คงจำกันได้ว่า เมื่อ 30 กันยายน 2552 ได้มีการย้าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดี DSI ออกไป แล้วเอา ธาริต เพ็งดิษฐ์ เข้ามาแทน พร้อมกับย้าย นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ออกไป แล้วเอานายชาติชาย สุทธิกลม มาทำหน้าที่แทน
พอนายธาริตมานั่งผู้ว่า DSI ก็พูดแก้เกี้ยวว่า "ผมไม่เป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่การกระทำที่ผ่านมาขณะดำรงหน้าที่อยู่นั้นทุกคนก็ทราบดีว่า เขาทำหน้าที่เพื่อรับใช้ใคร และเป็นหนี้บุญคุณใคร การคัดค้านการขอประกันตัวของแกนนำเสื้อแดงทุกครั้ง นายธาริตจะต้องออกมาคัดค้าน จนเป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกันเรื่องคุณสมบัติของนายจตุพรในขณะนี้ แสดงว่าคนพวกนี้ได้วางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนแล้วว่า จะกำจัดนายจตุพรให้พ้นตำหน่ง สส. ได้อย่างไร
ส่วนการใช้กฏระเบียบอย่างเกินขอบเขตของอธิบดีกรมราชทัณท์ ที่ให้มีการ"ตีตรวน"ต่อนักโทษการเมืองนั้น จะต้องเป็นฝีมือของนายชาติชายอย่างแน่แท้ คุณจตุพรไม่ใช่นักโทษในคดีอุกฉกรรจ์ และได้มอบตัวโดยไม่มีท่าทีจะหลบหนีแต่อย่างใด อีกทั้งไม่มีอิทธพลทางอำนาจรัฐที่จะพลิกคดีหรือคุกคามพยาน จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องตีตรวน จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากการกลั่นแกล้งเท่านั้น
ในขณะเดียวกันได้มีความพยายามและเรียกร้องจากฝ่ายรัฐบาลและแนงร่วม ให้จับตัวทักษิณมาลงโทษเข้าคุกให้จงได้ แม้หากคุณทักษิณยอมกลับมาเข้าคุก โอกาสที่จะตายคาคุกมีสูงเกือย 100% และที่แน่ ๆคือจะต้องถูกตีตรวนเหมือนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ถึงขั้นต้องอยู่ในคุกมืด ขนาดนายจตุพรที่อยู่ปลายแถวยังถูกกลั่นแกล้งถึงเพียงนี้ ถ้าหัวแถวจะถูกกลั่นแกล้งเพียงไหน นี่คือการวางแผนที่แยบยลเพื่อขจัดศัตรูทางการเมืองให้หมดไปด้วยทุกวิธีการ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและความถูกต้อง
การกำจัดขั้นต้นขณะที่ทักษิณอยู่นอกคุกด้วยวิธีวางระเบิด ก็กระทำกันมาแล้วหลายครั้งหลายครา ถ้าทักษิณอยู่ในคุกเห็นทีจะรอดน้ำมือพวกอำมหิตพวกนี้ไปได้ยาก ดีแล้วที่ทักษิณไม่ยอมกลับมาเข้าคุก ตามที่พวกใจบาปทั้งหลายเรียกร้อง จากข้อหาเซ็นชื่อให้เมียทำนิติกรรมที่ดิน ทำเหมือนเป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง แม้ศาลแพ่งจะตัดสินว่าเป็นโมฆะไปแล้ว ทุกอย่างต้องกลับสู่สามัญ แต่โทษอาญากลับคงไว้ไม่ยอมเป็นโมฆะไปด้วย กลับคงไว้เพื่อเป็นข้ออ้างว่าทักษิณยึงมีความผิดอยู่
ย้ายมันออกไปก่อนทั้ง 2 คนเลย ไอ่พวกทดแทนหนี้บุญคุณ