัว ตาย ดีกว่าชาติตาย
เพียงเลือดหยาดสุดท้าย ขอให้ไทยคงอยู่
แดน ทอง ของไทยมิใช่ศัตรู
แม้ใครรุกรานต้องสู้ เพื่อกู้ แหลมถิ่นไทยงาม

     เนื้อเพลงนี้ คือเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อสดุดีเกียรติยศ ของชาวบ้านบางระจัน โดยคนรุ่นหลัง เป็นรอยจารึกเรื่องราว ของไพร่สามัญชนที่มีเกียรติสมกัยเป็นคนไทย

     หรือแม้แต่ในสมัยก่อน เพศหญิงเป็นเพศที่ถูกขนบธรรมเนียมในสมัยก่อนขีดกั้นไว้ให้เป็นเพียงผู้ตาม แต่วีรสตรีหลายคนก็ถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ด้วยวีรกรรม ที่กระทำขึ้นโดยความคิดที่คำนึงถึงเกียรติยศศักดิ์ศรี และยิ่งน่ายกย่อง เพราะไม่ได้กระทำเพื่อศักดิ์ศรีของตนเองเพียงอย่างเดียวแต่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของชาติเป็นสำคัญ

     เช่น วีรกรรมของ ย่าโม วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ผู้ปกป้องบ้านเมืองในยามที่สามี พระยาปลัดทองคำปลัดเมืองโคราชและเจ้าเมืองโคราชไปราชการที่เขมร เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ได้คิดการกบฏเข้าตีเมืองโคราช คุณหญิงโมก็เป็นแกนหลักกระทำการด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี รวบรวมชาวบ้านเป็นกองกำลัง เพื่อรบและขับไล่อริศัตรูที่เข้ามารุกราน

เปลก็ไกว่ ดาบก็แกว่ง แข็งหรือไม่
อย่าดูหมิ่น หญิงไทย มิใช่ชั่ว
ทั้งลำบาก ตรากตรำ ไหนทำครัว
มิใช่แต่ จะยั่ว ผัวเมื่อไร

     กลอนบทนี้ที่พระยาอุปกิตศิลปสาร แต่งไว้ คงแสดงให้เห็นถึงเกียรติของหญิงไทย อย่างย่าโม ให้คนรุ่นหลังรู้ถึงศักดิ์ศรีและเกียรติยศของหญิงไทยในสมัยนั้น

     ยังมีบุคคลอีกมากมายตามประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่ได้ถูกจารึกไว้ว่า เป็นผู้ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ประวัติศาสตร์ความเป็นจริงได้บันทึกเรื่องราวและยกย่องกับเกียรติของบุคคลที่สร้างคุณงามความดีไว้มากมาย ไม่เว้นแม้แต่ในงานประพันธ์ต่างๆ ก็มีเขียนเรื่องนี้กันอยู่กว้างขวาง ซึ่งผมขอยกตัวอย่างเรื่องโปรดของผม อย่างเรื่อง “เพชรพระอุมา” ซึ่งถือว่าเป็นนวนิยายร่วมสมัยและอมตะที่สุดเรื่องหนึ่งของไทย พระเอกของเรื่องอย่าง รพินทร์ ไพรวัลย์ ได้ถูกผู้ประพันท์อย่างพนมเทียน เขียนขึ้นให้มีบุคลิคที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี ยอมเอาชีวิตตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องคณะนายจ้าง หากใครได้อ่านมาบ้างก็จะรู้ว่า ตัวละครนี้ยึดถือในเกียรติและศักด์ศรีเพียงใด แต่ที่ผมชอบที่สุดในการเขียนถึงเกียรติและศักดิ์ศรีในเรื่องเพชรพระอุมา คือบทกลอนที่ ม.ร.ว อนุชา วราฤทธิ์ อีกหนึ่งตัวละครสำคัญผู้เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราว สลักไว้บนแผ่นหิน

ณ ที่ใด ดวงใจ ไม่ไหวหวั่น
ขอฝ่าฟัน อุปสรรค และขวากหนาม
ถึงสิ้นชาติ วาสนา ชะตาทราม
จะฝากนาม โลกให้รู้ กูก็ชาย
ณ ที่นี้ ไร้ญาติ และขาดมิตร
ยังก็แต่ บ่าวสนิท พิสมัย
เสมอเพื่อน เสมือนญาติ ไม่คลาดไกล
เป็นเพื่อนตาย เคียงกู คู่ชีวา

     จากบทกลอนจะเห็นได้ว่าตัวละครนี้ มีเกียรติและศักดิ์ศรีเพียงใด

     ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็เพื่อจะให้เห็นว่าทั้งในเรื่องจริงหรือจินตนาการ ชนชาติไทยเป็นชาติที่คำนึงถึงเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นสำคัญ แต่ในปัจจุบัน เกียรติยศและศักดิ์ศรี กลายเป็นเพียงมโนธรรมสำหรับสังคมไทย เพราะไม่มีใครสนใจที่จะปฏิบัติตนเช่นนั้น ต่างสนใจหวังตักตวงประโยชน์ส่วนตนเสียมากกว่า และเป็นแบบนี้ในทุกวงการ

     วงการกีฬา ตัวนักกีฬาก็มีการประท้วงไม่ยอมรับคำตัดสินจากกรรมการ ผู้เป็นกรรมการก็ตัดสินแบบเอนเอียงไม่มีศักดิ์ศรีในหน้าที่ กองเชียร์ก็ไม่ยอมรับผลการแข่งขันหากไม่เป็นไปดังที่ใจอยากให้เป็น

     วงการบันเทิง ก็มีการประพฤติตัวไม่เหมาะสม แย่งแฟนคนโน้น เป็นกิ๊กกับคนนี้ หรือมัวเมาในยาเสพติดก็มีให้เห็นกันอยู่เป็นประจำ ดาราเหล่านี้ลืมสิ้นศักดิ์ศรีการเป็นแบบอย่างให้กับสังคม นี้ยังไม่นับรวมเรื่องที่ปัจจุบันทำกันบ่อยจนประชาชนชาชินเลิกตำหนิไปแล้ว ทั้งนุ่งน้อยห่มน้อย แก้ผ้าถ่ายรูปแล้วอ้างเป็นงานศิลปะ ซึ่งมีทั้งดาราหญิงและชายที่เป็นแบบนี้

     ลองยกตัวอย่างที่หลายๆคนคิดว่าไกลตัวออกมาบ้าง ก็อย่างเช่น วงการพระเครื่อง ก็มีคนไร้ศักดิศรีทำของปลอมออกมาหลอกต้มคนที่สนใจ หรือวงการสื่อสารมวลชน ที่ขาดซึ่งจรรยาบรร นำเสนอข่าวสารเอนเอียงไม่เป็นกลาง ตามหน้าที่วิชาชีพ และในวงการอื่นๆทุกวงการ ล้วนแต่หลงลืมเรื่องเกียรติยศศักดิศรีไปหมดแล้ว ที่กระทำกันอยู่คือตักตวงผลประโยชน์เข้าตัวเองให้มากที่สุด

     และที่น่าเกลียดที่สุดและพัฒนาไปในแนวทางที่เลวร้ายขึ้นกว่าวงการอื่นในความรู้สึกของผม ก็คือวงการการเมืองนี้แหละ และเป็นจุดเพาะเริ่มการไร้ซึ่งเกียรติยศลามไปสู่สังคมทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ที่ว่าเลวร้ายขึ้นก็เพราะจากแต่ก่อน มีแค่นักการเมืองเท่านั้น ที่ถูกมองว่าเป็นพวกไร้เกียรติ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน เพราะผมก็ยังจำได้ว่า นักการเมืองบางคนได้กระทำบางสิ่งให้สังคมจดจำว่าเป็นนักการเมืองที่มีเกียรติมาแล้ว และหลายท่านอาจจะประหลาดใจ ที่ผมจะยกตัวอย่างว่า นายชวน หลีกภัย คือนักการเมืองที่ผมหมายถึง

     หลายๆท่านก็รู้ว่าขั้วข้างที่ผมสนับสนุน อยู่ตรงข้ามกับพรรค ปชป.ของนายชวน แต่ที่ผมยกย่องนายชวนก็เพราะมันเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และทำให้ผมรู้สึกยกย่องพฤติกรรมการกระทำครั้งนั้นของนายชวน ว่าเป็นการกระทำที่มีเกียรติ ซึ่งต้องขอย้อนเล่าเหตุการณ์ไปเมื่อปี 2539 พรรคปชป.ที่มีนายชวนเป็นหัวหน้าพรรคในขณะนั้น แพ้การเลือกตั้ง โดยมีคะแนนเสียงน้อยกว่าพรรคความหวังใหม่ของพลเอก ชวลิตเพียง 2 คะแนน แต่ประกาศยอมแพ้และปล่อยให้พรรคความหวังใหม่ทำหน้าที่รวบรวมเสียงในสภาและจัดตั้งรัฐบาล การกระทำครั้งนั้นของนายชวนได้รับการยกย่องว่ามีสปริต และกลายเป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีที่ติดตัวนายชวนมาถึงทุกวันนี้

     ยังมีนักการเมืองอีกหลายคนที่ได้รับการยกย่องจากผม ว่ามีเกียรติเหมือนนายชวน เช่นท่านนายกสมัคร นายอุทัย ดร.อาทิตย์ ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีบทบาททางการเมืองแล้ว ส่วนการกระทำที่มีเกียรติของท่านเหล่านี้ เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกัน คอการเมืองที่ติดตามมายาวนาน คงพอนึกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ใดบ้าง ส่วนคนที่ยังมีบทบาทอยู่ในตอนนี้ ผมจะไม่พูดถึง เพราะส่วนใหญ่อยู่ในขั้วข้างที่ผมสนับสนุน

     ในยามที่บ้านเมืองเกิดความแตกแยกทางแนวความคิด การเมืองกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อความเสื่อมเกียรติของผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ใครก็ตามที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองจะกลายเป็นผู้ที่ไร้เกียรติไป จะเป็นบุคคลที่ประกอบสัมมาอาชีพที่ได้รับการยกย่องจากสังคมว่ามีเกียรติขนาดไหน ผู้พิพากษา ทหาร ตำรวจ นักวิชาการ สื่อมวลชน เกียรติยศคุณความดีที่สั่งสมมาในอดีตจะเสื่อมสลายโดยการกระทำและพฤติกรรมที่แสดงออกทางการเมือง

     ทหารอ้างกระทำการด้วยเกียรติยศ เพื่อปกป้องสถาบัน แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำของตัวเองนั้นแหละ คือการทำลายสถาบันอย่างแท้จริง

     ผู้พิพากษาอ้างการปกป้องความเป็นธรรมและคุณงามความดี แต่กลับกลายเป็นการที่พึ่งพิงของคนฝ่ายหนึ่งที่หวังใช้กระบวนการยุติธรรม ทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ซึ่งนั้นกลายเป็นความเสื่อมที่มีต่อสถาบันที่ต้องการเชื่อถือในความเที่ยงธรรมอย่างศาล

     นักวิชาการอ้างตัวว่าเป็นผู้รู้ แต่แทนที่จะชี้นำสังคมให้พบกับทางออกของปัญหา กลับกระโดดเข้าสู่วังวนปัญหา จนกลายเป็นว่าตัวเองถอนตัวไม่ขึ้นจากปลักปัญหาการเมือง

     สื่อมวลชน ที่อ้างว่ามีจรรยาบรรในวิชาชีพ กลับเลือกนำเสนอเหตุการณ์ในด้านที่ให้ผลประโยชน์กับตัวเองมากที่สุดเพียงด้านเดียว

     หรือเพราะ “เกียรติยศและศักดิ์ศรีมันไม่อิ่มท้อง” คนไทยในปัจจุบันจึงไม่ได้ให้ความสำคัญเหมือนอย่างในอดีต

     ประชาชนทั่วไป ยกตัวอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างคนที่มาแสดงความคิดเห็นในราชดำเนินแห่งนี้ ก็ล้วนรู้ดีแก่ใจทั้งนั้น ว่าการเมืองการเลือกตั้งมีแพ้มีชนะ แต่อารมณ์ความรู้สึกกองเชียร์ขาดจิตสำนึกบางคน กลับกระทำตัวมีพฤติกรรมใส่ร้ายป้ายสี เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไร้ซึ่งเกียรติยศศักดิศรีของนักการเมืองที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ยังกระทำลงไปเพียงเพื่อหวังจะแสดงทัศนะตัวเอง ให้ผลประโยชน์ไปตกอยู่กับฝ่ายที่ตนเองสนับสนุนและส่งใจเชียร์

     เกียรติยศและศักดิ์ศรีหายไปไหนกันหมดเล่า..?
     หรือเราไม่อายบรรพบุรุษไทยของเรา..? ที่พวกท่านปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศยิ่งกว่าชีวิต
     ถึงเวลาหรือยังที่เราจะกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของเราคืนมา..?

     เริ่มง่ายๆด้วยการหยุดกระทำพฤติกรรมที่น่ารังเกลียด เพื่อเพิ่มเกียรติและความภูมิใจในแต่ละชื่อล็อคอินของพันทิพย์ ประจำราชดำเนิน การนำเสนอข้อเท็จจริง และวิจารณ์หรือตำหนิติเตียนการกระทำของบุคคลใดในแวดวงการเมืองหรืออื่นๆสามารถกระทำได้ แต่ควรอยู่ในขอบเขตบนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ใช่เสกสรรปั้นเรื่องหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อนำมากล่าวร้ายป้ายสีใคร

     ผมขอเชิญทุกท่านในราชดำเนินแห่งนี้ มาร่วมกระทำในสิ่งที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีให้สมกับการที่เกิดมาเป็นลูกหลานไทย อย่าปล่อยให้อารมณ์การเมืองเข้าครอบงำและทำลายเกียรติที่ทุกท่านมีกันเลย ผมไม่ได้มาอวดอ้างว่าตัวมีเกียรติแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมาผมก็มีอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ต่างไปจากทุกท่าน แต่ตอนนี้ผมคิดได้แล้ว และก็กำลังเริ่มกู้และสั่งสมเกียรติภูมิของผมขึ้นมาใหม่ สารภาพตามตรง วันนึงผมอยากถูกราชดำเนินแห่งนี้จดจำว่า ครั้งหนึ่งเคยมีล็อคอินคุณภาพที่ชื่อว่า "พระรองตลอดกาล"

 


 

จากคุณ : พระรองตลอดกาล
เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 12:17:25 A:183.89.192.68 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com