เปิดปูม"นายกฯคนที่ 28"
"น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มีชื่อเล่นว่า "ปู" เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ.2510 เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวน 10 คน ของ "นายเลิศ-นางยินดี ชินวัตร"
ด้วยเหตุผลที่เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ทำให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย เลี้ยงดู-อุ้มชูประหนึ่งลูกสาวคนหนึ่ง
"ยิ่งลักษณ์" จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ และมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ก่อนเข้าศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คว้าปริญญาตรี-ได้เป็น "สิงห์ขาว" เต็มขั้นในปี 2531
จากนั้นลัดฟ้าไปศึกษาต่อด้านรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต สหรัฐอเมริกา และเป็น "มหาบัณฑิต" ปี 2533
แม้ความใฝ่ฝันดั้งเดิมคือการเป็น "ทูต" แต่หลังสำเร็จการศึกษา เธอกลับเข้าทำงานที่ "บริษัท ชินวัตร ไดเร็กทอรี่ส์ จำกัด" ในปี 2534 ประเดิมอาชีพแรกด้วยการเป็นพนักงานขายฝึกหัดด้านการตลาด หรือ "เซลส์แมน" ขายโฆษณาเยลโล่เพจเจส (สมุดหน้าเหลือง) ก่อนได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็น "ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ" ในปีเดียวกัน และขึ้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตในเวลาต่อมา
ปี 2537 ย้ายไปเป็น "ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เรนโบว์ มีเดีย จำกัด" เดิมเป็นแผนกงานหนึ่งของบริษัท ไอบีซี อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น หรือทรูวิชั่นส์ ตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากบริษัทไอบีซีฯ คือ "รองกรรมการผู้อำนวยการ"
ปี 2545 ข้ามห้วยมาอยู่แวดวงธุรกิจสื่อสาร นั่งตำแหน่ง "กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส" หรือเอไอเอส รับหน้าที่บริหารธุรกิจสื่อสารคมนาคมที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้าน
กระทั่งปี 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายเทหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป ให้แก่กองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ "ยิ่งลักษณ์" จึงลาออกจากการเป็น "บิ๊กบอสเอไอเอส"
แต่ยังดำรงตำแหน่ง "กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเซท จำกัด" ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล "ชินวัตร"
นอกจากนี้ "ยิ่งลักษณ์" ยังมีบทบาทในฐานะกรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม และเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีม "เรือใบสีฟ้า" ที่ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ทุ่มเงินซื้อ โดยหมายใช้กีฬาสานสามัคคีเพื่อนร่วมชาติ
ด้านครอบครัว "ยิ่งลักษณ์" สมรสแบบไม่จดทะเบียนกับ "อนุสรณ์ อมรฉัตร" อดีตผู้บริหารในเครือบริษัทซีพี และอดีตกรรมการผู้อำนวยการบริษัท เอ็มลิงก์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ของ "เยาวภา วงศ์สวัสดิ์" พี่สาวคนที่ 5 ของ "น้องปู" ในปี 2538 มี "ธนินท์ เจียรวนนท์" ประธานเครือซีพี เป็นประธานงานแต่งงาน
หลังครองรักมานาน 17 ปี มีพยานรักชื่อ "ด.ช.ศุภเสกข์" หรือ "น้องไปค์" อายุ 9 ปี
กระทั่งปี 2554 เธอตัดสินใจทิ้งทุกตำแหน่งทางธุรกิจ-เทขายหุ้นทั้งหมด เพื่อลงสู่สนามการเมืองเต็มตัว ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2554 ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติเสนอ "ยิ่งลักษณ์" เป็นแคนดิเดตนายกฯ
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือเธออยู่ในสถานะ "โคลนนิ่งทักษิณ" และนั่นทำให้เธอเติบโตทางการเมืองแบบ "ก้าวกระโดด" จาก "ซีอีโอหญิง" ผู้ไม่เคยเป็น ส.ส. ไม่ผ่านงานรัฐมนตรี แต่ถูกแทงทะลุตรงไปที่ตึกไทยคู่ฟ้า ในฐานะ "นายกฯหญิงคนแรก" ของสยามประเทศ!!!
ที่มา >>>>>>>>>>>>>>>>>>> (((จิ้ม)))
มีคนที่ไม่ชอบ ตั้งข้อครหาว่า เป็นแค่น้องทักษิณสวยแต่ไร้สมอง ไร้ประสบการณ์ ผมอยากบอกว่า
ตระกูลร่ำรวยของประเทศแทบทุกตระกูล ลูกหลานเมื่อเรียนแล้ว มักจะส่งให้ทำงานในธุรกิจครอบครัวเริ่มจากตำแหน่งเล็กๆก่อน เพื่อให้เรียนรู้กิจการตั้งแต่ขั้นต้น ได้รู้ได้เห็นว่าระดับพนักงานตัวเล็กๆลำบากอย่างใรบ้าง แล้วเมื่อชำนาญแล้วถึงได้ไต่ไปในระดับสูงยิ่งขึ้น
เมื่อคุณปูเรียนถึงปริญญาโทเป็นมหาบัณฑิต-มีประสบการณ์ในการบริหารกิจการขนาดใหญ่ ทำไมจะเป็นนายกฯที่ดีไม่ได้
สมรสแล้วแต่ไม่จดทะเบียนด้วยเหตุผลทางธุรกิจแต่ใช้ชีวิตแบบ"ปกติธรรมดาเหมือนครอบครัวทั่วไปครับ"ไม่เหมือนสถานะภาพแปลกประหลาดของผู้หลักผู้ใหญ่บางพรรค
ทีอดีตนายกฯ 1 สมัยคนนั้นผิดกันมาก ชีวิตคาบช้อนเงินช้อนทองออกมา ไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นโลกกว้างอะไรเลย เรียนแต่ในตำราและน่าจะรู้แต่ในตำราด้วย ทัศนคติเห็นแล้วไม่เหมาะที่จะมาทำงานรับใช้ประชาชนเลย ประสบการณ์ธุรกิจมาเพียง"เคยเป็นนายหน้าขายที่ดินให้พ่อ"เท่านั้น และการทำงานเห็นๆกันอยู่ว่า"ดีแต่พูด และชอบสร้างปัญหา"
มาดูคนที่"ดีแต่ทำงานและชอบแก้ปัญหา"ดีกว่าครับที่สำคัญคุณปูยังมีพี่ชายที่เก่งระดับโลก คอยให้คำปรึกษาอีกด้วยนะครับ เพราะถึงตัวจะห่างกันแต่ใจยังไกล้ชิดกัน คงไม่มีพี่ชายคนใหนที่จะใจไม้ใส้ระกำที่จะไม่ยอมช่วยเหลือน้องสาวตัวเองบ้างครับ