ประเทศไทย เป็นประเทศหนึ่งใน ที่มีแสนยานุภาพทางทหารในระดับสูงในโลก เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ ทั้งๆ ที่ในช่วงระยะ กว่า ๒๐๐ ปีที่ผ่านมาเกือบไม่มีกรณีปฎิบัติการ เพื่อปกป้องการรุกลำ้แผ่นดิน แต่กลับมีการปฎิบัติการ ในการ ปฎิวัติและรัฐประหาร เป็นอันดับแรกของประเทศในโลก คำถามที่บังเกิดขึ้นก็คือ ….อะไรคืออำนาจหน้าที่หลักของทหารไทย?....
ตั้งแต่เยาวัย ชาวไทยได้รับการอบรมสั่งสอน ให้มีความเคารพและเชื่อมั่นในการปฎิบัติหน้าที่ราชการ ของหทาร ที่เป็นเสมือนกำแพงปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และก็เติบโตมาด้วย สภาพความเป็นจริงครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ไม่สามารถเข้าใจได้
๑.) การปกป้อง ชาติ น่าจะมีความหมาย ถึงทุกสิ่งที่เป็นไทย อันรวมทั้ง ประชาชนชาวไทย แต่ถ้าการปกป้องชาติ คือ การพล่าชีวิตของประชาชนชาวไทย ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผ่านมา ก็หมายถึงว่า ชนชาวไทย ในมุมมองของ ทหารไทย น่าจะไม่ใช่ ชาติ นั่นเอง
๒.) การปกป้อง ศาสนา อันในประเทศไทย มีผู้เคารพนับถือ พุทธศาสนา หรือเรียกว่าเป็น ศาสนิกชน เป็นจำนวนไม่น้อย การล่วงเกินเข้าตั้งหน่วยปฎิบัติการของทหารในวัดวาอาราม รวมถึงการปฎิบัติการต่อพระสงฆ์ในวัดประทุม ในหนึ่งปีที่ผ่านมา ก็น่าจะหมายถึงว่า ศาสนาพุทธ มิได้เป็น ศาสนา ตามความเข้าใจหรือตีความ ของทหารไทย นั่นเอง
๓.) การปกป้อง พระมหากษัตริย์ ตามความหมายที่ปวงชนชาวไทยได้รับทราบกันสืบต่อมายาวนาน คือ หมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ การอภิปรายเป็นคำถามถึงการปฎิบัติการ ของ ทหาร รอ. เป็นสาเหตุให้ ทหารออกมาเรียกร้องให้ดำเนินคดีในกรณี หมิ่นสถาบัน ในขณะต่อมา ผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบ หรือเป็นเหตุ ให้ พระราชพาหนะ ถูกอายัดเป็นการล่วงเกินต่อสถาบันในขั้นรุนแรง ในต่างแดน แต่จนบัดนี้ ก็ยังมิมีปฎิกริยาใดๆ ที่แสดงถึง หน้าที่ราชการในการปกป้อง บังเกิดขึ้น ก็น่าจะเข้าใจได้ว่า การตีความหมาย หรือความเข้าใจ ของ ทหาร กรณี พระราชพาหนะ ไม่อยู่ในขอบเขตุ อำนาจหน้าที่ของตน เช่นเดียวกัน กับ การปฎิบัติการ ยึดอำนาจจากผู้ที่ได้รับพระราชทานต่ำแหน่งหน้าที่ หรือ ยกเลิก (ฉีก) รัฐธรรมนูญ ที่พระราชทานให้กับประชาชน รวมทั้งการก้าวก่ายราชการบริหารแผ่นดิน (การเมือง) ที่ได้รับพระราชอำนาจ โดยจากความหมายของปวงชนชาวไทย จะถือรวมเป็น สถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นเอง
ในเมื่อ ทหาร เป็นหน่วยปฎิบัติงานราชการ ที่ระบุแน่ชัดว่า เพื่อปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยได้รับ ค่าชดเชย ที่มาจาก ประชาชนไทย (เงินภาษี) โดยผ่าน รบ.ไทย ให้เป็นผู้แทนว่าจ้าง การตีความไม่ตรงกัน ในแง่ของกฎหมาย ก็จะถือว่า เป็นลักษณะ ผิดสัญญาว่าจ้าง หรือ เป็นการกระทำผิดในหน้าที่ราชการ อันเข้าข่าย ที่ รบ.ไทย จะต้องใช้กระบวนการยุติธรรม ด้านกฎหมายอาญา กับผู้รับผิดชอบ ของ ทหาร โดยหลีกเลี่ยงมิได้ อันจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา มีผลให้เกิดมี กรณีนิรโทษกรรม กับการกระทำในอดีตที่ผ่านมา ของทหาร ซึ่งในแง่กฎหมาย ส่อถึงการบังเกิดโดยมิชอบธรรม (อิสระเสรีการพิจารณา) ของมติชน โดยผ่าน รบ.ไทย ฉนั้นสิทธิอำนาจ ของการยื่นพิจารณาต่อศาลให้มีการยกเลิก นิรโทษกรรมที่ผ่านมาน่าจะเป็นไปได้ และในขณะเดียวกัน รบ.ไทย ที่มาจากมติชน ในวันนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะให้ ควบคุมสิทธิอำนาจการปฎิบัติหน้าที่ของ ทหาร ให้เป็นไปตามบัญญัติ รธน. (ข้อว่าจ้าง) คือ ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามเจตตนารมณ์ของผู้มอบหน้าที่ คือ รบ.ไทย ในขอบกำหนดของ รธน. ในขณะเดียวกัน เรียกร้องความรับผิดชอบ ตามกระบวนกฎหมายกับ ทหาร กับกรณีผิดอำนาจหน้าที่ โดยไม่มีข้อยกเว้น จากในอดีตจนถึงปัจจุบัน ตราบใดที่อายุความยังอำนวย ครับ
ความเข้าใจถึงความ เกรงกลัว ของประชาชน ก็คือ ลักษณะของผู้ชุมนุม นปช. ที่ราชประสงศ์ ที่ต้องทนกับอำนาจฝ่ายตรงข้าม ของกำลังทหาร ที่พร้อมเพรียบด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์สงคราม อันก็เป็นผลให้บังเกิด การยอมรับ รบ.ในค่ายทหาร หรือการเรียกร้องงบประมาณ โดยไม่สามารถตรวจสอบ หรือ ชี้แน๊ะ ผู้มาดำรงค์ตำแหน่ง รมต.กห. เป็นต้น ถ้าผู้ว่าจ้างถูกกดดันจากลูกจ้าง ผลงานที่ออกมาก็คือ ลูกจ้างรีดใถผู้จ้างโดยอิสสระ นั่นเอง คือถ้าเลี้ยง สุนัข ไว้เฝ้าบ้าน เจ้าของบ้านไม่ควรถูกสุนัขกัดเสียเอง ฉันนี้ฉันไร เมื่อถ้ายังต้องการ ให้สุนัข เฝ้าบ้าน คือล๊ะไม่ได้ ก็ควรมีมาตราการ ที่ไม่ให้สามารถถูกกัดได้อีกต่อไป ครับ เป็นสิ่งที่เชื่อแน่ได้ว่า อาจบังเกิดมีความรุนแรงบังเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม พันเท่าดีกว่าที่จะอยู่ในสภาพเช่นนี้ สืบต่อไปให้กับลูกหลาน ครับ
แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 54 09:30:28