Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นี่กระมังพี่ชายและน้องสาวที่แสนดีของคุณ ติดต่อทีมงาน

วันพฤหัสบดี ที่ 14 กรกฎาคม 2554
สื่อเขมรตีข่าว ทักษิณเจรจาลับ “ฮุนเซน” แบ่งสรรประโยชน์ “บ่อน้ำมัน” อ่าวไทย
Posted by เสต็ปเทพ , ผู้อ่าน : 3204 , 13:10:29 น.  

 


  เมื่อวานนี้ 13 ก.ค.54 สำนักข่าวพนมเปญโพสต์ ได้ตีข่าว ข้อตกลงการแบ่งสรรน้ำมันของ “ทักษิณ” ถูกขัดจังหวะ
 ใน เนื้อข่าวได้บรรยายถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 พฤษภาคม 2550 ในการพบปะของคณะทำงานให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทางฝั่งสหรัฐฯ และอาเซียน และเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยตัวแทนฝั่งคณะตัวแทนทางพลังงานของสหรัฐฯ จาก บริษัทโคนอโค ฟิลลิปส์ ได้แสดงท่าทีกระตุ้นรัฐบาลไทยและกัมพูชา หาทางออกร่วมกันในส่วนการแบ่งสรรประโยชน์ในพื้นที่อ่าวไทย เพราะอย่างที่ทราบว่าทางเขมร ได้กระเหี้ยนกระหือรือให้จัดสรรประโยชน์ในพื้นที่ในอ่าวไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันเขมรได้ให้บริษัทเอกชน มาขุดเจาะก๊าซ และน้ำมันในประเทศอยู่ก่อนแล้ว
  ในเนื้อข่าวยังได้ระบุถึง ผู้ช่วยรัฐมนตรีของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา นาย Kao Kim Hourn ยังได้ชึ้แจงรายละเอียดกับบริษัทขุดเจาะน้ำมันว่า ทางรัฐบาลไทยและกัมพูชา กำลังได้สรุปข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว แต่ยังติดที่ผลประโยชน์ดังนี้
 นาย Kao Kim Hourn กล่าวว่ามีสูตรในการเจรจาในการแบ่งรายได้สัดส่วนเป็นไป 3 ข้อดังนี้
 1. 80% เป็นของไทย และ 20 % เป็นของเขมร ในส่วนพื้นที่ทีใกล้กับฝั่งไทย
 2. แบ่งกันในอัตรา 50:50 ในส่วนพื้นที่ตรงกลาง
 3. 80% เป็นของเขมร และ 20 % เป็นของไทย ในส่วนพื้นที่ที่ใกล้กับเขมร
  ทั้งนี้  นาย Kao Kim Hourn ยังระบุอีกด้วยว่า เขาคิดว่าภายใน 6 เดือน ผลการเจรจาน่าจะออกมาอย่างเป็นรูปธรรม
   เนื้อข่าว ยังระบุอีกว่า ทางบริษัทเชฟรอน หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งได้สัมปทานขุดเจาะก็าซ และน้ำมันในส่วน บล็อก A ก็ได้ให้ความสนใจในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย พร้อมกับกล่าวว่า ในพื้นที่อ่าวไทย คือ พื้นที่ที่ถือว่าเป็นพื้นที่ดีที่สุดในการแสวงหาก็าซธรรมชาติในโลกก็ว่าได้
 
 บริษัทเชฟรอน ยังระบุเพิ่มเติมว่า ลำพัง บล็อก A ที่ได้สัมปทานอยู่คงไม่เพียงพอที่จะสร้างกำไรอย่างมหาศาล
  รายงาน ระบุต่อว่า พอหลังจากที่ “ทักษิณ” ถูกยึดอำนาจ การพัฒนาต่อการสานต่อข้อตกลงเป็นไปอย่างช้ามาก จะมีเพียงแตการที่ “กัมพูชา” ได้ตั้งให้ “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ แต่ข้อตกลงก็มีปัญหาต่อมา เนื่องจากรัฐสภาไทย ได้ดำเนินการยกเลิก MOU 2544 
  ข่าวยังระบุในตอนท้ายว่า การขึ้นมาของ “ยิ่งลักษณ์” อาจทำให้การเดินหน้าเพื่อสานประโยชน์ของ 2 ผู้นำอย่าง “ฮุนเซน” และ “ทักษิณ” อาจพัฒนาต่อก็เป็นได้
 ส่วน นาย Men Den รองผู้อำนวยการกิจการทางน้ำมันของกัมพูชา ได้ออกมาปฎิเสธเรื่องดังกล่าว พร้อมกับบอกไม่ทราบเรื่อง
 ด้าน Keo Kim Hourn บอกจำไม่ได้แล้ว
 ส่วน “เชฟรอน” ปฎิเสธ ที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว
 เนื้อข่าวที่ออกมาพอจะทำให้เราได้รับทราบสถานการณ์ ในเรื่องดังต่อไปนี้
 1) ความกระสันของบริษัทแสวงหาผลประโยชน์ทางน้ำมันและก็าซ คือ บริษัทขุดเจาะน้ำมันมีความกระสันที่อยากให้ทางไทยกับกัมพูชา ได้ข้อตกลงพื้นที่ส่วนแบ่งในอ่าวไทย เพราะบริษัทพวกนี้ มองออกอยู่แล้วว่า ทางกัมพูชา ไม่มีปัญหาแน่นอน พร้อมจะให้สัมปทานต่อไปอย่างแน่นอน แต่ติดปัญหาที่ไทย และกัมพูชา ยังมีพิพาทกันอยู่ และต่าฝ่ายต่างถือสิทธิ์ในส่วนพื้นที่ทางทะเลกันอยู่
 2) “ทักษิณ – ฮุนเซน” สนิทสนม เพราะผลประโยชน์ เนื่องจากข่าวที่ออกมาพอให้เดาได้ว่า การยกเลิก MOU 2544 ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เงื่อนไขอัจจะเป็นไปตามที่ “ทักษิณ” คาดการไว้ต้องล้มเหลว ลองย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในอดีต
 เมื่อ 18 มิถุนายน 2544 ทักษิณ ประเทศไทยได้ไปลงนามบันทึกความเข้าใจ 2544 หรือที่เรียกว่า “MOU 2544” ด้วยการยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากขึ้นในปี 2515 และเรียกพื้นที่ที่เกิดขึ้นจากการประกาศเส้นขอบเขตไหล่ทวีปของทั้งสองประเทศว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 24,600 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 15 ล้านไร่
 นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน 18 มิถุนายน 2544 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา กับนายฮุน เซน เพื่อแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ ได้อนุมัติการลงนามใน MOU 2544 ฉบับดังกล่าวซ้ำไปอีกครั้งหนึ่งด้วย
 การตัดสินใจของทักษิณทำให้ ทางไทยตกอยู่ในสถานะยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาที่ลากขึ้นในปี 2515 ซึ่งลากมาแบบเป็นประโยชน์ต่อกัมพูช มากกว่าที่ทางไทยจะได้ประโยชน์
 ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า MOU 2544 และแถลงการณ์ร่วมฯ 2544 จึงถือเป็นผลประโยชน์อันมหาศาลที่รัฐบาลทักษิณได้มอบให้กับกัมพูชาอย่างที่ ไม่เคยได้มาก่อน และจากตรงนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้ง 2 ราบรื่บ สนิทสนมกันแบบ “ขอกันได้” ว่างั้นเหอะ
 3) “ไทย” ถูกเอาเปรียบจากพวกตัวใหญ่ คือ ข่าวที่ปรากฎออกมาล้วนมีความสัมพันธ์และต่อเนื่องกันหมด ทั้งในส่วนของประเด็น “เขาพระวิหาร” ที่หลายคนจับจ้อง เนื่องจากสาระสำคัญ จะอยู่ตรงที่หากทางไทยพลาดพลั้งไปรับแผนที่ฉบับ 1 : 200,000 ซึ่งอาจปรากฎในการลักไก่ ตามสาระแห่งข้อยอมรับ และข้อกฏหมาต่างๆ อาจทำให้ เขมรได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆ โดยสังเกตุได้ว่าชาติมหาอำนาจ แสดงออกในท่าทีที่เห็นด้วย กับการดำเนินการในเวทีระหว่างประเทศของเขมร มากกว่าที่จะมาชมเชยไทย เพราะหากไทยชนะ ได้สิทธิ์ครอบครองในส่วนพื้นทีทางทะเลที่ชัดเจน และความชัดเจนในส่วนเรื่องแผนที่กับเขาพระวิหาร จะทำให้พวกชาติมหาอำนาจ ไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย
  ทั้ง 3 ข้อที่ได้จากข่าวนี้ พอจะให้ผมในฐานะคนไทย มีความรู้สึกและเป็นห่วงการดำเนินนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลใหม่ “ยิ่งลักษณ์” หาก มาเพื่อสานผลประโยชน์ ตามที่ผมได้คาดการไว้ ผมว่าประเทศชาติของเราจะเสียหายมากเลยครับ เพราะผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของใครคนนึง และไม่ใช่บริษัทเอกชนของครอบครัวใคร และกลุ่มก๊วนใครใดๆ ทั้งสิ้น
  ดัง นั้นแล้ว ผมอยากช่วยให้พวกเรามาโฟกัสไปที่ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ ของเพื่อไทย และโฟกัสการทำงานในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินความสัมพันธ์กับกัมพูชา ที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษ !!!
 ช่วยกันนะครับ ! พี่น้องชาวไทย

จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ
เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 08:48:53 A:115.87.194.36 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com