หนังสือเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการทหารบก พลเอกประยุทธ์ จัันทร์โอชา
ตามที่ปรากฎเป็นข่าวผ่านสื่อสารมวลชนหลายแขนง ว่าผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมากล่าวขอโทษสื่อมวลชนที่ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เมื่อคราวที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกประสบอุบัติเหตุตกติดต่อกันสามลำในเวลาและสถานที่ใกล้ เคียงกันอย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้เช่นนั้น เป็นการสร้างประวัติศาสตร์รอยด่างให้กับกองทัพบกไทย อย่างไม่น่าเชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตอบคำถามผู้สื่อข่าวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในลักษณะโอหัง ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มีบุคลิกภาพไปในทางยกตนข่มท่าน เข้าใจตัวเองผิดว่า มีความเก่งกาจกว่าข้าราชการฝ่ายทหารคนอื่นๆในกองทัพบก ลักษณะท่าทีความโอหังเช่นนี้ ปรากฎว่า ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบอย่างกว้างขวาง จนในที่สุดมี “สัญญาณพิเศษ” สั่งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกคนปัจจุบัน ต้องตรากหน้าออกมากล่าวขอโทษทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับ สื่อมวลชน แล้วยังมีหน้ามาอ้างในคำกล่าวขอโทษนั้นว่า การที่ตนเองต้องประพฤติปฏิบัติไปเช่นนั้น ก็เพราะต้องการที่จะแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่า ในยุคที่ตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารบก “ใครจะมา แตะต้องกองทัพบกไม่ได้ และ ต้องการจะแสดงให้คนอื่นๆเห็นว่าตนเองมีความเป็นผู้นำจึงต้อง พูดจาในลักษณะกระโชกโฮกฮาก และ ข่มขู่ผู้สื่อข่าวไปในตัวด้วย” อาการเช่นนี้ของพลเอก ประยุทธฯ ปรากฎให้เห็นบนจอทีวีทุกช่อง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็นำมาลงเป็นข่าวนำอยู่หลายวัน พวกเราในฐานะที่เป็นประชาชนเต็มขั้น และ เป็นเจ้าของประเทศในฐานะที่เป็นคนไทยกลุ่มหนึ่ง จึงอยากขอถือโอกาสนี้ ว่ากล่าวตักเตือน พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ให้ได้คิดอย่างมีสติตั้งมั่นว่า การใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลนั้น เป็นการแสดงปมด้อยและความอ่อนแอของตนเองอย่างเห็นได้ ชัด แต่ พลเอกประยุทธฯ กลับกล่าวอ้างว่าเป็นการแสดงความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดใน สาระสำคัญแห่งความเป็นมนุษย์ (Human Being) อย่างน่าสมเพชที่สุด เพราะคนที่ได้ครองยศขนาด ได้เป็นพลเอก ช่างไม่น่าจะมีความไร้เดียงสาในความเป็นมนุษย์ได้ถึงเพียงนี้ พลเอกประยุทธฯ ได้เคยทบทวนตัวเองสักครั้งหนึ่งหรือไม่ว่า ? ตนเองนั้นมีตัวตนที่แท้จริงตามศักยภาพแห่งตนนั้น มากน้อยแค่ไหนเพียงใด ? ที่สมควรจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการแห่งกองทัพบก เพราะบุคคลใดก็ ตามที่จะก้าวขึ้นมาในตำแหน่งนี้ได้ จะต้องเป็นบุคคลที่เพรียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของความเป็น ผู้นำ กล่าวคือ เป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยวุฒิภาวะ (Maturity) ใช้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ด้วยประการทั้ง ปวง มีความอดทนอดกลั้นได้ดีกว่าบุคคลอื่นๆ และต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีในความเป็นผู้นำแห่ง กองทัพบกอย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล (Dignity & Integrity) ด้วยวิธีคิดที่ทุกคนสามารถ ยอมรับได้ แต่ข้อเท็จจริงสำหรับตัวตนที่แท้จริงของ พลเอกประยุทธ์ฯ มิได้เป็นเช่นนี้ พลเอก ประยุทธ์ฯ ได้ใช้คำพูดว่า “กองทัพบก ใครจะมาแตะต้องไม่ได้” ความคิดเช่นนี้ช่างเป็นความคิดที่ ไร้ซึ่งวุฒิภาวะ และเป็นที่ตลกขบขันแก่ผู้ที่ได้รับรู้ความคิดของผู้ที่เป็น ผบ.ทบ. ในปัจจุบัน แท้ที่ จริงแล้ว พลเอกประยุทธฯ น่าจะเข้าใจตนเองได้ดีว่า ตนเองได้ขึ้นมาเป็นผบ.ทบ. ด้วยวิธีการเช่นใด? ซึ่งในหนังสือเปิดผนึกฉบับนี้ ยังไม่อยากจะกล่าวถึงในที่นี้ แต่จะขออธิบายความเข้าใจผิดของ พลเอกประยุทธฯ ที่พูดโพล่งออกมาอย่างไม่คิดสักนิดว่า “กองทัพบก ใครแตะต้องไม่ได้” นั้น เป็นความเข้าใจผิดอย่างน่าสงสาร และชวนให้น่าสมเพชอย่างที่สุด พวกเราขอว่ากล่าวตักเตือนกับ พลเอกประยุทธฯ ว่าควรจะต้องรับถอนคำพูดที่ให้สัมภาษณ์ในวันที่ออกมาขอโทษสื่อมวลชนโดย เร็วที่สุด เพราะ พลเอกประยุทธฯ และข้าราชการทหารในกองทัพบกทุกคนน่าจะรู้อยู่แก่ใจว่า กองทัพบกเป็นสมบัติของประชาชนส่วนรวม ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่จะบังอาจเอาไปเป็นเจ้าของ ดังนั้นประชาชนทุกคนจึงมีสิทธิ์ที่จะแตะต้องกองทัพบกได้อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เพราะกองทัพบกตั้ง ขึ้นมาและอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยเงินภาษีอากรของราษฎรส่วนรวมทั้งสิ้น เงินเดือนของ พลเอกประยุทธ์ฯ ก็เป็นเงินภาษีอากรของราษฎร ไม่ใช่เงินของใครคนใดคนหนึ่ง ตามที่ พลเอกประยุทธฯ อาจจะเข้าใจผิดไปได้เช่นนั้น ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ที่จะวิพากย์วิจารณ์กองทัพบก ในทุกเรื่องที่ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง อาทิเช่น มีการโกงกินกันในการจัดซื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์ พลเอกประยุทธฯ กล้าปฏิเสธหรือไม่ว่าการจัดซื้อสิ่งต่างๆเหล่านี้ ไม่เคยมีการโกง กินกันเลยในกองทัพบก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และก็ไม่มีใครคนใดในกองทัพบกจะกล้าออก มารับรองในสิ่งที่กล่าวถึงนี้ด้วย พวกเราจึงไม่เห็นด้วยกับความคิดของ พลเอกประยุทธฯ ที่จะขอให้ รัฐบาลชุดใหม่สั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์เพ่ิมเติมฝูงใหม่มาให้กองทัพบก แทนฝูงเก่าที่ พลเอกประยุทธฯ อ้างว่าจะปลดระวาง เพราะจะมีเหลือบฝูงใหม่ของกองทัพบกเข้ามางาบโกงกินงบประมาณแผ่นดิน ที่เป็นเงินภาษีอาการของราษฎรในส่วนนี้อย่างมันปาก แหม! ของมันรู้กันอยู่ในมุ้งแล้วว่าจะเกิด อะไรขึ้นกับกองทัพบก หากรัฐบาลชุดใหม่จะยอมตามที่ พลเอกประยุทธฯ พูดให้สัมภาษณ์เอาไว้
การที่ว่ากล่าวตักเตือน พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา มาครั้งนี้ก็ด้วยความปรารถนาดีต่อ กองทัพบกอย่างจริงใจ เพราะต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครจะปฏิเสธได้ว่า กองทัพบกของ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ อยู่ในฐานะที่ตกต่ำถูกดูถูกดูแคลนนับตั้งแต่มีการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา และมาตกต่ำอย่างถึงที่สุดที่ผู้นำกองทัพบกในยุคปัจจุบันเข้าไป มีส่วนพัวพันทางการเมืองอย่างออกนอกหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีส่วนเข่นฆ่าประชาชน ตาดำๆอย่างหฤโหด ไปเป็นจำนวนกว่า 91ศพ และมีคนบาดเจ็บกว่า 3,000 คนจนเป็นที่ สะอิดสะเอียนของคนทั่วโลก นี่คือตราบาปของบรรดาผู้นำกองทัพบกในยุคนี้ ที่ไม่มีใครสามารถจะ ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆอีกต่อไปได้ เพราะยุคข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมถึงกันทั้งโลก ทำให้โลกทั้งใบ กลายเป็นหนึ่งเดียว (Globalization) ที่ใครในโลกนี้ก็จะไม่ยอมให้ทหารของรัฐบาลประเทศหนึ่ง ประเทศใดเข่นฆ่าประชาชนได้อย่างตามอำเภอใจอีกต่อไป
จึงแจ้งมาให้ทราบโดยทั่วกัน
จากประชาชนชาวไทยที่เป็นเจ้าของกองทัพบกอย่างแท้จริง
ไปเจอมาครับ เลยเอามาแบ่งปันกันน่ะครับ เขียนได้ดีมากครับ ถึงกับแรงเลยทีเดียว
ปล.ทางแรงไปยังไงลบได้น่ะครับ แอดมิน
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 12:14:29
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 12:14:07