ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่านายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ได้รับการทาบทามจากพรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และต่อมาก็ปรากฎเป็นข่าวผ่านสื่อสารมวลชนบางแขนงว่า นายวิชิตฯไม่ขอรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอันมีสาเหตุมาจากการผิดเงื่อนไขข้อตกลงบางประการ
ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวข้างต้นนี้ จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนควรทราบเป็นเบื้องต้น ก่อนที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ารับหน้าที่เพราะปรากฎการณ์ในลักษณะเช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัยที่มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จนทำให้ประชาชนโดยทั่วไปที่ไม่รู้
ข้อเท็จจริงเกิดความเข้าใจผิดและเข้าใจไขว้เขวไปจากข้อเท็จจริง เกิดทัศนคติในทางลบและความหวาดระแวงในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งๆที่ยัง ไม่ได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินด้วยเหตุดังกล่าวนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำข้อเท็จจริงออกมา
ตีแผ่ให้ประชาชนโดยทั่วไปได้รับทราบโดยทั่วกัน
ในอดีตเมื่อสิบปีที่ผ่านมา นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ได้เคยถูกพลตรีจำลอง ศรีเมือง เมื่อครั้งยังเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมชักชวนให้เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง คมนาคมพร้อมๆกับพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตรที่เข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ชุดที่1 (พ.ศ.2537-2538) ในครั้งนั้นต้องถือว่า นายวิชิตฯทำงานประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงคือไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรทั้งสิ้น ในกระทรวงคมนาคม เพราะมุ่งจะ สร้างภาพ ให้ตัวเองดูดีเพียงประการเดียว นายวิชิตฯจึงเป็น นักสร้างภาพอีกคนหนึ่งในสังคมการเมืองไทยที่น่ารังเกียจและขยะแขยงประชาชนสามารถสอบถามและตรวจสอบข้อมูลได้จากคนที่มีโอกาสได้สัมผัสกับการทำงานร่วมกับนายวิชิตฯท่ามกลางสถานการณ์ ในปัจจุบันที่นายวิชิตฯ ถูกทาบทามให้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของรัฐบาล ชุดใหม่ นายวิชิตฯก็ยังคงนิสัยดั้งเดิมของที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง หรือปรับตัวให้ดีขึ้นแต่ประการใด ในการที่จะร่วมงานกับบุคคลอื่นๆในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ แต่นายวิชิตฯกลับใช้นิสัยดั้งเดิมของตัวเอง สร้างเงื่อนไขในลักษณะที่ต้องการสร้างภาพให้ตัวเองดูดีเพียงประการเดียวโดยไม่นำพาถึงการทำงาน ร่วมกันเป็นทีมของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่และยังใช้ความพยายามที่จะดึงบุคคลภายนอกในลักษณะ ที่เคยร่วมทีมกันสร้างภาพให้มาร่วมในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ให้ได้ซึ่งแน่ละ! ทางฝ่ายการเมืองที่เขา ร่วมกันจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เขาจำเป็นต้องปฏิเสธเงื่อนไขของนายวิชิตฯ ด้วยการตัดสินใจไม่ให้ นายวิชิตฯกระทำเช่นนั้นได้ จึงเป็นเหตุให้นายวิชิตฯไม่ได้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งในเวลาต่อมากลับปรากฎเป็นข่าวออกมาว่านายวิชิตฯออกมาปฏิเสธการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อันเนื่องมาจากทางฝ่ายการเมืองที่จัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ผิดเงื่อนไขข้อตกลง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ประการใดอีกทั้งยังมีข่าว ปรากฎว่าธนาคารไทยพาณิชย์ฯที่ นายวิชิตฯเป็นหัวเรือใหญ่อยู่นั้นได้ออกมาแถลงข่าวผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงตามที่ปรากฎเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของเช้าวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ.2554 โดยชี้แจงว่านายวิชิตฯยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของธนาคารฯ และไม่ได้มีการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ตลอดจนไม่ได้ตอบรับตำแหน่งใหม่อื่นใด” และยังมีการอ้างแหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทยว่าสาเหตุที่นายวิชิตฯ ไม่ตอบรับเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ 1”เนื่องจากผิดเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเงื่อนไขที่ให้ตัวเขาเป็นผู้คัดเลือกทีมเศรษฐกิจในกระทรวงการคลังกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงานและกระทรวงการต่างประเทศ แต่เมื่อไม่สามารถคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในกระทรวงสำคัญเหล่านี้ได้ จึงตัดสินใจไม่เข้าร่วมดังกล่าว”(ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์) นี่คือลักษณะ ของคนที่จะสร้างภาพให้ตัวเองดูดีแต่เพียงสถานเดียวโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง และสภาพความเป็นจริง ทางการเมืองในทางปฏิบัติที่จะทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นต่อไปได้ นักสร้างภาพ ทุกคน มักจะคิดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนแบบนายวิชิตฯแบบเดียวกันนี้โดยไม่มีข้อยกเว้นบุคคลเช่นนายวิชิตฯ จึงเป็นอุทาหรณ์ให้คนไทยในสังคมไทยทุกคนพึงต้องรู้เท่าทันคนจำพวกนี้และต้องไม่หลงหล ได้ปลื้มกับคนลักษณะสร้างภาพเช่นนี้อีกต่อไป
จึงแจ้งให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด
และเข้าใจไขว้เขวในประเด็น ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นนี้
จากกลุ่มประชาชนผู้รู้เท่าทัน “นักสร้างภาพ” ในประเทศไทย
5 สิงหาคม พ.ศ.
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 54 15:34:56
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 54 15:18:00
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 54 15:16:23
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 54 15:09:57
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 54 15:06:57
แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 54 15:05:30