
ประธาน กกต.ยัน "จตุพร" ควรพ้นสภาพในวันเลือกตั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่า ตนได้มีความเห็นไปแล้วว่ากรณีนายจตุพรไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะเห็นว่าขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองในวันเลือกตั้ง 3 กรกฎาคมแล้วที่นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้น กกต.ก็น่าจะมีอำนาจที่จะพิจารณาได้ ส่วนการลงสมัครรับเลือกตั้งของนายจตุพรนั้น ยังไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติ
"เหมือนตัวอย่างเรารู้ว่าคนมาทำงานกับบริษัทไม่ได้มีวุฒิปริญญาตรีแล้วบริษัทจะรับคนคนนี้เข้ามาทำงานได้อย่างไร กกต.น่าจะต้องชี้ว่าคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งขาดคุณสมบัติจนกระทั่งถึงวันที่จะต้องรับรองประกาศผลให้เป็น ส.ส.หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้น่าจะมีศาลไหนมาชี้ก่อน เพียงแต่ กกต.อีก 4 ท่านมองว่าไม่ใช่อำนาจ กกต.ที่พิจารณาว่านายจตุพรขาดจากสมาชิกพรรคก็ได้ แต่ผมมองว่าเป็นอำนาจ กกต.ในพิจารณาได้" นายอภิชาตกล่าว
นายอภิชาตกล่าวว่า ทั้งนี้ กกต.ท่านอื่นเห็นควรให้ส่งเรื่องนายจตุพรไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อส่งไปศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และกรณีนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะต้องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองวินิจฉัยเพราะเป็นเรื่องของ กกต.จะวินิจฉัย อีกทั้งกรณีแบบนี้ก็เคยมีการวินิจฉัยว่าจะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1312370656&grpid=03&catid=&subcatid=
บริษัทรับพนักงานที่มีวุฒิปริญญาตรี เมื่อมีผู้มาสมัครเข้าทำงาน บริษัทก็ตรวจสอบคุณสมบัติ
เมื่อเห็นว่าไม่มีวุฒิปริญญาตรีตามเงื่อนไขการรับสมัครที่บริษัทกำหนด แน่นอน บริษัทย่อมรับเข้าทำงานไม่ได้
การที่นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. อดีตผู้พิพากษายกกรณีเปรียบเทียบแบบนี้
มันไร้วุฒิภาวะสิ้นดี !!!
การณีการรับพนักงานนี้ บริษัทไม่รับ รับไม่ได้ เพราะผู้มาสมัครงาน "ขาดคุณสมบัติตั้งแต่ต้น" แล้ว
ไม่มีคุณสมบัติตามที่บริษัทต้องการ ไม่ตรงตามเงื่อนไขของบริษัท
แต่กรณีของนายจตุพรมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง !!!
นายจตุพรมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ ครบถ้วนถึงขนาดนายอภิชาติเองยังรับรองคุณสมบัติให้
ครบถ้วนถึงขนาดนายอภิชาติบอกว่า "ส่วนการลงสมัครรับเลือกตั้งของนายจตุพรนั้น ยังไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติ"
และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ก็รับรู้จาการรับรองของนายอภิชาติว่านายจตุพรมีคุณสมบัติครบถ้วน
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ประชาชนผู้อยากให้นายจตุพรเป็น ส.ส. จึงได้ลงคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรคเพื่อไทย
แต่แล้ว นายอภิชาติก็บอกว่า นายจตุพรขาดคุณสมบัติเพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.
จึงไม่รับรองนายจตุพรให้เป็น ส.ส. โดยเปรียบเทียบกับการรับพนักงานของบริษัท
เบื๊อกจริง ๆ
เอาเรื่องเอาประเด็นที่ไม่เกี่ยวกันมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร ไร้วุฒิภาวะสิ้นดี
หากจะเปรียบแบบนายอภิชาติ ก็แปลว่านายจตุพรไม่มีวุฒิปริญญาตรี แล้วมาสมัครงาน บริษัทรับไว้
แต่ต่อมาได้ตรวจสอบว่าไม่มีวุฒิเป็นปริญญาตรี จึงได้ปลดนายจตุพรออกจากการเป็นพนักงาน
มั่วจริง ๆ
มั่วเพราะ กรณีพนักงานนั้นมันขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่ต้น ต่างกันกับกรณีนายจตุพร คนละเรื่อง คนละทีป
เอามาเปรียบกันได้ไง นี่หรืออดีตผู้พิพากษา
ใบปริญญาน่ะ มันไม่มีมาตั้งแต่ต้น แต่เรื่องคุณสมบัตินายจตุพรน่ะมันครบมาก่อน ครบอย่างสมบูรณ์ด้วย
มันเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ทำตามใบสั่งใครหรือเปล่าว่ะ
ถึงได้ยกตรรกะวิบัติมาเปรียบเทียบกันแบบนี้ หืออ.....
การรับรองความเป็น ส.ส. นั้น มันควรรับรองหลังการเลือกตั้งสิ้นสุด
หากไม่มีเรื่องทุจริตใด ๆ มันก็ต้องรับรองเขา เพราะประชาชนเลือกเขามาแล้ว
โดยเฉพาะกรณีนายจตุพรนี่ มันชัดว่า ประชาชนรับรู้ว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วน จึงได้เลือกเข้ามา
ประชาชนเลือกเรียบร้อย แล้วนายอภิชาติจะบอกว่า นายจตุพรขาดคุณสมบัติ ไม่รับรอง
มันก็พิลึกสิ้นดี พิลึกเพราะตัวเองรับรองเขาแท้ ๆ ว่าคุณสมบัติครบ
จะมาเล่นแง่ว่า ต้องดูคุณสมบัติจนถึงวันรองรองความเป็น ส.ส. มันเหมือนเด็กตีความหาเรื่องกันว่ะ
แทนที่จะดูจะยึดเสียงประชาชนเป็นหลัก ดันจะมายึดความเห็นตัวเองเป็นหลัก
ใหญ่มาจากไหนว่ะ
แล้วเรื่องวันที่ 3 ก.ค. น่ะ การจะตีความว่าจตุพรขาดสมาชิกภาพพรรคเพื่อไทยหรือไม่ มันก็ตีความได้หลายแง่
นายอภิชาติเป็นใคร ถึงจะมาตีความว่าขาด
ส่งศาลดีไหม เพื่อความเป็นธรรม ผู้เสียประโยชน์เช่นนายจตุพร เช่นพรรคเพื่อไทยเขาจะได้ต่อสู้
นี่อะไรว่ะ เล่นตีความเอง เออเอง สรุปเอง ตัดสินเอง ไร้วุฒิภาวะสิ้นดี
ปวดอึบ่ะ
จบดีกั่ว
