อันที่จริง การเมืองไม่ใช่เรื่องของการแข่งขัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีผู้แพ้ ผู้ชนะ เพราะหากจะเอาแพ้เอาชนะกันอย่างเดียว โดยยอมแม้ทำผิดกติกา ประเทศชาติก็ล่มจมแบบที่เราเห็นกันมาตั้งแต่หลัง 19 กันยา
แต่ในยุคนี้การเมืองเป็นเรื่องเอาแพ้เอาชนะไปซะแล้ว ก่อนเลือกตั้งผมเห็นกองเชียร์ฝ่ายประชาธิปัตน์ก็พยายามเถียงโพล ดิสเครดิตกันจ้าละหวั่นว่าไม่มีทางที่เพื่อไทยจะได้รับการเลือกตั้งมาแบบแต้มขาด หรือจะมาตั้งรัฐบาลสู้กับประชาธิปัตน์ + ภูมิใจไทยได้หรอก
พอยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง รู้อยู่เต็มอกว่าคงพ่าย ก็เปลี่ยนกระแสใช้ความบาดหมางของคนในประเทศเป็นจุดขายหวังอย่างเดียวว่าจะต้องกลับมาเป็นรัฐบาลให้ได้ ทำไมไม่เหลียวหลังดูบ้างว่าสาเหตุที่ประเทศชาติเป็นแบบนี้จุดเริ่มต้นมันเพราะใคร เพราะอยากเป็นรัฐบาลจนไม่สนวิธีการไม่ใช่เหรอ ประเทศชาติถึงถอยหลังเกือบจะตกคลองอยู่แล้ว หันไปทางไหนเพื่อนบ้านก็มีแต่รังเกียจ เป็นหมาหัวเน่า โดนโดดเดี่ยวไปทุกวัน
พอผลเลือกตั้งออกมา ยังไม่ทันจัดตั้งรัฐบาล บรรดาสาวกกองเชียร์ทั้งหลายก็ออกมาโจมตีนโยบายซะแล้ว ยังไม่ทันรู้วิธีการหรือรายละเอียดอะไรเลย พวกโจมตีกันไว้ก่อนแล้ว รอให้รายละเอียดวิธีการมันออกมาก่อนดีไหมครับ โจมตี ติติงตรงไหนยังไม่สายหรอก เล่นกันแบบนี้ชาติมันถึงไม่ไปไหนกันสักที ปากบอกรักชาติๆ แต่ดูการกระทำมันรักชาติตรงไหน ผมว่าแบบนี้คือรักแบบไม่ลืมหูลืมตา รักแบบต้องการทำลายให้ตายไปข้าง ประเทศเป็นไงกูไม่สน เกือบ 3 ปีแล้วมันยังไม่พอสินะ
ฝากถึงบรรดาสาวกกองเชียร์ประชาธิปัตน์ทั้งหลายนะครับ คำโบราณเค้าพูดกันต่อๆมาว่า "ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ" ตอนพรรคคุณได้เป็นรัฐบาลสมใจ ทำไมไม่แสดงผลงานออกมาให้ประจักษ์ต่อประชาชนล่ะ คุณมีโอกาสแล้ว แต่คุณไม่ทำ แถมยังทำลายโอกาสนั้นด้วยมือของคุณเอง แล้วพอผลเลือกตั้งครั้งนี้แพ้แบบขาดลอย คุณจะมาโวยวายหาพระแสงอะไรล่ะครับ
คนเค้ามีความคิดของตัวเอง หากคุณเป็นรัฐบาล คุณทำดี ทำได้อย่างที่พูด คุณคิดเหรอจะมีแนวร่วมเสื้อแดงเพิ่มขึ้นทุกวัน จะมีคนไม่กาคะแนนให้คุณในการเลือกตั้ง ทุกวันนี้ข่าวสารมันไปไว หากมัวแต่เป่าหู ให้ความหวังลมๆแล้งๆ แต่ผลงานไม่ประจักษ์มันก็กลายเป็นอย่างที่ผลเลือกตั้งออกมานั่นแหล่ะครับ