“ประเทศที่ศิวิไลซ์จะไม่เอาปืนยิงใส่ประชาชน”
สืบเนื่องจากที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินทางไปร่วมอภิปรายในงาน World Economic Forum ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2554 ทางสถานีโทรทัศน์ BBC World Service ได้นำบันทึกเทปดังกล่าวมาฉายในรายการ BBC World Debate ตอน Asia: Sharing the Wealth เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2554
การอภิปรายดังกล่าว มีตัวแทนจากสี่ประเทศในเอเชีย คือ มารี เอลกา ปังเกสตู รัฐมนตรีกระทรวงการคลังประเทศอินโดนีเซีย, ปราชันท์ รัวร์ ซีอีโอเอสซาร์กรุ๊ป ประเทศอินเดีย, วอลเดน เบลโล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประเทศฟิลิปปินส์ และนักวิเคราะห์อาวุโส Focus on the Global South และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประเทศไทย
ผู้สื่อข่าว ได้ถามถึงความสัมพันธ์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเป็นประชาธิปไตย และธรรมาภิบาล วอลเดน เบลโล ได้ชี้ว่า ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงประสบปัญหาด้านประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งประชาธิปไตยถดถอยมากหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ต่อมา อภิสิทธิ์ ใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจง โดยยอมรับว่าการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นเรื่องทำให้ประเทศไทยถอยหลังจริง แต่หลังจากนั้นมา รัฐบาลก็จัดให้มีการเลือกตั้ง ซึ่งวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ จะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่สองหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการนำเป็นประเทศก้าวไปข้างหน้า
เขาเน้นว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ “ได้นำหลักนิติรัฐกลับมาสู่ประเทศ” ต่อประเด็นดังกล่าว ผู้สื่อข่าวบีบีซีตั้งคำถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้รับประโยชน์จากการรัฐประหารเมื่อปี 2549 ใช่หรือไม่ อภิสิทธิ์ชี้แจงว่า พรรคตนไม่ได้ประโยชน์จากการรัฐประหารแต่อย่างใด และชี้แจงว่า บัดนี้ประเทศไทยได้กลับสู่สภาวะปกติแล้ว
“ในช่วงที่ผมเข้ามาบริหารประเทศ
มีรัฐบาลสองรัฐบาลที่บริหารอยู่ก่อนหน้าแล้ว เราประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลประชาธิปัตย์ก็สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจดังกล่าวได้ ซึ่งในขณะนี้ นับว่าประเทศได้กลับสู่สภาวะปกติ เราจัดให้มีการเลือกตั้ง เป็นการคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ให้ประชาชนได้ตัดสินใจ และทหารก็ไม่เข้ามาแทรกแซงการเมืองอีก” นายกฯ ไทย ชี้แจง
อย่างไรก็ตาม วอลเดน เบนโลจากฟิลิปปินส์ ยังกล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ตนได้อยู่ที่กรุงเทพฯ และได้รับรู้ถึงการใช้ความรุนแรงของรัฐในการสลายการชุมนุม ซึ่งตนมองว่า เป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุ และไม่สามารถยอมรับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลไทยที่กระทำต่อประชาชนตนได้
“ผมช็อคมากกับการสังหารหมู่ประชาชนที่เกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าประเทศที่มีอารยะ ควรนำอาวุธปืนมายิงใส่ประชาชน ผมตกใจมากจริงๆ กับการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลประชาธิปัตย์” วอลเดน กล่าว
อภิสิทธิ์ชี้แจงว่า หากวอลเดน เบลโล ได้อยู่เมืองไทยก่อนหน้านั้น จะรู้ว่า ความรุนแรงดังกล่าวเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้
[b]แต่การสลายการชุมนุม เป็นเรื่องจำเป็น[/b] เ
พราะพบว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ภายในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง ทั้งนี้ ทางรัฐบาลได้ใช้ความอดทนอดกลั้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่ยอมรับกันทั่วไป และ
เป็นการนำหลักนิติรัฐกลับคืนมาสู่ประเทศ ######################################
อ้างอิง:
“ผมช็อคมากกับการสังหารหมู่ประชาชนที่เกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าประเทศที่มีอารยะ ควรนำอาวุธปืนมายิงใส่ประชาชน ผมตกใจมากจริงๆ" ขอปรบมือให้คุณ วอลเดน เบลโล.. คุณเข้าใจความ[^_^]ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ดีกว่าคนไทยอีกหลาย ๆ คน ...
ถ้าคุณมาอยู่ประเทศไทย คุณจะต้องตกใจในสิ่งที่รัฐบาล[^_^]นี้ ทำกับประชาชนในชาติ มากกว่าเรื่องการสังหารหมู่อีกหลายเรื่อง
ส่วนไอ้มาร์ค.. หน้าMug ทำด้วยอะไร หนากว่าคอนกรีตเสริมเหล็กเสียอีก ขนาดโดนเขาฉะกลาง ที่ประชุมนานาชาติขนาดนั้น ยางอายหามีไม่ กลับ:-)ต่ออย่างไม่สะทก สะท้าน ทำขายขี้หน้า
คนไทยทั้งใน และนอกประเทศจริง ๆ เชิญฟัง มาร์ค มันแหลข้ามประเทศต่อได้ที่ http://www.bbc.co.uk/iplayer/episode/p00...he_Wealth/