จากการแสดงความ “เว่อร์”จนเกินเหตุ ไม่รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีที่เขาปฏิบัติกันมา พอเข้ามาถึงก็แสดงความเว่อร์ หรือ “กร่าง”ให้เห็น ..แค่อยากดัง

เมื่อเข้าสภาวันแรก ก็เล่นบท “แย่งที่นั่ง”กับพรรคชาติไทยพัฒนาเจ้าสังกัดเดิม บอกไม่พอใจเจ้าหน้าที่รัฐสภาจัดที่นั่งให้ไปนั่งด้านหลัง ซึ่งไม่จ๊าบ เลยใช้ความกร่างเปลี่ยนซะเอง..ใครจะทำไม

แถมมีการข่มขู่ เจ้าหน้าที่และ สส.อีกว่า “คราวหน้า ถ้าใครมานั่งตรงนี้ละก็ ก็จะมานั่งทับตักเสียให้เข็ด ให้มันรู้บ้าง ..ไผเป็นไผ”

วันนี้ เจ้าหน้าที่รัฐสภา ก็จัดที่นั่งให้ตามแปลนที่วางไว้ ชูวิทย์ก็มาจัดใหม่ แถมโวยวายเจ้าหน้าที่อีก จากนั้นก็เริ่มบท “ตัวป่วน” ..แย่งซีนบุญยอดของผม

พอเปิดประชุม ชูวิทย์ก็ลุกขึ้นเอะอะโวยวายกับประธานสภา “คนใหม่” ต่อว่าต่อขานเจ้าหน้าที่และประธานสภาฯ ซึ่งประธานฯก็พยายามประนีประนอม แต่ชูวิทย์ก็เล่นบท “ดื้อ” ไม่สนใจ แม้ประธานจะปิดไมค์ก็ยังพูดไม่หยุด ..ประธานจึงเริ่มเหล่

ยังไม่พอ “ทะลึ่ง”เอาค้อนผูกผ้าแดงไปให้ประธาน เป็นการประชดประชัน แล้วพยามจ้อต่อไปอีก  ประธานก็ขอร้องให้นั่งลง เพราะจะได้ประชุมเรื่องที่สำคัญของบ้านเมือง แต่ชูวิทย์ไม่สน จะคุยเรื่อง “แย่งที่นั่ง”..จะทำไม  ?

เมื่อประธานสั่งให้นั่ง ก็ไม่ยอม  จึงต้องใช้ข้อบังคับของสภา        ถ้าเมื่อประธานลุกขึ้นยืน สส.ทุกคนต้องนั่งลง หากไม่นั่ง..มีเฮ

ประธานสมศักดิ์ ลุกขึ้นยืน เพื่อบังคับให้สส.นั่งลง  สส.ทุกคนก็นั่งกันหมด  แต่นายชูวิทย์ไม่ยอมนั่ง แต่การไม่นั่งของชูวิทย์นั้น ครั้งนี้ อาจไม่ใช่เพราะดื้อด้าน ..แต่อาจเพราะตกใจ

ขณะที่ประธานลุกขึ้นยืน กล้องจับภาพมาที่หน้านายชูวิทย์ เห็นได้ว่าตอนนั้น ชูวิทย์แสดงสีหน้าอาการ “ตกใจมาก” อาจนึกไม่ถึงว่าประธานจะเล่นไม้ตาย ..รับไม่ทัน

เข้าใจว่า ตอนนี้ ชูวิทย์อยากจะนั่งลงใจจะขาด ถ้าประธานเชิญให้นั่งอีกครั้งเดียวเท่านั้น แต่เมื่อประธานไม่เชิญ จึงต้องทนยืนกระอักกระอ่วนอยู่ ..และมองเห็นแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนในอนาคต

เมื่อประธานนั่งลง พร้อมบอกว่า “เมื่อประธานลุกขึ้นยืน สมาชิกไม่นั่งลง ก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของสภา ก็ขอเชิญคุณชูวิทย์ออกจากห้องประชุม”เสียงปรบมือเกรียวกราว...แต่ชูวิทย์หน้าซีด

รปภ.ของสภา 2 คน เข้ามาทำท่าจะอัญเชิญชูวิทย์ออกไป  แต่ชูวิทย์ทำตลก “เช็คแฮนด์”กับรปภ.แล้วนั่งลงอย่างหมดลาย รปภ.เห็นสถานการณ์ดีขึ้นก็ถอยไป ประธานก็ทำท่าจะไม่ว่าอะไร แต่บอกให้เลขาสภาบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ ...เกือบHappy ending

เหมือนฟ้าผ่ากลางรัฐสภา เมื่อพ่อบุญยอด สุขถิ่นไทยคนที่นายชูวิทย์ กำลังจะแย่งซีน ได้ลุกขึ้นมาบอกกับประธานว่า “สิ่งที่ประธานวินิจฉัยนั้น ถือว่าเด็ดขาด ฉะนั้น ต้องออกไปอย่างเดียว” ..ตอกตะปูปิดฝาโลงชูวิทย์

ภาพที่ปรากฏ ชูวิทย์เดินกระย่องกระแย่งออกจากที่ประชุมไปอย่างหมดลาย  ในใจนั้นคงทั้งโกรธทั้งอาย ที่โดนใบแดงตั้งแต่นาทีแรก ..สร้างสถิติใหม่ !

ถ้านับแต่เสร็จสิ้นการเลือกตั้งแล้ว  จนถึงวันนี้ ชูวิทย์ได้สร้างวาทะกรรมหลายอย่างไว้ จนทุกฝ่ายเริ่มหมั่นไส้ กับท่าที คำพูดที่ไม่รู้จักความควรไม่ควร ..อาจเพราะหลงตัวเอง

ชูวิทย์คงเข้าใจว่ารัฐสภาเป็นอะไรสักอย่าง คงเหมือนสภากาแฟ  เมื่อดูทีวีก็เห็นแต่สส.ทะเลาะกัน กล่าวหากัน ด่ากัน ประท้วงกันไปมา จึงมองรัฐสภาและสส.เป็นแค่เพียงคนกลุ่มสังคมหนึ่งเท่านั้น ไม่ให้ความสำคัญ...อาจเหยียดหยามเสียอีก

แต่ชูวิทย์คงไม่เข้าใจว่า รัฐสภานั้น ก็มีอัตลักษณ์ คุณลักษณ์เป็นของตัวเอง มีกฎ มีระเบียบควบคุม พฤติกรรม ให้บุคคลที่เป็นสส.ต้องดำเนินไปตามกรอบที่กำหนดไว้ จะชั่วดีถี่ห่างอย่างไร ก็เป็นผู้ทรงเกียรติที่ชาวบ้านจำนวนมากเลือกเข้ามา..มีกฎเกณฑ์มีกติกา

หลายคนก็คาดไว้แล้วเช่นนี้ว่าสิ่งที่ชูวิทย์ทำนั้น สักวันหนึ่งมันจะต้องย้อนมาทำลายตนเอง และทายต่อไปว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีชูวิทย์อยู่ในสภาอีก..เขาเชื่อเช่นนั้น

แม้การถูกขับออกมาจากห้องประชุมสภา จะถือเป็นเรื่องปกติ แต่ความรู้สึกที่เสียไปของคนที่เลือกชูวิทย์เข้ามา และได้เห็นภาพชูวิทย์ทำสิ่งที่เหลวไหลไร้สาระจนเป็นเหตุให้ต้องถูกขับออกมาอย่างหมดศักดิ์ศรีในวันนี้..พวกเขาคงแทบจะเอาเท้าปิดหน้า !!!