ไม่ว่า รก.รบ.อภิสิทธิ์ จะมีมุมมอง มุมเชื่อใจ และเป็นปลาใหลแถลงการ อย่างไรก็ตาม ความจริงที่บังเกิดขึ้น ก็คือ
๑.) รก.รบ. อภิสิทธิ์ มีหนี้สินกับ บ.เอกชน ที่ต้องชำระ อย่างเลี่ยงไม่ได้
ทั้งๆ ที่การพิจารณาตัดสิน ของ คณะอนุญาโตตุลาการ อันตามหลักพิจารณาความสากล เป็นที่สิ้นสุด ไปแล้วก็ตาม แต่ รก.รบ. อภิสิทธิ์ ก็ยังพยายาม แถลงกับสังคมว่า อยู่ในช่วงตอนของ การยื่นพิจารณาอุทรณ์ ตลอดมา อันตามหลักพิจารณาลักษณะช่วงตอนคดี สากลการที่จะยื่นอุทรณ์ ก็เช่นเดียวกันกับ การให้ คณะอนุญาโตตุลาการ ในขั้นต้นพิจารณาตีความ อันหมายถึงว่า ต้องอยู่ในการยินยอม และรับรอง ให้มีการพิจารณาอุทรณ์ ของคู่พิพาท ในเมื่อ จนถึงขั้นอายัด โบว์อิ้ง ๗๓๗ และข้อมูลการรับทราบ กรณียื่นอุทรณ์ คู่คดีไม่เคยแถลงการหรืออ้างอิงถึง รวมทั้ง รก.รบ. อภิสิทธิ์ เองก็ไม่เคยให้ข้อมูลอย่างชัดเจน ถึงประเด็นการยื่นอุทรณ์ รวมทั้ง คณะอนุญาโตตุลาการ ได้รับคำอุทรณ์ และการยิยอมจากคู่กรณี ให้เปิดพิจารณา เพียงแต่เป็นการเตรียมการ ภายในฝ่ายเดียว ของ รก.รบ. อภิสิทธิ์ เท่านั้น ฉนั้นการอายัด เพื่อปลดหนี้ โดยยึดทรัพย์สิน ของ รบ.ไทย (โบว์อิ้ง ๗๓๗) เป็นผลที่ รก.รบ. อภิสิทธิ์ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
๒.) รก.รบ. อภิสิทธิ์ ไม่มีหลักฐาน ตามกฎหมายสากล และในเยอรมันนี ที่สามารถพิสูจน์ การไม่เป็นเจ้าของ โบว์อิ้ง ๗๓๗ ทั้งสองลำ
ศาลเยอรมันนี ได้ให้เหตุผลถึงการ อายัด โบว์อิ้ง ๗๓๗ เพราะเป็น ทรัพย์สมบัติ ของ รบ.ไทย ไปแล้วอย่างชัดเจนและถูกต้อง จากคำร้องเร่งด่วน จาก ผู้แทนฝ่าย รบ.ไทย ได้ใช้หลักฐานและข้อมูล ว่า เป็นทรัพย์สมบัติส่วนพระองศ์ มิใช่ของ รบ.ไทย แต่เป็นข้อมูลและหลักฐานที่ไม่สามารถ ลบล้างหลักฐานการเป็น เจ้าของๆ รบ.ไทย ตามหลักกฎหมายสากล และกฎหมายเยอรมันนี ได้อย่างชัดเจน ฉนั้นจึง ไม่มีคำสั่ง ถอนใบอายัด จากคำร้องเร่งด่วน ของ รบ.ไทย ในวันยื่นคำร้องได้ทันที ราคาทรัพย์สินที่อายัดอยู่นั้น (โบว์อิ้ง ๗๓๗) ศาลได้ตีมูลค่า เอาไว้ ๒๐ ล้านยูโร เป็นตัวเงิน ซึ่ง รบ.ไทย สามารถ นำเอามาถ่าย แทนทรัพย์สินที่ได้ถูกอายัดไว้ อันสามารถชี้ชัดได้ว่า ศาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ กรณีทรัพย์สิน ที่เป็น พระราชพาหนะ เพียงแต่เมื่ออยู่ในสภาวะ อายัด และมีความจำเป็นต้องใช้งาน ก็สามารถใช้ วงเงิน ๒๐ ล้านยูโร มาใถ่ออกไปได้ ในการนัดพิจารณาความ มิได้หมายถึง ข้อพิจารณาสำคัญ จะอยู่ที่ การเป็นเจ้าของ ๆ รบ.ไทย แต่จะอยู่ที่ ความถูกต้องของการออกใบอายัด ตามหลักกฎหมาย จากกรณีข้อมูลการยื่นอุทรณ์ ของ รบ.ไทย นั่นเอง โอกาสที่สามารถ ได้เครื่องบินอายัด หรือ เงินประกัน ๒๐ ล้านยูโร กลับคืนได้ ก็ต่อเมื่อ ศาลเยอรมันนี พิจารณาการ ออกใบอายัด ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย คือ คำตัดสินของ คณะอนุญาโตตุลาการ ตามกฎหมายเยอรมันนี ถือเป็นที่สิ้นสุดหรือ ได้หรือไม่ ได้เท่านั้น ในกรณี พิสูจน์การเป็นเจ้าของ ของ โบว์อิ้ง ๗๓๗ ไม่ใช่กรณีพิจารณาความ ที่จะเกิดขึ้นในวันพิจารณาคดี (ในเดือนที่จะถึง) และการไม่ยอมวางเงินประกัน ก็อาจจะมีผล ตามข้อมูลหลักฐานการเป็นหนี้ ของ รบ.ไทย ตามคำพิจารณาเป็นที่สุด จากคณะออนุญาโตตุลาการ ต้องสูญเสีย ทรัพย์สินส่วนพระองศ์ (ตามข้อมูลหลักฐาน เป็นจริง ของ ไทย) ไปโดยทันที ฉนั้นการสูญเสีย ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ที่เลี่ยงได้แต่ไม่กระทำ เป็นความผิดรุนแรงต่อสถาบัน ที่ รก.รบ. อภิสิทธิ์ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
๓.) รก.รบ. อภิสิทธิ์ เป็นต้นสาเหตุสำคัญ ที่นำมาสู่ กรณีกระทำผิดต่อสถาบัน
การทูลเกล้าถวาย พระราชพาหนะ เป็นความผิดในด้านปฎิบัติ ของส่วนราชการไทยมาแต่ต้น โดยมองข้ามความสำคัญ ในกรณีการใช้ ที่อยู่นอกประเทศ ที่จะต้องมีลักษณะแยกแยะถึงการเป็นเจ้าของ ตามลักษณะกฎหมายสากล อันอาจเป็นไปได้ ทุกอย่างมีความถูกต้องและโปร่งสัย ตามหลักกฎหมายไทย แต่ผลของการ ยื่นคำร้องเร่งด่วน กรณีไม่ใช่ทรัพย์สิน ของ รบ.ไทย คำพิจารณาไม่เพิกถอน ใบอายัดก็เป็นคำตอบ ถึงความผิดพลาด โดยพื้นฐาน การแถลงการว่า เป็นกรณีผิดพลาดอย่างรุนแรง ของฝ่ายเยอรมันนี ถึงกับอาจมีผลกระเทือนต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยศาลเยอรมันนี อาจเอื้อมที่ได้ ทำการอายัด โบว์อิ้ง ๗๓๗ พระราชพาหนะ ของไทย รวมทั้ง ไม่ยินยอมที่จะ เอาวงเงิน ไปถ่าย เพื่อแยกกรณี สถาบัน ออกจาก กรณีหนี้สิน ของ รบ.ไทย เหล่านี้ มาแถลงยืนยันสู่สังคมไทย อันมิเพียงให้เกิด ความเข้าใจคลาดเคลื่อน จาก ประเทศไทย สู่ ประเทศเยอรมันนี เท่านั้น ที่สำคัญก็คือ เป็นการบิดเบียนความจริง ของ รบ.ไทย ที่เป็นผลให้ให้เกิดความเสียหาย กับสถาบันอย่างรุนแรงอีกด้วย ฉนั้น ความผิดพลาดในมุมมอง ต่อประเทศเยอรมันนี และความเสียหาย กับสถาบัน ที่บังเกิดขึ้น และอาจขยายวงออกไปอีก รก.รบ. อภิสิทธิ์ เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
ข้อสังเกตุที่สามารถตั้งสันนิฐาน ทั้ง สาม ข้อนี้ คือ รก.รบ. อภิสิทธิ์ ได้พยายาม ใช้การแถลงการ เสมือนสภาพ ลื่นคลาน ของ ปลาใหล เพื่อให้มองความ การรับผิดชอบ ของ ตัวเอง มาตลอด เมื่อใหร่ ปชช. จะได้รับทราบ ความจริง และสามารถเข้าใจสิ่งที่บังเกิด ขึ้น และพิจารณา ในแง่มุมต่างๆ อย่าง อิสสระเสรีชน เสียที ครับ ส่วนความเชื่อถือและเคารพ หรือให้เกียรติ์ ในฐานะเป็นผู้แทน ของ ประเทศไทย จาก ปชช. ที่สนับสนุน และต่อต้าน คงไม่ต้องอภิปราย ถูกใหม ครับ
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 04:17:37