
"คนไม่บ้า" ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า "คนไม่บ้า"
ผมเผ้าสีเทาปนน้ำตาล ยาวประบ่ารุงรังพันกันเป็นมัด ๆ เหมือนไม่ได้โดนน้ำพบหวีมาเป็นร้อยปีแล้ว
ร่องตาหยิบหยีเรียวเล็ก ลูกตาดำขลับแต่ดูเหมือนไร้แวว
หน้าผากกว้าง จมูกใหญ่แต่แบนราบ รูจมูกพะเยิบยาบเหมือนท่อไอเสียรถ
ริมฝีปากหนา คางเหลี่ยม รูปร่างล่ำสัน
เสื้อผ้าสกปรกเก่าคร่ำคร่าขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวมอมแมม เหมือนลูกหมาจอมซนที่เพิ่งลุยโคลนมายังไงยังงั้น
เล็บมือเล็บเท้าดำปี๋ยาวน่ากลัว
เท้าหนาหนักเปล่าเปลือย กร้านและด้าน
รอบ ๆ ฝ่าเท้ามองเห็นรอยแตกดำน่ากลัว เห็นแล้วน่าคิดว่าถ้าเหยียบเศษแก้วมันจะบาดเท้าได้ไหม
เขาเดินแบกกลองท่องไปทั่วตลาด เป็นกิจวัตรประจำวันของเขา
มือฟาดกลองดังตูม ๆ ปากก็ตะโกน "ใครตีกลอง ไอ้นั่นบ้า"
เป็นที่ขบขันเฮฮาของพ่อค้าแม่ค้าและคนที่มาจับจ่ายซื้อของกันทุกวัน ๆ
ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร บ้านอยู่ไหน ไปไงมาไง เย็นย่ำค่ำตลาดวาย เขาก็หายไปอย่างเงียบ ๆ
เช้า เขาก็จะมาอย่างเงียบ ๆ จนเข้าถึงในตลาดนั่นแหละ เขาถึงจะเริ่มตีกลองร้องคำ
บรรดาพ่อค้าแม่ค้า เมื่อเห็นเขาเดินตีกลองร้องคำนานไป ก็จะให้ของกินบ้าง เพราะกลัวเขาจะเหนื่อยจนเป็นอะไรไป
เป็นอย่างนี้มาสองสามปีแล้ว
เย็นวันนั้น ผมแวะเป๊กยาดองที่ตลาดอย่างเคย
ไม่สนหรอกครับพวกม้ากระทืบโรง โด่ไม่รู้ล้ม สำหรับหล่ออย่างผม แค่เสือ 11 ตัวก็เหลือเฟือ
แต่เมาทีไรสิ้นลายเสือ กลายเป็นแมวทุกที เป็นแมวสีสวาทซะด้วย น่ารักน่าเอ็นดู
ขณะผมกำลังเพลิดเพลินกับการลิ้มรสทิพย์จิบยาดองทีละครึ่งแก้วอยู่นั้น
"คนไม่บ้า" ก็เดินตีกลองผ่านมาพอดี ด้วยอารมณ์กำลังครึ้มได้ที่ ผมเลยร้องชวนไปว่า "เฮ้ย ไอ้บ้า กินเหล้า"
เขาหันมามองผม ยิ้ม แล้วเดินผ่านไป
เย็นวันต่อมา เวลาเดิม สถานที่เดิม "คนไม่บ้า" เดินผ่านมาอย่างเคย
ผมจึงร้องทักไปว่า "พี่ ๆ ซดยาดองครับ แก้เหนื่อย" เขายิ้ม แต่ก็แค่ยิ้มแล้วเดินผ่านไป
ต่อมาอีกวัน
ขณะที่ "คนไม่บ้า" เดินมาอย่างเคย ผมเฉย ไม่มีอารมณ์ที่จะหยอกเย้าทักทายเขา
แต่ผลมันกลับตาลปัตร เขาหยุกกึกตรงหน้าผม จ้องหน้า ตะโกนใส่ผมเสียงดังว่า
"เฮ้ย สนใจกูหน่อยสิ" สายตากร้าววาววับจับจ้องผม เอื้อมมือมาขยุ้มคอเสื้อผม
อ้าว สวยสิ ผมกำลังได้ที่อยู่พอดี ผมเลยผลักเขาออกไปแล้วถีบตาม
"ทำแบบนี้ บ้าแค่ไหนกูก็เตะได้นะโว้ย" ผมชี้หน้าด่าเขา
"คนไม่บ้า" เซแซ่ด ๆ วินาทีนั้นผมนึกว่าเขาจะโกรธและโถมกลับเข้ามาเล่นงานผม
แต่ผิดคาด เขากลับนั่งลงร้องไห้งอแงเหมือนเด็ก ผมตกใจมาก แว่บคิดตอนนั้นว่าผมทำอะไรผิดใหญ่ยิ่งซะแล้วสิ
ผมรีบเดินเข้าไปหาเขา จากอารมณ์โกรธขึ้ง เปลี่ยนเป็นอารมณ์สงสารและรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ผมพยายามพูด ขอโทษและปลอบเขาอยู่นาน คนอื่น ๆ ก็เข้ามาช่วยพูด แต่ไม่ได้ผล เขายังงอแงเหมือนเด็ก
นานเกือบครึ่งชั่วโมง เขาก็ลุกขึ้นดื้อ ๆ แล้วพูดว่า "งอลลลล" แล้วเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ในแบบฉบับของเขา
เล่นเอาพวกผมงงเป็นไก่ตาแตก
วงยาดองวันนั้น ยืดยาวถึงค่ำย่ำดึกกว่าทุกวัน เพราะเราคุยกันเรื่อง "คนบ้าก็งอนเป็น" กันอยู่ตั้งนานสองนาน
........................................................
จบดื้อ ๆ ยังงี้แหละครับ
หิวยาดอง
