ถ้าดูเผินๆ ดูเหมือนประชาธิปัตย์จะชนะขาดใน กทม.โดยได้ 23 คน เพื่อไทย ได้ 10 คน ซึ่งต่างจาก Exit Poll ค่อนข้างมาก และทำให้ประชาธิปัตย์ยังคงรักษาหน้าไว้ได้ และทำให้พูดได้ว่าคนมีการศึกษาในเมืองหลวงยังไม่ได้ให้ฉันทานุมัติกับพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตาม หากไปดูจำนวนคนที่เลือกบัญชีรายชื่อ ใน กทม. จะพบว่าจากจำนวนผู้ที่มาออกเสียงในเขต กทม. เลือกประชาธิปัตย์ 41% เลือกเพื่อไทย 39% ซึ่งจะเห็นว่าไม่ทิ้งกันมากนัก ที่เหลือเป็นบัตรเสีย เป็นการเลือกพรรคอื่น และเป็น Vote No ขณะที่จำนวนบัตรเสัยมีผลมากกว่าผลต่าง 2% ที่ว่านี้มากนัก
ดังนั้น ถือว่าคน กทม.ไม่ได้ให้เลือกประชาธิปัตย์ชนะขาดพรรคเพื่อไทยเลย จริงๆ ต้องเรียกว่าสูสีกันมาก
ซึ่งหากนำเอาบัตรเสียที่เกิดจากการเลือกพรรคเพื่อไทย แต่ลงผิดช่อง มารวมด้วย ก็มีโอกาสที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนแบบบัญชีรายชื่อมากกว่าได้เล็กน้อย และอาจจะทำให้การเลือกเขต พลิกกลับเป็น พรรคเพื่อไทยได้ 23 เขต และประชาธิปัตย์ได้ 10 เขต แทน ซึ่งใกล้เคียงกับ Exit Poll มากขึ้น
ผมคิดว่า ประชาธิปัตย์ ซึ่งชอบใช้ข้อมูลการเลือกบัญชีรายชื่อมาใช้ในภาพรวมของประเทศมาบอกว่า เพื่อไทยไมได้ชนะขาด หรือไม่ได้เกินครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศนั้น น่าจะพูดไม่ได้เต็มปากเลยว่า ชนะขาดในเขต กทม.ครับ เพราะข้อเท็จจริง คือ สูสีกันมาก (ชนะเพียงเล็กน้อยมากในร่วมสิบเขต) และหากไม่มีผลของบัตรเสียมากขนาดนี้ (หรือรวมถึงการลักไก่ขานคะแนนมั่วตามบางกระทู้ที่นำข้อมูลมาเปิดเผย) ก็อาจจะแพ้ก็ได้ครับ
และหากนำเอาโอกาสที่คนเลือกเพื่อไทยแต่ทำบัตรเสีย และคนที่อยากลงเลือกตั้งล่วงหน้าแต่ลงไม่ได้เพราะลงไม่ทัน และกลับไปต่างจังหวัดไม่ทัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนอีสาน และเป็นฐานคะแนนของพรรคเพื่อไทย ก็อาจทำให้เพื่อไทย ได้จำนวนบัญชีรายชื่อเกิน 61 คน กลายเป็นไม่น้อยกว่า 63 คน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ 125 คน ก็ถือว่าได้รับการโหวดเกินครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ ถือว่าได้รับฉันทานุมัติเกินกึ่งหนึ่ง
ยิ่งหากเอาคะแนนดิบของการเลือกบัญชีรายชื่อมาใช้ ก็จะยิ่งทำให้เห็นภาพชัดว่ามีโอกาสเกินกิึ่งหนึ่งได้มากกกว่าการดูเป็นจำนวนคน
ถือเป็นการตั้งข้อสังเกตเท่านั้นครับ