"อภิสิทธิ์"ชี้ตัวแปรตั้งรัฐบาลดูแค่3พรรคใหญ่ ย้ำเลือกประชาธิปัตย์เพื่อปฏิเสธความรุนแรง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า การปราศรัยที่ราชประสงค์ไม่ใช่ไพ่ใบสุดท้าย เนื่องจากประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ ในวันเลือกตั้งซึ่งมีความสำคัญมากต่อบ้านเมืองและอนาคต จึงคิดว่าประชาชนมีสิทธิ์ทราบทางเลือกที่พวกเขามี นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้แยกราชประสงค์เป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียหาย บรรยากาศแฝงไปด้วยความหวาดกลัว เสื้อบางสีทำอะไรก็ได้ แล้วคนส่วนใหญ่ต้องยอมเขาหรือ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์อาสาพาประเทศไปข้างหน้า จึงแสดงให้ว่าราชประสงค์เป็นเหมือนทุกที่ทั่วไทย เป็นพื้นที่ของคนไทยทุกคน ซึ่งผลหลังจากนั้นตนเห็นว่าพี่น้องโล่งใจมากขึ้น อย่างที่ตนพูดไว้ว่าหน้าที่ของตนคือนายกฯของคนทุกคนและเสื้อทุกสี
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธว่าไม่ได้มุ่งโจมตีพรรคตรงข้าม จนไม่ได้พูดนโยบายของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาได้เดินสายพูดถึงนโยบายของพรรคมาตลอด ทั้งการประกันรายได้ การศึกษาฟรี และเบี้ยยังชีพ แต่ตอนแรกตนถูกโจมตีเรื่องการเมือง ตนจึงขอชี้แจงซึ่งผูกพันกับกรณีนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และเงิน 46,000 ล้านบาทที่จะเอาจากประชาชนไปให้พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเอง ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ผมจะกลับบ้าน เมื่อแผนปรองดองของพรรคเพื่อไทยเสร็จสิ้น แสดงว่าเป้าหมายสุดท้ายก็วนมาที่อดีตนายกฯ อยู่ดี
"ตั้งแต่ผมชี้ให้เห็นว่ามีนิรโทษกรรม ก็มีปฏิกริยาค่อนข้างแรง ไม่งั้นพรรคเพื่อไทยคงไม่ออกมาปฏิเสธ จะไปลากคนกลาง เป็นจุดชวนความขัดแจ้ง แต่หากเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนสบายใจได้ จะไม่มีการคืน 46,000 ล้านบาทแน่นอน ผมจะไปดูนโยบายเศรษฐกิจ ไม่มีนิรโทษกรรม"
"วิสัยทัศน์จะกี่ปีก็ตาม ถ้าไม่คิดดับไฟ ถ้าไม่หยุดชนวนความขัดแย้ง ถ้าไม่คิดหยุดยั้งคนที่มีหัวรุนแรงเข้าไปมีอำนาจในอยู่ในสภาอยู่ในรัฐบาล วิสัยทัศน์ก็เดินยาก การเมืองกระทบเศรษฐกิจ ขณะนี้ปัญหาที่ประชาชนพบกับปัญหาปากท้องของแพง หากการเมืองกระทบกับเศรษฐกิจ มันเกี่ยวพันกันหมด อยากให้ประชาชนเห็นชัดว่า 3 ก.ค. ยังไม่ใช่เรื่องที่เราจะแข่งกันขายฝัน แต่เป็นเรื่องชีวิตจริงของประชาชน ที่กำลังเดือดร้อนว่าพรรคการเมืองไหนจริงใจพร้อมแก้ปัญหา"
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตัวเลขการจัดตั้งรัฐบาลดูแค่สามพรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ซึ่งที่ผ่านมาเพื่อไทยปฏิเสธภูมิใจไทย และสันนิษฐานว่าเพื่อไทยไม่ชวนประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้กำหนด
"ยังไม่เชื่ออำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล จะสูงกว่ารัฐบาลเมื่อปี 2551 ถ้าประชาชนกลัวประชาธิปัตย์ทำอะไรไม่เต็มที่ ก็ขอให้เลือกประชาธิปัตย์เข้าไปมากๆ นั่นคืออำนาจต่อรองที่จะมี ผมก็มั่นใจการจัดตั้งรัฐบาลที่อาจเกิดขึ้น กระทรวงสำคัญเช่น กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ ประชาธิปัตย์จะดูแลกระทรวงเหล่านี้ด้วยตัวเอง"
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าการหาเสียงที่ผ่านมาไม่เหนื่อย เพราะชินแล้ว วันก่อนที่โดนหยิบแก้มนั้นเจ็บจริง แต่เชื่อว่าคนทำมีเจตนาดี เขาคงตื่นเต้นมาก ที่ผ่านก็ถูกจับไม้จับมือ ให้ดอกไม้ นอกจากนี้ยืนยันว่า การหาเสียงเมื่อวาน(29 มิ.ย.) ตนไม่ได้จะเป็นลม แม้อากาศร้อนมากและคนแน่นมาก แต่หน้าเวที มีผู้หญิงตะโกนบอกว่า คุณแม่เป็นลมพักอยู่ห้องตำรวจ ตนจึงตะโกนให้ลูกพรรคช่วยไปเยี่ยมคนเป็นลม ตนไปไม่ได้ คาดว่าคงเข้าใจผิดกัน
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนาให้สัมภาษณ์ไม่ชอบกับการทำงานกับคนไม่รักษาคำพูด ว่า ถูกต้องแล้ว ตนก็ไม่ชอบเช่นเดียวกัน แต่นายบรรหารไม่ได้บอกว่าหมายถึงใคร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ต้องเริ่มต้นกันให้ชัดว่าบ้านเมืองมีกติกา ถ้าการเลือกตั้งสุจริตและเที่ยงธรรม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีเหตุผลคนกลุ่มใดออกมา
"ทำไมสมัยก่อนพรรคประชาธิปัตย์เป็นที่ 1 ยังไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ก็ยังไม่เห็นมีใครออกมา ถ้าจะใช้การระดมกันแบบนี้ บ้านเมืองนี้บางคนพอไม่ได้บางสิ่ง จะมีสิทธิ์ออกมาทำตรงนี้หรือ ผมจึงชวนคนไทยปฏิเสธวิธีการแบบนี้ ขณะนี้ต้องยอมรับแกนนำแดงอยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งวิธีปฏิเสธที่ดีสุดคือเลือกพรรคประชาธิ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1309434089&grpid=01&catid=&subcatid=
2 ปีที่ผ่านมาปชป.ทำอะไรที่เรียกว่าระงับความรุนแรงบ้าง ทำอะไรเพื่อความปรอง
ดองบ้าง ทำมา 2 ปี ยังไม่มีอะไรคืบหน้า นี่จะมาขอต่ออายุการทำงาน หวังได้
แค่ไหน ออกมาหาเสียงก็โจมตีเพื่อไทยทุกวัน แม้แต่วันนี้ ก็บอกว่าแกนนำแดง
อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ เอ่ยขึ้นมาแบบลอย ๆ จะชี้นำอะไร พูดออกมาเลย หาเสียงแบบนี้
จะระงับความรุนแรงได้หรือ เพราะนี่คือการชุดชนวนความรุนแรงมากกว่า