 |
ครม.เซ็งฮวย ..ครม.ของคนที่ดีแต่พูด ..ครม.นัดพิเศษ ภายใต้การนำของนายกฯชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ..โหลยโท่ย เช่นเคย
|
 |
ก่อนอื่นลองอ่านข่าวที่ manager on line ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนให้ข่าว ทำไมถึงรู้ละเอียดนัก ------------------------------------------------------------------------------- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม.นัดพิเศษเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ส.ค. ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการหยิบยกและเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือถึงการดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทกรณีเยอรมันอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ เป็นเวลากว่า 1 ช.ม. โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวที่ประชุมครม.ว่า ได้มีแถลงการณ์ออกมาในเวลา 04.00 น. ทั้งนี้ในที่ประชุมครม. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ได้ชี้แจงและขออนุมัติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศและอัยการสูงสุด อาทิ เช่น ค่าจ้างทนายความ ค่าธรรมเนียมศาลในการต่อสู้คดี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ครม.ได้อนุมัติให้เพียงงบประมาณในส่วนของค่าจ้างทนายและค่าธรรมเนียมศาลประมาณ 30 ล้านบาท แต่ไม่มีการอนุมัติวงเงินวางประกันเพื่อการถอนอายัดเครื่องบิน วงเงิน 850 ล้านแต่อย่างใด โดยครม.ส่วนใหญ่มีความเห็นว่าบริษัท วอลเตอร์ บาว ไม่มีสิทธิที่จะไปฟ้องร้อง ขณะที่ในส่วนของค่าธรรมเนียมศาล 3 แสนยูโร คัดค้านการอายัดเครื่องบินทางสถานทูตได้มีการจ่ายสำรองไปก่อนแล้ว ส่วนค่าทนายคัดค้านการอายัด 267,618 ยูโร และค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีศาลเมืองลาน ชูตส์ หรือคดีที่รัฐบาลจะฟ้องวอเตอร์ บาว มีจำนวน 10 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอีกว่าอัยการสูงสุดได้รายงานว่าการต่อสู้คดีดังกล่าว มีการวางแนวทางและประเด็นที่จะต่อสู้เอาไว้แล้ว โดยทางฝ่ายไทยเห็นว่าบริษัท วอเตอร์ บาว ในฐานะผู้ร่วมทุนของบริษัท ดอนเมือง โทลล์เวย์ ไม่น่าจะมีสิทธิไปฟ้อง และดำเนินการในขั้นอนุญาโตตุลาการ แต่เขาก็ไปฟ้องร้อง โดยไม่ได้ฟ้องว่าฝ่ายไทยผิดสัญญา
แต่เขาใช้สิทธิฟ้องตามสนธิสัญญาร่วมทุน แต่เราก็เห็นว่าบ.วอลเตอร์ บาวไม่น่ามีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นแค่ผู้ร่วมทุนของบ.ดอนเมือง โทลล์เวย์เท่านั้น ซึ่งเรามีหลักฐานใหม่ที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถไปโต้แย้งหักล้างได้ เพราะ มีเอกสารแนบท้ายสัญญาร่วมทุนระหว่างบริษัท วอลเตอร์ บาวกับบริษัท ดอนเมือง โทลล์เวย์ ที่เขียนเอาไว้ว่า บริษัท วอลเตอร์ บาว ในฐานะแค่ผู้ร่วมทุนจะไม่มีสิทธิไปฟ้องร้องได้
ซึ่งการดำเนินการตอนนี้เราอยากจะพูดคุยเจรจากับทางเจ้าหนี้ของบริษัท วอลเตอร์ บาว มากกว่า เราก็สงสัยว่าในเมื่อบริษัท วอลเตอร์ บาวก็ล้มละลายไปแล้ว แต่ทำไมจึงมีสิทธิฟ้องได้ ดังนั้นจึงต้องไปคุยกับเจ้าหนี้ซึ่งมีหลายราย แต่รายใหญ่สุดคือ ดอยซ์ แบงก์ ซึ่งครม.จึงได้ให้กระทรวงการคลังไปประสานงานเพื่อการเจรจากับทางดอยซ์แบงก์
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ได้ย้ำหลักการว่า บริษัท วอลเตอร์ บาว ไม่ใช่คู่กรณี ทำไมจึงมีสิทธิฟ้อง ถ้าเป็นอย่างนี้กรณีที่มีคนต่างชาติมาซื้อหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็จะถือเป็นผู้ร่วมทุนแล้วก็จะไปมีสิทธิฟ้องหรือ
ซึ่งในที่สุด ครม.ส่วนใหญ่ก็มีท่าทีเห็นด้วยที่จะให้สู้คดีต่อ แต่ยังไม่มีมติเพื่อมอบอำนาจใด ๆ ให้อัยการสูงสุดไปดำเนินการได้ เนื่องจากเมื่อแถลงการณ์ ของสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง ออกมาจึงต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ขัดแย้งกับการที่มีแถลงการณ์ สำนักพระราชวังออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ภายหลังประชุมครม.นายกฯยังได้มีการหารือนอกรอบร่วมกับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด นายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวานิช รมว.คลัง อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง นางวลัยรัตน์ ศรีอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และเลขาธิการครม.ต่ออีกเกือบ 1 ช.ม
-------------------------------------------------------------------------------- ถ้าข่าวนี้เป็นจริง ซึ่งก็ไม่น่าพลาด เพราะ ปกติพวกรัฐมนตรี รัฐมนโททั้งหลายก็ชอบแอบให้ข่าวเพื่อเอาใจ สื่อฯมาแต่ไหนแต่ไหร อยู่แล้วเพราะผลประโยชน์ต่างตอบแทน..ที่สำคัญข่าวนี้ก็เผยแพร่ทางโทรทัศน์ ไปที่เรียบร้อยแล้ว..
แต่ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า
1 ) ที่ผ่านมาแสดงว่ารัฐบาลชุดนี้ ไม่เคยทำการบ้านเลยใช่มั้ย ..ทำไมเพิ่งจะมาตื่น มาหาข้อต่อสู้เพื่ออุทรณ์ เจอเอาตอนนี้ แถมมั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวสามารถหักล้างกันได้ ?
2 ) ค่าธรรมเนียมศาล บวกค่าทนาย ฯเฉพาะคดีอายัด เครื่องบินส่วนพระองค์ ก็ประมาณ 30 ล้านบาท จะว่าแพง มันก็ไม่แพง แต่ทำไม ครั้งแรกไม่ทำ ไม่จ่าย ไม่วางเงินศาล แล้วคดีที่จะไปอุทรณ์ศาลที่นิวยอร์คอีกล่ะ ไม่รู้อีกเท่าไหร่ ก็เท่ากับมิเสีย 2 เด้งหรือ..?
3 ) คดีนี้ไม่ใช่เรื่องคดีความมั่นคงระหว่างประเทศ ทำไมประชาชนไม่รู้ หรือไม่อยากให้ประชาชนรู้เพราะกลัวเสียหน้า ขอถามถึงเรื่องใบเสร็จ ของค่าใช้จ่าย พวกคุณจะให้ความกระจ่างได้ไหม..เพราะมันไม่ใช่งบลับ ?
4 ) พวกคุณคิดว่า คู่กรณีเขาโง่ หรือไง..เล่นเปิดไต๋ออกมาหมดอย่างนี้..ถ้าเปรียบเป็นการเล่นไพ่ ก็เตรียมจ่ายรอบวงได้เลย..
5 ) ทำไมไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้นมาพิจารณาควบคู่กัน ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านฯ มาประกอบการตัดสินใจ ก็เห็นว่า นายกษิต ก็นั่งอยู่ในที่ประชุมครม. ด้วยมิใช่หรือ หรือปล่อยให้เลย ตามเลย..ยกยอดไปให้รัฐบาลหน้า ..หรือ รู้ว่ามีคนอื่นเขาจัดให้เรียบร้อยแล้ว ?
ผมไม่อยากจะซ้ำเติม เพราะเงินที่ต้องจ่ายไป มันก็เป็นเงินภาษีของประชาชน และถ้าจำเป็นต้องจ่ายก็ต้องจ่าย แต่ต้องจ่ายแบบมีศักดิ์ศรี..ไม่ใช่จ่ายเพราะเสียค่าโง่แบบนี้..ไอ้ ครม.เซ็งฮวย ภายใต้การนำของคนช่างพูด..แต่ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง
*แก้ไขตัวเลขครับ
แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 54 06:26:06
จากคุณ |
:
แมวน้ำสีคราม
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ส.ค. 54 06:19:43
A:180.180.215.14 X:
|
|
|
|  |