Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยุครัฐบาลทักษิณ บริหารเศรษฐกิจเก่งจริง หรือ แค่เก่ง สร้างภาพลวง + โชคช่วยจากช่วงเศรษฐกิจ rebound ติดต่อทีมงาน

รู้แต่ที่แน่ๆ บริหารธุรกิจ ครอบครัว แบบก้าวกระโดด เมื่อได้มาปกครองประเทศ

สมแล้ว ที่ได้ชื่อ "แฟมิลี่ คาบิเน็ต" เหมือน ประธานาธิบดี สหรัฐ ยุค บุช ไม่ผิด

พ่อ จอร์จ บุช ทำสงคราม อิรัก

ลูก จอร์จ ดับบลิว บุช ทำสงคราม อัฟกานิสถาน

เขาเรียกว่า   เชื้อไม่ทิ้งแถว

 

ผ่า 5 ปีเศรษฐกิจยุคทักษิณ รับผลพวงรัฐบาลเก่า

กรุงเทพธุรกิจ วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2549

คณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประกอบด้วย อัมมาร สยามวาลา,สมชัย จิตสุชน,สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ,ชัยสิทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ และจิราภรณ์ แผลงประพันธ์ ได้นำเสนองานวิจัยชื่อ "ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจ ของนโยบายรัฐบาลทักษิณ" ณ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อวานนี้ โดยมีทั้งหมด 5 ด้าน "กรุงเทพธุรกิจ" จะทยอยตีพิมพ์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์นี้เป็นผลงานส่วนบุคคลของคณะผู้เสนอ ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของทีดีอาร์ไอ

บทวิเคราะห์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบคำถามว่า การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยรักไทย ภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นมีผลงานเป็นอย่างไร โดยจำกัดการวิเคราะห์เพียงด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ไม่ประเมินแง่มุมทางสังคมและทางการเมือง โดยทั่วไปแล้ว ผลงานทางเศรษฐกิจของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง หรือของนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง ไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจนเด็ดขาดจากผลกระทบจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ หรือจากการขับเคลื่อนของกลไกอื่นในสังคมไทยและสังคมโลกได้ อย่างไรก็ตาม ในบทวิเคราะห์นี้จะพยายามแยกผลงาน ของรัฐบาลไทยรักไทย และของ พ.ต.ท.ทักษิณทั้งด้านบวก และด้านลบออกจากปัจจัยอื่นๆ เท่าที่ทำได้ ผลงานทางเศรษฐกิจที่เลือกวิเคราะห์แบ่งออกเป็นสามด้านใหญ่ๆ คือ ด้านความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ด้านความโปร่งใสในการบริหารเศรษฐกิจ และด้านนโยบายประชานิยมรวมทั้งนโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรค

1.ผลงานด้านความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ : กรณีศึกษาการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และความเคลื่อนไหวของดัชนีหลักทรัพย์

ข้อสรุปผลการวิเคราะห์ :

1. การฟื้นตัวจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของไทยนั้นขึ้นกับความรุนแรงของวิกฤติเศรษฐกิจ ประเทศส่วนใหญ่ฟื้นตัวก่อนไทย ยกเว้นเพียงอินโดนีเซียซึ่งประสบปัญหาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ในขณะที่รัฐบาลทักษิณได้ประโยชน์ จากความมีเสถียรภาพก่อนหน้าการเข้ามาบริหาร

2. ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ในภาวะปกติ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลทักษิณ สูงกว่าอัตราปกติของประเทศ หรือสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่มีระดับพัฒนาการเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทย

3. มีหลักฐานสนับสนุนการใช้ทฤษฎี Dual Track Economy สำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะในช่วงที่มีทรัพยากรส่วนเกินเหลืออยู่ แต่รัฐบาลทักษิณมิได้มีส่วนในการเพิ่มอุปสงค์ภายในมากนัก การเพิ่มขึ้นของการบริโภคมาจากปัจจัยอื่นมากกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ

4. ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีผลตอบแทนแท้จริงในระยะที่รัฐบาลทักษิณบริหารค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะดัชนีตกต่ำไปลึกมากก่อนรัฐบาลทักษิณ อย่างไรก็ตาม พบว่าในระยะสองปีหลังของรัฐบาลทักษิณ อัตราผลตอบแทนของไทยติดลบและมีผลงานต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ผลรวมคือแม้รัฐบาลทักษิณจะบริหารมา 5 ปีเต็ม อัตราผลตอบแทนตลาดหลักทรัพย์ไทย ก็ยังไม่สามารถลบล้างความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจได้

รัฐบาลทักษิณได้รับเครดิตค่อนข้างมากในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะในเรื่องการนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากภาวะวิกฤติที่เริ่มในปี 2540 การล้างหนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด การกล่าวอ้างถึงความสามารถของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้ก้าวทันประเทศพัฒนาแล้ว การนำเสนอทฤษฎีการบริหารเศรษฐกิจแบบ Dual Track Economy โดยอ้างว่าเป็นแนวคิดแบบใหม่ที่ไม่เคยมีคนทำมาก่อน

บทวิเคราะห์ในส่วนนี้จะทำการประเมินว่า ผลงานการบริหารเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาลทักษิณ เป็นอย่างที่กล่าวข้างต้นมากน้อยเพียงใด โดยจะทำการเปรียบเทียบผลทางด้านเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาลทักษิณ เทียบกับประสบการณ์ในอดีตของไทย และเปรียบเทียบกับผลงานทางเศรษฐกิจของรัฐบาล และผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่มีลักษณะใกล้เคียงกับไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ :

เครดิตที่รัฐบาลทักษิณได้รับในเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากวิกฤติทางการเงินและเศรษฐกิจปี 2540 น่าจะเกิดขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ "รู้สึก" ว่า ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากรัฐบาลทักษิณเข้ามาบริหารประเทศไม่นาน เพื่อที่จะตอบคำถามว่าความรู้สึกนี้มีส่วนถูกต้องมากน้อยเพียงใด ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าแต่ละประเทศที่ประสบวิกฤติเศรษฐกิจนั้นได้ "ฟื้นตัว" อย่างเต็มที่ในปีใดบ้าง ซึ่งแสดงไว้ในตารางที่ 1

จะเห็นว่า (ก) ระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นตัวจะนานหากวิกฤติเศรษฐกิจมี "ความลึก" หรือรุนแรงมากกว่า และ (ข) เกือบทุกประเทศฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก่อนประเทศไทย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าวิกฤติไม่รุนแรงเท่า (ค) มียกเว้นเพียงอินโดนีเซียเท่านั้นซึ่งฟื้นตัวหลังไทยประมาณครึ่งปี ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าถึงแม้การหดตัวของ GDP จะไม่แรงเท่าไทยในช่วงสองปีแรกของวิกฤติ แต่อินโดนีเซียก็มีปัญหาอื่นเช่น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน อัตราเงินเฟ้อที่สูงมากในปี 2541-2542 (ร้อยละ 58 และ 20 ตามลำดับ) ซึ่งไทยไม่มีปัญหานี้เพราะในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่ความมีเสถียรภาพมากกว่าอินโดนีเซียตั้งแต่ก่อนรัฐบาลทักษิณ ซึ่งการมีเสถียรภาพในช่วงนั้นมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปี 2545-2546 ในช่วงรัฐบาลทักษิณอย่างปฏิเสธมิได้

ดังนั้น แม้การเปรียบเทียบการฟื้นตัวระหว่างอินโดนีเซียกับไทย จะดูเหมือนว่าไทยมีการบริหารจัดการที่ดีกว่า จนเป็นผลให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นผลงานของรัฐบาลทักษิณทั้งหมด น่าจะเป็นผลงานร่วมระหว่างการมุ่งรักษาเสถียรภาพในรัฐบาลก่อนหน้าและการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงรัฐบาลทักษิณมากกว่า ส่วนการเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ารัฐบาลทักษิณมีผลงานดีกว่าเช่นกัน เพราะทุกประเทศได้ฟื้นตัวก่อนที่รัฐบาลทักษิณจะเข้าบริหารประเทศไทยเสียอีก

การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาวะปกติ

เมื่อเศรษฐกิจหลุดพ้นจากวิกฤติแล้ว คำถามถัดมาคือรัฐบาลทักษิณได้บริหารเศรษฐกิจ จนทำให้เชื่อได้ว่าประเทศไทยจะมีความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเหนือกว่าที่เคยเป็นมาในอดีตหรือเหนือกว่าประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ ซึ่งได้ทำการเปรียบเทียบไว้ในตารางที่ 2 และ 3

หากดูรวมๆ แล้ว เศรษฐกิจไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลทักษิณระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2544-2548) มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งสูงกว่าประเทศในแถบอาเซียนประมาณร้อยละ 0.5-1.0 แต่เมื่อแยกเป็นสองช่วงจะพบว่าในช่วงระยะฟื้นตัวภายใต้รัฐบาลทักษิณ (ปี พ.ศ. 2544-2546) จะดีเป็นพิเศษ

ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ได้รับผลกระทบจากการถดถอยของเศรษฐกิจโลกจากผลของฟองสบู่ IT แตกในปี 2544 (ซึ่งไทยก็รับผลกระทบเช่นกัน และเป็นปีแรกของรัฐบาลทักษิณด้วย แต่ผลกระทบน้อยกว่า) แต่ในช่วงที่สองคือปี พ.ศ. 2547-2548 ซึ่งเป็นระยะที่เศรษฐกิจพ้นจากวิกฤติแล้ว กลับพบว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย มิได้โดดเด่นกว่าประเทศเพื่อนบ้านเลย คือขยายตัวใกล้เคียงกับอินโดนีเซีย ต่ำกว่ามาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ และสูงกว่าเกาหลีใต้ (ซึ่งฟื้นตัวก่อนไทยและมีการกระตุ้นการบริโภคภายในเกินตัวในช่วงปี 2541-2543 จนส่งผลเสียให้อัตราการขยายตัวในระยะหลังแผ่วไปมาก) และหากดูอันดับการขยายตัวของไทยก็พบว่าในระยะสองปีนี้ อันดับของไทยตกไปอย่างรวดเร็ว คือในปี 2548 อยู่ในอันดับที่ 15 จาก 26 ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย จากที่เคยอยู่อันดับที่ 6-7 ในระยะ 3 ปีก่อนหน้า

คำอธิบายหนึ่งของการขยายตัวที่ชะลอตัวลงของไทย อาจมาจากปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของรัฐบาลทักษิณเอง เช่น เรื่องไข้หวัดนกและเรื่องสึนามิเป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลของสองเหตุการณ์นี้ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมิได้มีมากอย่างที่หลายฝ่ายคาดคิด ตัวอย่างเช่น รายได้จากการท่องเที่ยวที่ขาดหายไปในปี 2548 เนื่องจากสึนามินั้นคิดเป็นเพียงประมาณร้อยละ 0.35 ของ GDP เท่านั้น

กล่าวโดยสรุป อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลทักษิณนั้น เมื่อทำการเปรียบเทียบกับประสบการณ์ในอดีต และกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ความแตกต่างในเรื่องของจังหวะเวลา และระดับการขยายตัวส่วนใหญ่ยังคงอธิบายได้ด้วยปัจจัยภายนอก ในขณะที่ผลทางเศรษฐกิจส่วนที่มาจากการบริหารนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่าประเทศใดดีกว่าประเทศใดอย่างชัดเจน

ทฤษฎี Dual Track Economy

ทฤษฎี Dual Track Economy ตามที่เสนอโดยรัฐบาลทักษิณนั้นสาระหลัก คือการให้ความสำคัญกับอุปสงค์ภายใน และภายนอก เท่าเทียมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลทักษิณไม่เคยมีความชัดเจนว่า สมควรใช้ทฤษฎีนี้ในภาวะการณ์ใดบ้าง ในส่วนนี้จะทำการวิเคราะห์นัยสำคัญของทฤษฎีนี้ว่ามีอยู่มากน้อยเพียงใด และรัฐบาลทักษิณมีส่วนมากน้อยเพียงใดในการดำเนินการตามทฤษฎีนี้ วิธีการคือการสร้างแบบจำลองขนาดเล็ก ที่อธิบายอัตราการเจริญเติบโตของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านจากปัจจัยภายนอก (การส่งออก) และปัจจัยภายใน (การบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ) ซึ่งผลการประมาณการเสนอในตารางที่ 4 พบว่าการกระตุ้นการบริโภคภายใน จะได้ผลดีสำหรับประเทศไทยและเกาหลีใต้

เนื่องจากมีค่าสัมประสิทธิ์สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในขณะที่การกระตุ้นด้วยการใช้จ่ายภาครัฐมีผลไม่มากนัก โดยเฉพาะในกรณีของไทยมีผลต่ำ (เกาหลีใต้ไม่มีผลเลย) ส่วนประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซียและเกาหลีใต้ ได้ประโยชน์จากปัจจัยภายนอกสูงกว่าประเทศอื่นๆ ผลตรงนี้แสดงว่าการกระตุ้นการบริโภคภายในสำหรับประเทศไทย จะมีส่วนช่วยเร่งการขยายตัวของเศรษฐกิจได้ ซึ่งเป็นการสนับสนุนแนวคิด Dual Track Economy แต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่า ปัจจัย "ยุคทักษิณ" มิได้มีผลในการอธิบายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยและประเทศเพื่อนบ้านเลย (ยกเว้นฟิลิปปินส์ ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่สูงในช่วงเวลาตรงกับที่รัฐบาลทักษิณบริหารประเทศไทย) ตรงกับข้อสังเกตก่อนหน้านี้ว่ารัฐบาลทักษิณมิได้มีผลงานที่โดดเด่นกว่ารัฐบาลประเทศอื่นๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน

จากคุณ : coco wizard
เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 17:10:29 A:180.222.200.15 X:



ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com