เท่าที่สังเกตบัตรเสียส่วนใหญ่(ในเขตผม) ถ้าดูจากเจตนาในการกากะบาทนั้นพบว่าคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เป็นบัตรเสียครับ เขาต้องการมาใช้สิทธิ์ แต่สิทธิ์เสียเพราะการกาที่ผิดพลาดมากกว่า เพราะเท่าที่ดูจากกดแล้วยุคนี้อนุโลมให้การกากะบาทเลือกตั้งนั้นทำได้หลายๆ แบบ แต่ขอให้เป็นรูปกากะบาทและอยู่ในช่องที่มีเจตนาแสดงสิทธิ์ในการเลือก

บัตรเสียส่วนใหญ่เกิดจากการทำเครื่องหมายผิด เพราะดูแล้วการกากะบาทนั้นเป็นการเจตนาอย่างจงใจในการใช้สิทธิ์ครับ

>แบบบัญชีรายชื่อ : พบว่าพรรคเพื่อไทย (เบอร์ 1) นั้น คนกาที่ช่องโลโก้หลายคน เหตุเพราะมองแว้บแรก หรือมองในที่สว่างน้อยนั้น เห็นว่าเป็นช่องว่างสำหรับกามากกว่า สำหรับคนที่จงใจมาใช้สิทธิ์เลือกในเบอร์ 1 เพียงอย่างเดียว เพราะถ้าหากเลือกเบอร์อื่น ถ้าดูดีๆ แล้วจะไม่กาในช่องหลังหมายเลขเด็ดขาด ... กรณีนี้ผมว่า กกต. ไม่ออกมารับผิดชอบหรอกครับ ขนาดทำยังรู้ตัว แล้วก็ไม่แก้ไขอีก งงกับ กกต. จริงๆ

>แบบแบ่งเขต : พบว่าบัตรเสียส่วนใหญ่นั้นไม่ได้กาผิด แต่กาในหมายเลขที่ไม่ได้มีผู้สมัครในเขตนั้นๆ (ผมเองก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าปีนี้ทำแบบนี้ จนกระทั่งมาสังเกตการณ์) ซึ่งแบบแบ่งเขตนั้น สส. ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นจะได้เบอร์ตามสังกัดพรรคของตน >>> กรณีนี้มองเผิญๆ ผมว่าเป็นการจัดการที่ดีและง่ายต่อความเข้าใจครับ แต่กรณีนี้มันมีปัญหาต่อการปฎิบัติในตอนเลือกตั้งอย่างไม่รู้ตัว >>> ปัญหาในกรณีนี้ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าบัตรเสียส่วนใหญ่(ในเขตผม)นั้นเกิดจากการกากะบาทในช่องหมายเลขอันดับต้นๆ อาทิ 2, 3, 4, 5 ซึ่งถ้าดูดีๆ ชาวบ้านที่ไม่เข้าใจจะจำลำดับการติดประกาศของ สส. หน้าคูหา และไปกากะบาทในตำแหน่งลำดับนั้นๆ แทนที่จะกาจากหมายเลขประจำตัวของผู้สมัครแต่ละคน >>> ผลก็คือมีบัตรเสียที่จงใจใช้สิทธิ์อย่างถูกต้อง แต่กาผิดที่ เพราะจดจำผิดแบบ นั่นเอง >>> แล้วก็ทำให้ส่งผลต่อความงงในการนับคะแนนเสียงต่อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่บางคนอาจขานเบอร์นั้นออกมา โดยที่ไม่มีผู้สมัคร หากไม่มีชาวบ้านที่นั่งดูคอยทักท้วงว่าเป็นบัตรเสีย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ค่อยรู้ตัว และเผลอลืมประกาศเบอร์ที่เป็นบัตรเสียบ่อยๆ แทนที่จะประกาศว่าเป็นบัตรเสีย >>> กรณีนี้หากเขตนั้นๆ มีประชาชนที่มีสติและเข้าใจคอยทักท้วงก็ดีไปครับ แต่หากไม่มีคนทักท้วง ความผิดก็เกิดขึ้นได้มโหฬารเช่นกัน

>บัตรเสียจากการไม่กากะบาท : มีบัตรเสียหลายใบเกิดจากการไม่กากะบาทครับ >>> กรณีนี้ผมมีสามความเห็นคือ 1.น่าจะมีการรณรงค์ให้เข้าใจถูกต้องว่าถ้าไม่ออกเสียงให้กาช่อง "ไม่ใช้สิทธิ์" ได้ 2.หรือกรณีนี้หากจะหลีกเลี่ยงการนับรวมเข้าไปในกรณีบัตรเสียก็ให้อนุโลมว่าเป็นกรณี "ไม่ใช้สิทธิ์ออกเสียง" ก็น่าจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยๆ การไปหน่วยเลือกตั้ง และจงใจพับบัตรเลือกตั้งอย่างประณีตเพื่อยัดใส่คูหาแล้วนั้น ก็ถือว่าเขามาใช้สิทธิ์ แต่ไม่ออกเสียงโดยการไม่กากะบาท ซึ่งผมว่ากรณีนี้เข้าข่าย "ไม่ใช้สิทธิ์" มากกว่า "บัตรเสีย" นะครับ 3.กรณีบัตรที่ไม่มีการกาใดๆ แต่ถูกหย่อนลงหีบเลือกตั้งนั้น หากประกาศขานไปแล้ว ควรมีเครื่องแสดงที่ประทับลงไป หรือ ทำตำหนิ อย่างเช่นเจาะรู ให้รู้ว่าบัตรนี้มีการใช้สิทธิ์ในแบบไม่ออกเสียง ไม่เช่นนั้นบัตรเปล่าๆ นี้อาจถูกเป็นเครื่องมือของการสวม "ผี" ได้ในภายหลังเช่นกัน

>>> กกต. น่าจะมีการพิจารณาเกณฑ์กำหนดของบัตรเสียใหม่ให้ดีและรอบคอบนะครับ และก็น่าจะดูจากเจตนาการใช้สิทธิ์ประกอบด้วย

 >>> ความผิดนี้คงโทษใครไม่ได้ (และไม่ดีในตอนนี้) ก็ฝากไว้สำหรับการทำบัตรคราวหน้าที่ กกต. ควรใช้ความเป็นจริงในสถานการณ์จริงมาพิจารณาประกอบ มากกว่าการใช้บรรทัดฐานตัวเองยืนยันเพียงฝ่ายเดียว การเลือกตั้งก็ควรทำให้เป็นมิตรกับประชาชน ง่ายต่อการเข้าใจและใช้สิทธิ์ ไม่ใช่ยากและงงต่อการจะแสดงสิทธิ์ ไม่งั้นคุณจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี