คุณอภิชาติ สุขัคคานนท์ ครับ
ความจริงแล้ว คุณน่าจะลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชองตั้งแต่คุณพลาดในเรื่องยุบพรรค ปชป. แล้วครับ
แต่คุณก็ไม่อาย หน้าด้านนั่งทำงานต่ออย่างไม่รู้สึกอะไร
วันนี้ ตามข่าวนี้
...วันนี้ (3 ส.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยว่า ตนได้มีความเห็นไปแล้วว่ากรณีนายจตุพรไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเห็นว่าขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในวันเลือกตั้ง 3 ก.ค.แล้วที่นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง...
( โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์)
ให้ตายเถอะครับคุณอภิชาติ การที่คุณบอกว่าจตุพรขาดสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทยเพราะไม่ได้ไปเลือกต้้งในวันที่ 3 ก.ค. 2554 นี่
คุณเอาอะไรคิด เอาอะไรตีความครับ
อย่าบิดกฎหมายสิครับ ก็ขนาดคนที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์โดยทั่วไป ยังสามารถชี้แจงได้ ว่ามีเหตุอันสมควรหรือไม่
กรณีจตุพรนี่ เพราะศาลไม่ให้ประกันตัวครับ เขาจึงไปเลือกไม่ได้ เมื่อเขาไปไม่ได้เพราะมีเหตุ
มันก็ต้องมาพิจารณาเหตุว่า สมควรแก่เหตุไหม ไม่ใช่จะตีความแค่ว่าไม่ได้ใช้สิทธิ์ ขาดสมาชิกภาพ
การขาดสมาชิกภาพพรรคการเมือง มันก็ต้องควรให้พรรคการเมืองเขาพิจารณาด้วยไม่ใช่หรือ
มันก็ต้องควรให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองเขาวินิจฉัยด้วยไม่ใช่หรือ
พรรคการเมืองเขาจะตัดสมาชิกภาพของสมาชิกพรรคง่าย ๆ โดยไม่ฟังเหตุฟังผลดูเหตุดูผลเชียวหรือ
ตัวรัฐธรรมนูญเองแท้ ๆ ยังไม่มีบทลงโทษใด ๆ แก่ผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
แล้วคุณเป็นทวดามาจากไหน ถึงจะมาตีความในลักษณะลงโทษเขาถึงขนาดไม่รับรองเป็น ส.ส. ได้
เฮ้ย... เป็นถึงอดีตผู้พิพากษานะเว้ยเฮ้ย
ถ้าคุณจะยึดเอาวันที่ 3 ก.ค. เป็นหลัก
มันก็มีคำถามว่า วันที่จตุพรเขาสมัคร แปลว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วน
วันที่ประชาชนเลือกเขา เขาก็เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยโดยสมบูรณ์
พอพ้นบ่ายสามโมงวันที่ 3 ก.ค. จตุพรไม่ไปเลือกตั้ง จตุพรขาดสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทย
มันก็แปลว่า เขาได้รับเลือกเป็น ส.ส. ก่อนขาดสมาชิกภาพน่ะสิ
เขาได้รับเลือกไปแล้ว เหลือเพียงการรับรองอย่างเป็นทางการเท่านั้น
มันก็แปลว่า ขณะที่เขาได้รับเลือก เขามีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ
แล้วคุณจะไม่รับรองเขาได้อย่างไร
จตุพรไม่ได้ไปเลือกตั้ง ถ้าเขาจะขาดสมาชิกภาพ มันก็ต้องหลังบ่ายสามโมงแล้ว
แต่การเลือกตั้งสิ้นสุดก่อนบ่ายสามโมง มันก็แปลว่าจตุพรได้รับเลือกเรียบร้อยแล้ว
ได้รับเลือกในขณะที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
ทีนี้ เมื่อได้รับเลือกแล้ว ถ้าเขาขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกทีหลัง อันนี้มันต้องใช้กฎหมายอีกเรื่อง
คุณจะบอกว่าเขาขาดคุณสมบัติ ไม่มีสิทธิ์เป็น ส.ส. ไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด !!!
สรุปง่าย ๆ หากตีความโดยอ้างเรื่องการไม่ไปใช้สิทธิในวันที่ 3 ก.ค. ของคุณ มันก็แปลว่า
การเลือก การได้รับเลือก มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการขาดสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทยโว้ย
ฉะนั้น จตุพรได้รับเลือกเป็น ส.ส. ก่อนขาดสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทยโว้ย
เมื่อหลังบ่ายสามวันที่ 3 ก.ค. จตุพรขาดสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทย เขาก็หาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน
เมื่อเขาไม่หาพรรคใหม่สังกัด ภายใน 60 วัน เขาก็สมัครกลับเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้
มันจะมีปัญหาอะไร
อะไรว่ะ เขาไม่ไปเลือกตั้ง บอกว่าเขาขาดสมาชิกภาพพรรคการเมือง
แต่ไม่คิดหรือไง ว่าขณะที่ประชาชนหย่อนบัตรเลือกนายจตุพรอยู่นั้น นายจตุพรมีคุณสมบัติครบถ้วน
คนเลือกมีสิทธิ์ครบ คนได้รับเลือกมีคุณสมบัติครบ แล้วจะไม่ให้เป็น ส.ส. ได้อย่างไร
เอาเหตุการณ์หลังบ่ายสาม มาพิพากษาเหตุการณ์ก่อนบ่ายสามได้อย่างไร
บ๊ะ
หากจะพิจารณาว่า นายจตุพรเป็น ส.ส.แบบสัดส่วน
เมื่อขาดสมาชิกภาพพรรคการเมืองก็ตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. ไป แล้วเลื่อนคนอื่นมาแทน
มันก็มีคำถามว่า การเลือก การได้รับเลือก กับการขาดสมาชิกภาพพรรคการเมือง อะไรมันเกิดก่อนกัน
มันก็วนเป็นหมางับหางอยู่นี่แหละ
เออ... ถ้าบอกว่า จตุพรขาดคุณสมบัติก่อนวันที่ 3 ก.ค. ก็ว่าไปอย่าง
บ๊ะ
ขอโทษเถอะครับคุณอภิชาติ สุขัคคานนท์ ผมว่าคุณลาออกซะเถอะครับ ตัวเองไม่รู้สึกอาย ก็คิดถึงองค์กรที่คุณทำงานอยู่บ้างเถอะนะ.
