มุมมอง กกต.ไทย ชุดปัจจุบัน และผลที่จะตามมา จากโลกกว้าง
|
 |
ที่มาของ กกต.ชุดนี้ มาจาก คณะรัฐประหาร ในปี ๒๕๔๙ พร้อมกันนี้ได้สร้าง ยุทธศาสตร์เพื่อควบคุม รบ. และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง ฯลฯ ที่มีความสำคัญกับการบริหาร ประเทศ โดยให้สิทธิอำนาจในการพิจารณา กรณีเหล่านี้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยอำนาจศาลเสมอไป (คดียุบพรรค คดีไม่ประกาศรับรอง ใบเหลืองใบแดง ฯลฯ) ฉนั้น กกต.ชุดนี้ จึงไม่น่า จะอยู่ในสภาพ ของ ระบบประชาธิปไตย สมบูรณ์แบบ แต่เป็นเพียงในคราบมาแต่ต้น ที่ ปชช.ต้องยอมรับ อันที่เรียกกัน จนเคยชินว่า อำนาจมืด นั่นเอง สิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ได้ตกไปสู่ความลืมเลือน หรือปกปิดการนำมาวิจัย จากนักวิชาการและสื่อสารมวลชน ของ ปชช. คือ รบ.อภิสิทธิ์ อาศัยเสียงข้างมากลงมติให้มีการแก้ใข รธน. (กรณีเลือกตั้ง) ก่อนประกาศยุบสภาฯ ส่วนที่สำคัญที่ตามมา (พิษของกฎหมาย) ที่เรียกว่า กฎหมายลูก ของ กกต. อันเกี่ยวกับการร่าง และให้ศาล พิจารณารับใช้ โดยไม่ต้องผ่านการอภิปราย ในรัฐสภา เป็นเหตุให้ได้มา ซึ่งสิทธิอำนาจนอกเจตนารมณ์ ของ รธน. ของ กกต.ชุดปัจจุบัน อันจากข้อสังเกตุ เป็นการเสริมสิทธิอำนาจซ้อนเร้น ที่ไม่เป็นลักษณะ ประชาธิปไตย ข้อสังเกตุในการเลือกตั้งที่ผ่านมาในครั้งนี้ก็คือ เฉพาะแต่ มติชนด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เท่านั้นที่มีความเป็น ประชาธิปไตย เสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ของประเทศไทย ขณะนี้ ลักษณะสิทธิอำนาจ ของ กกต.ชุดปัจจุบัน สามารถตัดสิทธิอันชอบธรรม ตามบัญญัติ และเจตนารมณ์ ของ รธน. ได้โดยมิมีผลต้องรับผิดชอบทาง รธน. และกฎหมาย อย่างเช่น ๑.) การจำกัดเวลา และระเบียบการใช้สิทธิลงคะแนนเสียงนอกเขตุ กับการใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้ ปชช. กว่า ๔ ล้านคน ที่ไม่สามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ ๒.) การล๊ะเว้น กับการดำเนินการ ในกรณีกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง (การติดป้ายโหวดโน) และให้ จนท.เลือกตั้ง ให้เกิดการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างเปิดเผย รวมทั้งการอภิปรายที่ราชประสงศ์ ของ พรรค ปชป เป็นต้น ๓.) การใช้กรณี ขาดคุณสมบัติ ที่มาจากคำร้อง หลังจากการประกาศรับรองก่อนการเลือกตั้ง มาใช้เป็นเหตุผลในการ ระงับ ยืดเยื้อ หรือปฎิเสธ การประกาศรับรองผลเลือกตั้ง กับผู้ลงสมัครเลือกตั้งโดยชอบด้วย บัญญัติ และเจตนารมณ์ รธน. อันจะสังเกตุได้ว่า กกต. มีลักษณะบริหารการเลือกตั้ง ไม่เป็นประชาธิปไตย ตามความเข้าใจของทุกประเทศ ที่มีระบบปกครองในระบบ ประชาธิปไตย ในขณะนี้ ในอีกด้านหนึ่ง กระบวนการ นปช. ที่เป็นแนวร่วมต่อต้านเผด็จการ ที่พยายามใช้สิทธิอันชอบธรรมตาม บัญญัติและเจตนารมณ์ ของ รธน. อย่างสันติอหิงสา อันหมายถึงว่า ในเมื่อ กกต. ก็เป็นองศ์ประกอบของอำนาจ ที่มาจากรัฐประหาร ก็จะเป็นคู่กรณี กับ นปช. โดยปริยาย อันมาถึงสาเหตุ ของการยืดเยื้อหาเหตุผล ที่จะไม่รับรอง แกนนำ นปช. ที่ได้รับมติชนให้เป็นผู้แทนราษฎร โดยชอบธรรม และพร้อมที่จะละเมิดสิทธิของมติชน ทั้งๆ ที่อยู่ในความคุ้มครองของ บัญญัติ รธน. (กฎหมายแม่) โดยยึดสิทธิอำนาจ ที่ได้มาในอำนาจ กฎหมายเลือกตั้ง (กฎหมายลูก) เป็นสำคัญ ถ้าจะมองปฎิกริยา จากประเทศสากลในระบอบประชาธิปไตย ผ่าน องค์การฑูตระหว่างประเทศ และสื่อสารมวลชนสากล จะมองเห็นจุดยืนกับการให้ความสนใจ กับสภาวะการดำเนินงาน ของ กกต. ไปในแนวทางเดียวกัน คือหนักใจกับการยอมรับได้ว่า เป็น กกต. ที่เป็นประชาธิปไตย แต่น่าจะสันนิฐานถึงการดำเนินการ ปฎิวัติซ่อนตัวในระบบประชาธิปไตย เพื่อกีดกัน การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรจาก มติชน ที่เป็นคู่กรณีกับ เบื้องหลังของ กกต. (อำนาจมืด?) ฉนั้นประเทศเหล่านี้ จึงพยายามใช้กริยาทางการฑูต แสดงถึงความเห็นใจในปัญหาและความกดดัน และยินดีให้ความช่วยเหลือเท่าที่เป็นไปได้ ในฐานะพันธ์มิตรและประเทศเพื่อนบ้าน ของ ว่าที่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์
แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 00:03:32
จากคุณ |
:
พลายทมิฬ
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.ค. 54 00:03:09
A:217.227.43.152 X:
|
|
|
|