อดีตอธิการมธ.-นักประวัติศาสตร์อาวุโส "ชาญวิทย์"ติงอภิสิทธิ์-สุวิทย์นำประเทศไทยออกจากมรดกโลก ระบุเป็นการเมืองยิ่งกว่าการเมืองก่อนเลือกตั้ง โดยไม่สนใจต่อความเสียหายของประเทศ-ประชาชน เหมือนบอลแพ้ แต่คนเล่นคนดูบางกลุ่มไม่ยอมแล้วยังขี้แพ้ชวนตี และถือเป็นความตกต่ำด้านการต่างประเทศอย่างสาหัสสากรรจ์ที่สุด ตั้งคำถามแค่อภิสิทธิ์-สุวิทย์ตัดสินใจแทนคน 60 กว่าล้านเจ้าของประเทศได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการอาวุโสด้านประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซ บุ๊ก ถึงกรณีไทยถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลกว่า ถ้อยแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรมต.สุวิทย์ คุณกิตติ เรื่องการถอนตัวออกจากกรรมการมรดกโลก (อย่างสับสน กำกวม) และถูกตอบโต้โดย ผอ.อิรินา โบโกวา ของ ยูเนสโก ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 3 ก.ค. นั้น สรุปได้ว่า นี่เป็น "การเมืองยิ่งกว่าการเมือง" โดยไม่สนใจ ต่อความเสียหายของ "ประเทศชาติ-ประชาชน"
หนึ่ง) นี่เป็นความตกต่ำของ "วิเทโศบายการต่างประเทศการทูต" ของเราอย่างสาหัสสา กรรจ์
สอง) การเมืองก่อนวันเลือกตั้งเรื่องนี้ สอน(ซ้ำๆ) ให้รู้ว่า "บอลแพ้ คนเล่นและคนดู (บางคน บางสถาบัน และบางพรรค) ไม่ยอมแพ้"
สาม) การเมืองก่อนวันเลือกตั้งเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า "คนเล่น บางพรรค บางสถาบัน คือ ขี้แพ้ ชวนตี" (ไม่มีสปิริตนักกีฬาที่ดี)
สี่) การเมืองภายใน และ "วาทกรรม" เรื่องนี้ สอนให้รู้ "ซ้ำๆ" ว่า "วาทะ" ของ "ชาวกรุง" (จอมพลสฤษดิ์) ที่ว่า "วันหนึ่งจะเอาปรา สาทเขาพระวิหารกลับมาเป็นของชาติไทยให้จงได้"
และ (เสนีย์ ปราโมช) "เราไม่ยอมรับแผนที่ เราถือสันปันน้ำ" นั้น
จบลงด้วยเป็น "กรรม" ของ "ชาวบ้าน" ชายแดน ที่บาดเจ็บ ล้มตาย พลัดที่นา คาที่อยู่ ทำมาหากินไม่ได้
ห้า) การเมืองก่อนวันเลือกตั้งเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า วิเทโศบายดังกล่าว อาจบานปลาย ทำให้เกิดสงครามชายแดน (ขึ้นอีก) และ (อาจ) ล้มการเลือกตั้ง หรือไม่ก็สร้างกระบวนการ (ที่ในบั้นปลาย) ทำลายระบอบประชาธิปไตย-การเลือกตั้ง ทั้งหมด
หก) การเมืองก่อนการเลือกตั้งเรื่องนี้ ทำให้เราตั้งคำถามว่า รัฐบาลที่มา (ด้วยวิธีการที่ไม่ชอบมาพากล) จากพรรคผสมไม่กี่พรรคกับผู้นำระดับนายกฯ อภิสิทธ์ และรมต.สุวิทย์ เพียงไม่กี่คน มีความชอบธรรมแค่ไหนที่จะถอน "สยามประเทศไทย" ของเรา ออกจากองค์กรระดับโลก เช่น ยูเนสโก ของนานาอารยชาติ และโลกศิวิไลซ์
เจ็ด) การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ระดับสำคัญสุดเช่นนี้ จะต้องถาม เจ้าของประเทศ คือ ประชาชนที่มีอยู่กว่า 60 ล้านคน จะต้องผ่าน "รัฐสภา" หรือท้ายที่สุดจะต้องมี "ประชามติ" หรือไม่
การถอนตัวจาก "มรดกโลก" โดยไม่ถาม "คนไทย" เจ้าของประเทศ โดยไม่ผ่านรัฐสภา โดยไม่มีประชามติ ถ้อยแถลงของนายกฯ อภิสิทธิ์ และรมต.สุวิทย์ เรื่องการ "ถอนตัว" ออกจาก "มรดกโลก" อย่างสับสน และกำ กวมนั้น
ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า หนึ่ง) นี่เป็นการลาออกจากกรรมการมรดกโลก ใช่ไหม
ถ้าใช่ ก็แปลว่าในคณะกรรมการมรดกโลก ที่มีสมาชิกอยู่ 21 ประเทศ โดยไทยเรามีอธิบดี(หญิง)กรมศิลปากร เป็นตัวแทนนั้น ก็จะหมดสภาพไป
ไทยเราต้องเลิกคบหาสมาคมกับนานาอารยะอีก 20 ประเทศ ใช่ไหม
สอง) แต่ถ้า นี่ไปไกลกว่านั้น คือ เป็นการลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกของ "อนุสัญญามรดกโลก" ซึ่งมีภาคีสมาชิกนานาอารยะอยู่ 187 ประเทศ ไทยเราก็จะกลายเป็น "ประเทศหนึ่งเดียว" ที่เป็น "แกะดำ" ของโลก ใช่หรือไม่
สาม) ไม่ว่า "สยามประเทศไทย" จะลาออกจากกลุ่ม 21 หรือกลุ่ม 187 ก็ไม่สามารถทำให้ประชามหาชนเข้าใจได้ว่านี่เป็นการดำเนินวิเทโศบาย อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และต่อประชาชน และนี่ไม่ใช่ความตกต่ำสุดของนโยบายต่างประเทศ หรือการทูตของไทย
สี่) คำถามต่อมาคือ แล้วไทยเราจะทำอย่างไรกับมรดกโลก 5 แห่งที่เราได้รับการประทับตราของยูเนสโก คือ บ้านเชียง, สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร, อยุธยา, ทุ่งใหญ่นเรศวร และดงพญาเย็นเขาใหญ่ เราจะต้องส่งคืน "ทะเบียน" และเลิกใช้ "ตราโลโก้" ของยูเนสโก ใช่หรือไม่
ห้า) คำถามสุดท้าย ก็คือ ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่สำคัญยิ่งยวดเช่นนี้ ทั้งนายกฯ อภิสิทธ์ หรือรมต.สุวิทย์ จากเพียง 2 พรรคการเมือง มีความชอบธรรมแค่ไหน ที่จะดำเนินการผลีผลามทำไปโดยไม่ได้ถามเจ้าของประเทศ คือ ประชาชนที่มีอยู่กว่า 60 ล้านคน โดยที่ไม่ได้ผ่าน "รัฐสภา" หรือท้ายที่สุดโดยที่จะไม่ทำ "ประชามติ"
ขอบคุณ: นสพ.ข่าวสด
///////////////////////////////////////////////////////
ทุกอย่างที่ผ่านมาได้เห็นธาตุแท้ของ พรรคนี้แล้ว.. อยู่ที่ใครจะกล้าออกมาตีแผ่ท่านั้น..