Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยึดเรือบิน..คำชี้แจงอย่างเป็นทางการจาก เว๊บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ มติชนออนไลน์ ติดต่อทีมงาน

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 15 ก.ค.

สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. คดีดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างบริษัทวาลเทอร์ เบา ของเยอรมนีกับรัฐบาลไทย โดยบริษัทฯ เป็นโจทก์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย กรณีผิดสัญญาโครงการทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ ตั้งแต่ปี 2548   ตามสนธิสัญญาระหว่างไทยกับเยอรมนีเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนต่างตอบแทน ค.ศ. 2002 ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการได้ตัดสินชี้ขาด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 ให้รัฐบาลไทยชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัทฯ เป็นเงินประมาณ 30 ล้านยูโร บวกดอกเบี้ยและค่าดำเนินการของคณะอนุญาโตตุลาการอีกเกือบ 2  ล้านยูโร

ข้อ2.ข้าม

3 . ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเยอรมนีอีกทางหนึ่งเพื่อให้มีการบังคับคดี ซึ่งศาลเยอรมนีได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11  กรกฎาคม  2554  ให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทยโดยมิได้มีการสอบถามหรือไต่สวนฝ่ายไทย ซึ่งนำไปสู่การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฏราชกุมาร ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานนครมิวนิก เมื่อวันที่  12  กรกฎาคม  2554  โดยเข้าใจผิดว่าเป็นเครื่องบินของรัฐบาลไทย

4 . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวของฝ่ายเยอรมันเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงอันเกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากเครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ มิใช่ทรัพย์สินของรัฐบาลไทย ฝ่ายไทยได้ดำเนินการติดต่อทางการเยอรมันทันทีที่ได้รับทราบเรื่องในทุกช่องทางเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและหลักฐานยืนยันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์

5 . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างบริษัทวาลเทอร์ เบา กับรัฐบาลไทย รัฐบาลไทยเคารพและไม่มีความตั้งใจที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของเยอรมนี ตลอดจนเข้าใจว่าการดำเนินการเรื่องนี้อาจต้องใช้เวลาบ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยหวังว่า กรณีที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด

6 . สำหรับคดีฟ้องร้องระหว่างบริษัทวาลเทอร์ เบา กับรัฐบาลไทย สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลไทยให้เป็นผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าว กำลังอุทธรณ์คำตัดสินของศาลนครนิวยอร์ก ซึ่งเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่จะต้องดำเนินต่อไป



โดยในการดำเนินการของฝ่ายไทยนั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้ให้ข้อมูลข้างต้นแก่กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี และรัฐมนตรีว่าการฯ ได้มีหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีแสดงความกังวลอย่างยิ่งของฝ่ายไทยและขอให้ฝ่ายเยอรมันถอนการอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวในทันที และได้สนทนาทางโทรศัพท์กับปลัดกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี กระทรวงฯ ได้เชิญอุปทูตสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย มารับทราบข้อเท็จจริง และคณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย นำโดยอัยการสูงสุดและรองอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ได้เดินทางไปถึงนครมิวนิคแล้ว

ขณะที่เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้ติดต่อทนายความเยอรมันเป็นที่ปรึกษาประเด็นด้านกฎหมาย นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ จะเดินทางไปกรุงเบอร์ลินในคืนวันที่  14 กรกฎาคม  2554  เพื่อพบกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีในบ่ายวันที่  15  กรกฎาคม 2554  เพื่อให้มีการถอนอายัดเครื่องบินลำดังกล่าวโดยเร็วที่สุด


ข้อต่อสู้ของรัฐบาลไทยคือ เครื่องบินลำดังกล่าวไม่ใช่ของรัฐบาล ตามรายละเอียดนี้

พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของไทยถูกอายัดไว้ที่ประเทศเยอรมนีนั้น ทางกองทัพอากาศได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า เป็นเครื่องบินที่กองทัพอากาศไทยได้ทูลเกล้าฯถวายเมื่อปี พ.ศ.2550 ในช่วงที่ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ทำให้สถานะของเครื่องบินลำดังกล่าวไม่ใช่เครื่องบินของทางราชการแต่อย่างใด แต่เป็นเครื่องบินส่วนพระองค์ 

"กองทัพอากาศยืนยันว่าไม่ใช่เครื่องบินของราชการ หรือรัฐบาล เพราะได้มีการทูลเกล้าฯถวายไปแล้ว มีหนังสือทูลเกล้าฯอย่างถูกต้อง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ขอหนังสือดังกล่าวไปเพื่อนำไปยืนยันกับทางเยอรมนี ซึ่งกองทัพอากาศได้ส่งไปให้เรียบร้อยแล้ว" โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

และเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 22:00 มติชนออนไลน์

นาสอภิสิทธิ์นายกฯกล่าวว่า

“ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมขนส่งทางอากาศ ไปดูเอกสารที่บริษัทดังกล่าวยื่น เพราะเข้าใจว่าเป็นข้อมูลเก่า ที่อาจเอามาจากเว็บไซต์ ในช่วงที่เครื่องบินดังกล่าวอยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศ แต่ไทยมีข้อมูลชัดเจนในเรื่องนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานอยู่ที่เยอรมนี และเรื่องนี้รัฐบาลไทยจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องเกียรติยศและชื่อเสียงของไทย


ในการแก้ปัญหานี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องเหมาะสมและคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด หากศาลตัดสินอย่างไร ไทยก็พร้อมที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ไม่หนีไปไหน จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้



จากข้อความข้างต้น มีสองประเด็นที่นายอภิสิทธิ์กล่าวอ้าง คือ


1.เครื่องบินไม่ใช้ของรัฐยึดไม่ได้ ความจริงคือ เครื่องบินพระที่นั่งถูกยึด


2.คดีไม่ถึงที่สิ้นสุด ความจริงคือ ศาลเยอรมนีได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11  กรกฎาคม  2554  ให้ยึดทรัพย์สินรัฐบาลไทย และไปปิดหมายที่เครื่องบิน เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม  2554


ซึ่งแสดงว่าคดีถึงที่สุดแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ไม่รับรู้ จึงเกิดเหตุการณ์อัปยศนี้ขึ้น เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติและชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ต่อนานาประเทศ

จากคุณ : โลกนิติฉบับไทย
เขียนเมื่อ : 17 ก.ค. 54 12:50:09 A:124.122.206.124 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com