ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาคงจะพอทราบกันแล้วว่า พรรคเพื่อไทยได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่งได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือที่เรียกกันติดปากว่า ส.ส เกินครึ่งหนึ่งของสภา ได้มาทั้งหมดก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะประกาศรับรอง 262 คน นั้นแปลว่า พรรคเพื่อไทยสามารถดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลในการบริหารประเทศ โดยจะมีพรรคร่วมหรือไม่ก็ตาม แต่จากข่าวก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าคงมีพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอน แต่จะมีมากน้อยเท่าไร หรือพรรคไหนบ้างผมคงไม่บังอาจไปคาดเดาได้
แต่กะทู้นี้ของผมจะไม่ทำเหมือนอย่างเพื่อนๆสมาชิกหลายคนทำกัน คือแสดงความยินดีในชัยชนะของพรรคเพื่อไทย แม้ว่าสิทธิและเสียงที่ผมใช้ไปในการเลือกตั้งครั้งนี้จะเลือกพรรคเพื่อไทยก็ตาม เพราะชัยชนะครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถตอบปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานในประเทศไทยเรื่องความแตกแยกทางความคิดได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างคาดหวังไว้สูงว่าในวันข้างหน้า ประเทศไทยจะกลับมาเป็นประเทศที่มีความปรองดองสมานฉันท์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดสวยหรูของนักการเมืองเท่านั้น
การแสดงความยินดีในชัยชนะของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นเพียงมารยาททางสังคม ที่เกินความจำเป็นสำหรับคนที่ไร้มารยาทเช่นผม
แต่สิ่งที่จะส่งไปในกะทู้นี้คือส่งความห่วงใยและเอาใจช่วยให้พรรคเพื่อไทยและคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สามารถแก้ไขปัญหาที่บ่อนทำลายพื้นฐานสังคม อย่างเรื่องความแตกแยกทางความคิดได้ ผมได้เห็นแนวโน้มที่ดีและความจะเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหา จากการฟังคำสัมภาษณ์ของท่านอดีตนายก ทักษิณ ที่ผมรักและเชื่อถือในความสามารถ ที่มีนำเสนอผ่านสื่อต่างๆในช่วงการนับคะแนนผลเลือกตั้ง ซึ่งมีทิศทางและส่งสัญญานที่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
และผมขอแยกสัญญานที่ดีนี้ออกมาเป็นประเด็น 3 เรื่อง
ประเด็นที่ 1.เรื่องม็อบ
ต้องยอมรับว่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และส่งผลกับความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศอย่างมาก คือกลยุทธขนมวลชนออกมาเผชิญหน้ากัน ซึ่งคนอย่างผมก็ต้องบอกว่า ทำกันทั้งสองขั้ว ไม่ว่าจะฝ่ายคุณทักษิณที่ผมนิยมชมชอบ หรืออำนาจเก่าที่สนับสนุนพรรคปชป.
แต่การที่ท่านทักษิณออกมาบอกว่า การแก้ไขปัญหาความวุ่นวายที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยสมควรให้คณะกรรมการของอาจารย์ คณิต ณ นคร เป็นผู้ดำเนินค้นหาความจริงและนำเสนอทางแก้ไขต่อไป อย่างที่ทราบกันดีว่าคณะกรรมการชุดนี้ แต่งตั้งโดยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ซึ่งที่เป็นขั้วข้างที่แตกต่างจากฝ่ายเพื่อไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่าหากพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ต่อ แล้วมีแนวทางการแก้ไขออกมาอย่างไร ย่อมได้รับการยอมรับจากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นขั้วข้างแตกต่างทางความคิด รวมถึงฝ่ายอื่นๆที่อยู่เบื้องหลังการบริหารงานของรัฐบาลปชป. ทั้งตุลาการ ทหาร และบรรดาผู้มีบารมียิ่งใหญ่คับประเทศนี้
เพราะเป็นขั้วข้างที่ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาเอง ถึงจะไม่ยอมรับอย่างจริงใจหากแนวทางการแก้ไขของคณะอ.คณิต ออกมาในแนวทางที่ฝ่ายคุณทักษิณได้ประโยชน์ เพราะเข้าลักษณะ น้ำท่วมปาก ตั้งมาเองกับมือจะมาทำงอแงไม่ยอมรับก็อย่างไรอยู่ ซึ่งนั้นผมถือว่าเป็นสัญญานที่ดี เพราะหากพรรคเพื่อไทยทำจริงอย่างที่คุณทักษิณกล่าว นั้นแปลว่า ทางออกที่คณะอ.คณิต เสนอออกมาจะได้รับการยอมรับจากตัวแกนนำของความแตกแยกทั้งสองข้าง
"เมื่อหัวส่ายหางก็ย่อมกระดิก" ตัวแกนหลักของปัญหาอยู่ในสภาพที่จำต้องยอมรับ แนวทางการแก้ไขของคณะกรรมการชุดนี้ ปัญหาเรื่องการขนมวลชนมาเผชิญหน้ากันย่อมหายไปจากสารระบบการเมืองไทย แต่อาจจะไม่สูญพันธ์จนหมดสิ้น อาจจะพอหลงเหลือกลุ่มคลั่งการเมืองผู้อาศัยข้างถนนเป็นแหล่งพำนักอาศัย ซึ่งระบุเจาะจงไปได้เลยว่าคือกลุ่มพัทธมิตร แต่คงไม่มีผลมากนัก เพราะคนกลุ่มนี้ที่แท้จริง มีเพียงจำนวนน้อย ยกเว้นแต่จะถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกใช้เป็นหน้าฉากในกรณีที่แนวทางการแก้ไขปัญหาไม่เป็นที่ยอมรับ
แต่อย่างที่ผมบอกการออกมาคัดค้านการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ในยามที่แกนนำของทั้งสองขั้วความแตกแยกยอมรับ การเคลื่อนไหวในลักษณะขนมวลชนออกมา ย่อมไม่เป็นที่ค้านความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ และไม่มีพลังเพียงพอที่จะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงและสร้างปัญหาความแตกแยกต่อไป ดังนั้นการใช้หน้าฉากเดิมอย่างการขนมวลชนพัทธมิตรมาจัดการกับรัฐบาลใหม่ของเพื่อไทย จึงไม่เป็นวิธีการที่ฉลาดสำหรับแกนนำที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเพื่อไทย
แต่ความห่วงใยที่ผมมีต่อคุณยิ่งลักษณ์ในเรื่องนี้คือ ในยามที่ยังมีกระบวนการโง่ๆ ขนคนมาต่อต้านการทำงานของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ได้โปรดอย่าใช้วิธีที่โง่พอกัน โดยการขนคนของตัวเองมาเผชิญหน้าโดยเด็ดขาด โปรดให้กระแสสังคมเป็นตัวช่วยในการแก้ไขปัญหา เชื่อว่ากลุ่มมวลชนจัดตั้งคงทานทนกระแสไม่ได้นาน และได้โปรดอย่าได้ใช้วิธีที่โง่กว่า อย่างการล้อมปราบ การกระชับพื้นที่ใดๆทั้งสิ้น
ประเด็นที่ 2 เรื่องความยุติธรรมที่เท่าเทียม (สองมาตราฐาน)
ในเมื่อเสียงของประชาชนออกมาในทิศทางที่แสดงให้เห็นแน่ชัดแล้วว่า ไม่ชมชอบการถูกปกครองจากคนกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น และดีแต่ใช้อาวุธเข้าปล้นชิงสิทธิของประชาชน ตลอดจนเข้ามาจุ้นจ้านวุ่นวายออกกติกากีดกันเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับพวกพ้องตัวเอง รวมถึงการใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือเพื่อทำลายคนอื่นซักฟอกตัวเอง และคนประเภทที่หาโอกาสสร้างผลประโยชน์จากทางการเมือง อย่างพวกสื่อหรือนักวิชาการ ที่กระทำการวางท่าว่าเป็นกลางแต่เอนเอียงจนน่าเกลียด การกระทำเก่าๆที่ผ่านมา ย่อมไม่เป็นที่ปารถนาของคนไทยให้เกิดขึ้นอีก คนกลุ่มเก่าที่เคยกระทำการแบบที่ผมบอก ย่อมรู้ตัวเองดีว่า หากกระทำการเช่นเดิมอีก คงได้รับกระแสต่อต้านจากสังคมแน่ และทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้ คือทำงานด้วยความเป็นธรรม และภาวนาให้ผู้ครองอำนาจไม่ตามเอาเรื่องแก้แค้นในเรื่องที่ตัวเองเคยกระทำ
ดังนั้นความห่วงใยผมที่มีต่อคุณยิ่งลักษณ์ในเรื่องนี้คือ มีอยู่2ข้อ คือหนึ่งได้โปรดอย่าเอาความเจ็บแค้นแต่หนหลังของฝ่ายตนจากการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าว มาคิดบัญชีชำระแค้น อย่างที่คุณยิ่งลักษณ์บอกกับคนไทยไว้ ว่ามาเพื่อแก้ไข ไม่ได้มาเพื่อแก้แค้น
และสอง อย่าได้เข้ามาบงการให้คนพวกนี้มาทำงานเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตัว ทั้งคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ต่างๆอย่างเป็นกลางมีผลให้คุณให้โทษต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด คือพูดง่ายๆ ในเมื่อฝ่ายคุณยิ่งลักษณ์ไม่ชอบเรื่องสองมาตราฐาน ก็ได้โปรดดำเนินการให้เป็นมาตราฐานเดียวกัน อย่าให้เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายคุณยิ่งลักษณ์เพียงฝ่ายเดียว
และประเด็นที่ 3 ประเด็นสุดท้าย คือเรื่องตัวท่านทักษิณ
ในตลอดช่วงระยะเวลาความขัดแย้งแตกแยกทางความคิดที่ผ่านมา ตัวท่านทักษิณถูกยกมาเป็นประเด็นโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา กล่าวหาตลอดจนตัดสินในกระบวนการยุติธรรม(รึเปล่า) ตัดสินให้เป็นคนผิด จนกลายเป็นว่า ท่านทักษิณคือต้นตอปัญหาของความแตกแยกที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทั้งๆที่จริงแล้วตามความคิดของผม ความแตกแยกที่เกิดขึ้น มาจากการไม่ยอมรับการสูญเสียอำนาจที่เคยมีของคนบางกลุ่ม ที่คิดว่าท่านทักษิณเข้ามาแย่งอำนาจที่ควรเป็นของตัวเอง ทั้งๆที่จริงแล้ว เจ้าของอำนาจที่แท้จริงคือประชาชน ที่ประชาชนส่วนใหญ่มอบความไว้วางใจให้ท่านทักษิณไปทำหน้าที่แทน
แต่นั้นเป็นเพียงความคิดส่วนตัวผม และมันจะเกิดขึ้นเพราะอะไร มันไม่สำคัญแล้วในเวลานี้ เพราะสิ่งที่ผมอยากส่งความห่วงใยให้คุณยิ่งลักษณ์ผู้รับมอบความไว้วางใจจากประชาชนส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็คือ อย่าได้กระทำการใดๆเพื่อเป็นการซักฟอกข้อกล่าวหาต่างๆของท่านทักษิณ ด้วยตัวเอง เพราะนั่นจะทำให้ความห่วงใยที่ผมมีต่อคุณยิ่งลักษณ์ในประเด็นที่หนึ่งและสองกลับมาสร้างปัญหาความแตกแยกในสังคมไทยอีกแน่นอน
หรือพูดให้ถึงต้องคือ รัฐบาลโดยการนำของคุณยิ่งลักษณ์ อย่าได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องท่านทักษิณเอง ปล่อยให้คณะกรรมการที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายอย่าง อ.คณิต เป็นผู้ดำเนินการ การนริโทษกรรม หากจะเกิดขึ้นจริง อย่าได้ออกมาจากปากคุณยิ่งลักษณ์ก่อนโดยเด็ดขาด ขอให้ออกมาจากการนำเสนอของคณะกรรมการชุดนี้
ทั้ง 3 เรื่องนั่นคือความห่วงใยที่ผมมีให้กับคุณยิ่งลักษณ์ในวันนี้ แทนที่จะแสดงความยินดีด้วยเหมือนคนทั่วไป ผมขอเปลี่ยนเป็นเอาใจช่วยและภาวนาให้คุณยิ่งลักษณ์และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยบริหารงาน นำพาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า หลุดพ้นปลักปัญหาความแตกแยกที่ฉุดรั้งประเทศเราอยู่ในเวลานี้
และสุดท้ายผมอยากส่งความห่วงใยและปารถนาที่จะสื่อให้คนที่ผมชื่นชมอย่างท่านทักษิณได้รู้ ว่าผมเห็นด้วยกับการสัมภาษณ์ของท่าน โดยที่ผมเองก็สารภาพตามตรงครับ ว่าผมเองเป็นคนหนึ่งที่ดีใจ หากท่านทักษิณได้กลับบ้าน แต่มันจะมีประโยชน์อะไร...? หากการกลับบ้านของคนที่ผมรัก สร้างปัญหาให้กลับประเทศชาติ
ดังนั้น ท่านทักษิณครับ ถ้าผลการเสนอแนวทางการแก้ไขของคณะกรรมการชุดนี้ ไม่ใช่การนิรโทษกรรมให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง อย่างที่ผมอยากให้เป็น ผมอยากขอร้องท่านว่า ได้โปรดใช้ความรู้ความสามารถที่ท่านมี ทำงานเพื่อประเทศไทยด้วยให้คำปรึกษาคุณยิ่งลักษณ์อย่างเต็มกำลังความสามารถอยู่ในต่างแดนต่อไป ยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวท่านไป ได้โปรดอย่ากลับมาประเทศแผ่นดินเกิดอีกเลย แม้ผมรู้ว่าท่านต้องเสียสละทั้งความสุขและความตั้งใจส่วนตัว แต่ศักดิ์ศรีส่วนตัวใดๆไม่มีความสำคัญเท่าเกียรติภูมิที่ได้ช่วยเหลือประเทศชาติ
ซึ่งนั้นคือทางออกในกรณีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับความรู้สึกของท่าน แต่ผมก็ภาวนาขอให้ไม่เกิด เหตุการณ์แบบนี้ เพราะใจจริงผมยังอยากให้ท่านได้กลับบ้านอยู่ครับ
แต่ถึงแม้ ต่อให้ชาตินี้ทั้งชาติ ท่านจะไม่มีโอกาสได้เหยียบแผ่นดินไทยอีก แต่ขอให้ท่านจงรับรู้ว่าผม นายพระรองตลอดกาลคนนี้ภูมิใจครับ ที่ครั้งหนึ่งเคยมอบความไว้ใจให้ท่านทักษิณและพวกพ้องของท่าน ในการเป็นตัวแทนทำหน้าบริหารประเทศ
แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 54 09:22:21