การเมือง เรื่องของความคาดหวัง การให้กำลังใจ รัฐบาลยิ่งลักษณ์..ต้องยืนหยัด อดทน และทบทวนบทเรียนในอดีต
|
 |
และแล้วก็เป็นไปตามคาด จากผลสำรวจของ สวนดุสิตโพล ที่ออกมาว่า ประชาชนกว่า ร้อยละ 68 คาดหวังกันว่า รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของคุณยิ่งลักษณ์ จะประสบความสำเร็จในการบริหารงานราชการแผ่นดิน ให้พัฒนา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมได้..
พร้อมกันนี้ กว่าร้อยล่ะ 53 ยินดีให้เวลา รัฐบาลใหม่นี้ มากกว่า 6 เดือนขึ้นไป เพื่อแสดงฝีไม้ลายมือในการแก้ไขปัญหาของประเทศ เนื่องจากเห็นว่า บ้านเมืองมีปัญหาสั่งสมมากมาย ต้องใช้ความรอบคอบ และคำนึงถึงผลดี และผลเสียที่ตามมา..
ผลสำรวจย่อๆ ที่ออกมาอย่างนี้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ประชาชนคาดหวังไว้ค่อนข้างสูง แต่ก็พร้อมให้กำลังใจ และให้เวลา
แต่เพราะว่าในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ ตามที่คาดหวังไว้ 100 % ..ดังนั้นตัวผมเอง ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ก็อยากร้องขอจากทุกฝ่าย คือ..การใช้ความผิดพลาดในอดีต มาเป็นบทเรียน..สำหรับการทำงานในปัจจุบัน เพื่อวันที่กว่าในอนาคต..
จะว่าไปแล้ว ความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่ผ่านมาจนพาบ้านเมืองไปสู่ความวุ่นวาย และใช้ความรุนแรงเข้าหากันก็คือ ..ความสับสน ..และขาดความอดทน จะเอาอะไรสักอย่างก็ไม่เอา
บางคนบางพวก เห็นพวกยึดอำนาจก็พลอยเห็นดีเห็นงามกับเขาไป ..ขณะที่บางคน บางพวก ตะโกน โห่ร้องชอบใจที่เห็น พวกเผด็จการซ่อนรูป ในรูปแบบรัฐบาลหอย โดนทุบเปลือกแตก จนต้องกลับไปมุดถ้ำมุดรูอยู่..
ก็เพราะมันเป็นซะอย่างนี้บ้านเมือง ก็เลยไม่พ้นวงจรอุบาทว์ ได้แต่หมุนเวียนเปลี่ยนสลับไปมา ไม่ไปไหนสักที
แต่ในวันนี้ เวลานี้ เมื่อเสียงของประชาชนส่วนใหญ่เลือกแล้วที่จะไม่เอาเผด็จการ ไม่ว่าเป็นในรูปแบบไหน ก็ได้แต่หวังว่า ขอให้ช่วยกันอดทน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ฝ่าฟันอุปสรรค เพื่อสนับสนุนรัฐบาลที่มาอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย ให้ก้าวข้ามวงจรอุบาทว์ที่ว่าไปเสียที
ฝ่ายรัฐบาลมีหน้าที่บริหารงานให้มีประสิทธิภาพตามที่แถลงนโยบายไว้ ส่วนฝ่ายค้านก็มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่าทำตามนโยบายที่แถลงไว้ หรือบริหารด้วยความโปร่งใสเพียงใด..เพราะทุกอย่างมีกติกา ทุกคนจึงต้องทำตามกติกา
ที่สำคัญ ประวัติศาสตร์ทางการเมืองก็ บอกไว้ชัดเจนชัดแจ้งแล้วว่า การที่ประชาธิปไตยในบ้านเราไม่ก้าวหน้า ล้มลุก คลุกคลานมาตลอด ก็เป็นเพราะนักการเมืองน้ำเน่าบางกลุ่ม บางพวก ยังคงเวียนอยู่กับคำว่าผลประโยชน์มากกว่าที่จะรักษาหลักการของประชาธิปไตย ถึงขั้นยอมทำทุกอย่าง ทุกวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ จนยอมแม้กระทั่งการไปอยู่ใต้เงา ของฝ่ายเผด็จการ
ไม่ต้องไปดูอื่นไกล ให้ดู นกแก้วหนุ่ม แร้งแก่ กับ เหยี่ยวปีกเขียวปากร้ายตัวหนึ่งเป็นตัวอย่าง แม้จะต่างสายพันธุ์แต่กลับหากินด้วยกัน อย่างมีความสุขเมื่อยามสมประโยชน์ คงเหลือไว้แต่เพียงซากกองกระดูก ไว้ดูต่างหน้าโดยหาใครรับผิดชอบไม่ได้สักตั่ว
ผมเชื่อว่าถ้าคนในสังคมส่วนใหญ่ มีจิตสำนึก ยึดมั่นในหลักการที่ว่าข้างต้น มันก็คงไม่ยากหรอกที่จะเห็นการเมืองบ้านเราก้าวไปทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศเหมือนที่คาดหวังไว้ แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่เราก็ต้องอดทนครับ..ให้ดูเกาหลี หรือ ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง เขามาทีหลัง เขายังทำได้ เราก็ต้องทำได้ซิครับ คุณว่าจริงมั้ย..?
จากคุณ |
:
แมวน้ำสีคราม
|
เขียนเมื่อ |
:
วันรพี 54 19:55:27
A:180.180.94.121 X:
|
|
|
|