บุคคลในข่าว ไทยรัฐ หน้า4 เห่าไฟ เขียนดีมากๆครับ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ  ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2554............

ผ่าน มาเกือบเดือน หลังเลือกตั้งใหญ่เสร็จสิ้น แต่การเมืองไทย ยังไม่ไปถึงไหน เพราะคนเขียนรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ มาจากประชาชน ก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับอำนาจของประชาชน   คิดแต่ว่า ทำอย่างไร จึงจะใช้กลไกที่ ไม่ได้มาจากประชาชนมา  ลดทอนอำนาจประชาชนให้ได้มากที่สุด แล้วก็อ้างว่า ต้องถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งทำเช่นนี้ ผิดหลักการประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง!!!............

“เห่าไฟ” พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า  อำนาจของประชาชนเป็นอะไรที่ถ่วงดุลไม่ได้  ตรงกันข้าม  อำนาจประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ต้องมีการถ่วงดุล  จึงจะมี  ประสิทธิภาพสูงสุด  แต่ต้องระมัดระวังในการเลือกใช้ กลไกถ่วงดุล ให้เหมาะสม ไม่ใช่ เอาอำนาจอะไรก็ไม่รู้มาถ่วงดุลอำนาจประชาชน ชาวโลกเขาเห็นก็  ตลกขบขัน  เหมือนที่บรรดาทูตนานาประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พิลึก หลังประชาชนลงประชามติเลือกตั้งแล้ว  แทนที่การเมืองไทยจะชัดเจน แต่กลับอึมครึม  เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน  เพราะ กกต.มีอำนาจเหนืออำนาจของประชาชนมากมายมหาศาล  สามารถกำหนดทิศทางการเมืองได้!!!............
“เห่าไฟ” อยากให้ทุกฝ่ายลองคิดให้ดี  จุดประสงค์ของการยุบสภา ก็เพื่อใช้การเลือกตั้งเป็นทางออกในการแก้ปัญหาใช่หรือไม่  นักการเมืองและประชาชนต่างก็คิดเหมือนกันว่า  การไปหย่อนบัตรลงคะแนนจะทำให้ทุกอย่างชัดเจน  แต่กลับมีการเขียนรัฐธรรมนูญให้อำนาจ กกต. สามารถทำให้ความชัดเจนหลังลงประชามติ เกิดความอึมครึมได้  ก็เลยมีคำถามว่า แล้วจะเลือกตั้งกันไปทำไม จะยุบสภาไปถามความเห็นประชาชนทำไมกัน!!!............

เพราะอำนาจ  กกต.สามารถกำหนดชะตากรรมรัฐบาลได้ พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง อาจไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย เรื่องนี้  คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ต้องแก้ไขเพื่อทำให้อำนาจของประชาชนหลังเลือกตั้งสง่างามกว่านี้  ไม่ใช่เอาอำนาจของประชาชนส่วนใหญ่ที่ลงมติ อย่างใดอย่างหนึ่ง ไปผ่านการอนุมัติจาก กกต.ที่มีแค่ 5 คนว่า  เห็นชอบหรือไม่!!! ............

ข้อสำคัญ หากพูดกันตาม หลักกระบวนยุติธรรม  การให้อำนาจ กกต.ไปอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งสอบสวนและตัดสิน คงไม่ถูกต้องนัก เพราะไม่เช่นนั้น ก็ต้องให้อำนาจอย่างเดียวกันนี้กับ ตำรวจ หรือ เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่สอบสวนอย่างเสมอกัน ฉะนั้น อำนาจหน้าที่ของ กกต.หลังเลือกตั้ง น่าจะอยู่ในขอบเขตของการสอบสวนสืบสวนและส่งสำนวนสู่ศาลเพื่อตัดสินชี้ขาด มากกว่าจะกำหนดอำนาจเอาไว้มากมายจนไปรุกล้ำอำนาจของประชาชนเช่น นั้น!!!............

ส่วนอำนาจของประชาชน ก็ต้องไปกำหนดให้เกิดการ ถ่วงกันเองในรัฐสภา ซึ่งเป็นอำนาจของประชาชนด้วยกันเอง เช่น เพิ่มอำนาจให้ฝ่ายค้านและวุฒิสมาชิกในการถ่วงดุลอำนาจรัฐบาล เหมือนที่นานาอารยประเทศเขาทำกัน ไม่ใช่ไปให้อำนาจใครก็ไม่รู้มา  ระงับยับยั้งอำนาจประชาชน จนต่างชาติเห็นแล้วเกิดความตลกขบขันเช่นนี้!!!............
“เห่าไฟ” อยากบอกว่า หากสังคมไทยจะนำประชาธิปไตยมาใช้บริหารบ้านเมือง ก็ต้องใช้ให้ถูกต้องและมีเหตุมีผลเหมาะสม  อย่าใช้ประชาธิปไตยแบบเพี้ยนๆ จนแขกบ้านแขกเมือง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย มันน่าอาย บางคนอาจหน้าหนา ไม่รู้สึกอะไร แต่คนไทยไม่ได้หน้าหนาทุกคน   ต้องรู้สึกว่า ทำไมต่างชาติ ถึงถามอย่างนั้น  ถ้าเห็นว่า ไม่ถูกต้องก็ต้องรีบแก้ไขทันที!!!............

สำหรับการถ่วงดุล รัฐบาล หรืออำนาจฝ่ายบริหารที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชนในส่วนที่มาจากการเลือก ตั้ง  นอกจากกำหนดให้มีการถ่วงดุลกันเองในรัฐสภาแล้ว  ตามความเห็นของ “เห่าไฟ” ซึ่งได้ข้อสรุปจาก เหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยาฯ หรือเรียกว่า หักดิบอำนาจประชาชน พบว่าหลังจากใช้วิธีถ่วงดุลด้วยปืน ได้เกิดปัญหาตามมามากมายเกินไป  สหรัฐฯ  อังกฤษ  หรือหลายๆประเทศที่เจริญแล้วในยุโรป ต่างเลิกใช้วิธีนี้ เพราะล้าสมัยสุดๆ ได้ไม่คุ้มเสีย เรื่องนี้ ไม่ต้องอธิบายอะไรยืดยาว เพราะคนไทยก็เจอกับตัวเองกันมาแล้ว!!!............
วิธีที่ดีที่สุดในการถ่วงดุลคู่ขนานไปกับกลไกตรวจสอบของรัฐสภา ก็คือ ใช้กลไกของสังคม ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน กลุ่มพลังมวลชน ฯลฯ ตรวจสอบไปจนกว่าทัศนคติของประชาชนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนแปลงแล้วทำให้เกิดผลใน การเลือกตั้งครั้งต่อไป นี่คือ  เงื่อนไขของการใช้ระบอบประชาธิปไตย ไม่สามารถทำอะไรนอกลู่นอกทางได้ ยังไงก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น พูดง่ายๆก็คือ ต้องใช้สมอง ห้ามใช้กำลัง ไม่เช่นนั้น ปัญหาไม่จบ!!!............

ว่าแล้วก็ขอตรวจสอบกันตั้งแต่วันนี้  โดย เฉพาะนโยบายขายฝันของเพื่อไทย “เห่าไฟ” ยอมรับว่า ล้วนแต่ดีๆทั้งนั้น แต่ปัญหาคือ จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่เห็น  มาตรการรองรับเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบ  ยกตัวอย่าง นโยบายค่าแรง 300 บาท ถือว่าดีมากๆ เพราะลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และส่งผลดีต่อเศรษฐกิจหลายมิติ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า รัฐบาลต้องคุมเงินเฟ้อให้ได้ ไม่เช่นนั้น ก็เปล่าประโยชน์ และจะ เละเทะไปกันใหญ่!!!............
อีกเรื่อง การแจกแท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์วางมือให้แก่เด็กนักเรียน ป.1 ทั่วประเทศ  ต้องถือเป็นเรื่องดีอีกเหมือนกัน แต่ปัญหาคือ ระบบการศึกษาและการเตรียมความพร้อมให้แก่เด็กนักเรียน  ป.1 เพื่อใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงให้เกิดประสิทธิผลสูง ได้มีการบริหารจัดการให้สอดรับกันหรือไม่ เพราะปัจจุบัน ปัญหาของระบบการศึกษา  การเรียนการสอนของเมืองไทย ยังแก้กันไม่จบ  เรียกว่า จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยด้วยซ้ำไป วันหน้า “เห่าไฟ” จะเอาปัญหานี้มาตีแผ่กันจะจะ คำถามก็คือรัฐบาลใหม่ ลดแลกแจกแถมไม่อั้นอย่างนี้ คนรับต่างก็ชอบอกชอบใจ แต่ต้องระวังให้ดี  เพราะกระบวนการตรวจสอบเพื่อวัดผล ก็เข้มข้นไม่แพ้กัน!!!............

เขียนดีมากครับวันนี้คุณเห่าไฟ

จากคุณ	: บำรุงร่างกาย
เขียนเมื่อ	: 31 ก.ค. 54 15:29:14 A:183.89.52.208 X: