เรื่องเครื่องบินที่ถูกอายัด อสส ควรจะเลิกสู้โดยบอกว่า เครื่องบินไม่ใช่ของหลวงซักที จะแก้ปัญหาก็ให้มันถูกจุด
|
 |
เห็นอัยการสูงสุดแถลง แล้วผมก็อดสะท้อนใจไม่ได้ มันเหมือนว่า ประเทศไทย ไม่ได้เข้าใจปัญหา เลือกที่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
ปัญหา คือ เครื่องบินโดนอายัด ต้นเหตุของปัญหา ไม่ใช่ ความเข้าใจผิดว่า เครื่องบินลำนั้นเป็นของเอกชน หรือ ของรัฐ เพราะ เครื่องบินลำนั้น ซื้อโดยใช้เงินของรัฐบาล ภาษีประชาชน ตามหลักยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของใครไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเครื่องบินเป็นสมบัติเป็นของหลวง ถึงกองทัพอากาศอ้างว่ายกให้องค์รัชทายาทไปแล้ว เครื่องบินลำนี้ก็ยังเป็นของหลวงอยู่ดี
ประเด็นนี้เป็นแค่ปลายเหตุ เท่านั้น เพราะ สมมติว่า สามารถถอนอายัดเครื่องบินได้ บริษัทเจ้าหนี้ ก็ต้องหาทางยึดทรัพย์สินอันอื่นอยู่ดี
รัฐบาลไทยมีทรัพย์สินอะไรอยู่นอกประเทศ เขาก็ต้องไปฟ้องอายัดอีก แล้วจะทำยังไงต่อละครับ หรือจะให้เขาถอนอายัด แล้ว ยึดสถานฑูตขายทอดตลาด
ดังนั้น จะแก้ปัญหา ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุของปัญหา
ก็คือ แก้ที่คดีฟ้องร้องเรื่องที่ถูกเรียกค่าเสียหาย ถ้าตอนนี้แพ้คดี ระหว่างรอต่อสู้คดี ถ้าตามกฎหมายต้องจ่ายเงินเราก็ต้องจ่ายก่อน หรือจะทำเป็นเช็ค สัญญา อะไรก็ทำไป เพื่อไม่ให้ อีกฝ่ายเขามาฟ้องยึดทรัพย์
เมื่อเราไม่เป็นหนี้ เขาก็ฟ้องยึดทรัพย์ไม่ได้ ก็อายัดเครื่องบินไม่ได้ ไม่เห็นต้องไป โพทะนา ว่า เครื่องบินนี้ไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เป็นเครื่องบินของหลวง
เรื่องแค่นี้ผมว่า คนใน สำนักงานอัยการสูงสุด รู้อยู่แล้วละครับ เรียนมาขนาดไหน หลายคนก็เป็นอาจารย์ จบเป็น ดร. มา ไม่ใช่โง่ๆ ที่จะไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
ฝรั่งฟ้องเรียกร้องเงิน แต่ไทยมัวแต่ไปหาหลักฐานว่า เครื่องบินนั้นยึดไม่ได้ มันเหมือนพูดกันคนละเรื่อง
บทสรุปของเรื่องนี้นะครับ ถ้าไทยยังแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ ตราบใดที่เขาหาทรัพย์สินอื่นยึดแทนเครื่องบินไม่ได้ ศาลก็ไม่มีทางถอนอายัด และ มูลค่าเครื่องบินก็น้อยกว่า มูลหนี้ ด้วย ดังนั้นอย่าลืมว่า เขายังมีสิทธิ์ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ต่อไปอีก จนกว่าจะได้มูลค่าเท่ากับมูลหนี้
อะไรที่เป็นของหลวงที่อยู่ในเยอรมัน ก็ระวังจะถูกยึดเพิ่ม ดีไม่ดี ของหลวง ในประเทศอื่นๆ ก็อาจจะจะถูกยึดตามไปด้วย
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ
จากคุณ |
:
webkit
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ค. 54 09:59:03
A:223.206.223.64 X:
|
|
|
|